นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า นายอาคมเติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้รับการคัดเลือกให้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังแห่งปี2566 (Finance Minister of the Year 2023) ของภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก จากนิตยสาร The Banker ในเครือFinancial Times เป็นสิ่งพิมพ์ด้านเศรษฐกิจและการเงินชั้นนำ ได้รับความเชื่อถือในระดับสากล โดยนิตยสาร The Banker ได้กล่าวยกย่องการบริหารงานด้านเศรษฐกิจของนายอาคม ทั้งการใช้หลายมาตรการ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและเยียวยาผลกระทบจากโควิด-19
โดยเฉพาะมาตรการเศรษฐกิจ มุ่งช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยและกลุ่มเปราะบาง การสนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำให้แก่ผู้ประกอบการท่องเที่ยว และมาตรการกระตุ้นการบริโภคในประเทศ อาทิ มาตรการคนละครึ่ง เป็นต้น รวมถึงการสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green Economy) ผ่านมาตรการทางภาษีต่าง ๆ โดยภายใต้การนำของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จนทำให้เศรษฐกิจไทยได้กลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง
นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังยังได้กล่าวกับนิตยสาร The Banker ว่า การดำเนินนโยบายการคลังของไทยผ่านโครงสร้างพื้นฐานเศรษฐกิจดิจิทัลและระบบการชำระเงินออนไลน์ ก้าวหน้าอย่างมาก ทำให้มาตรการเยียวยาสามารถเข้าถึงได้ง่ายและเข้าถึงเป้าหมายกลุ่มเปราะบางได้อย่างมีประสิทธิภาพ การรักษาวินัยทางการคลังในระยะที่ผ่านมา ทำให้กระทรวงการคลังไทยสามารถใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและมาตรการเยียวยาหลากหลายและยังสามารถบริหารจัดการหนี้สาธารณะได้อย่างดี และปฏิบัติตามกฎหมายด้านวินัยการคลังอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ในระยะยาว กระทรวงการคลังจะมุ่งรักษาสถานะทางการคลังที่เข้มแข็งและยั่งยืน มุ่งสู่ดุลการคลังแบบสมดุลภายใน10 ปี ข้างหน้า .-สำนักข่าวไทย
@@@ อาคม รมต.คลังแห่งปี 2566 โดย The Banker @@@
โดยเฉพาะมาตรการเศรษฐกิจ มุ่งช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยและกลุ่มเปราะบาง การสนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำให้แก่ผู้ประกอบการท่องเที่ยว และมาตรการกระตุ้นการบริโภคในประเทศ อาทิ มาตรการคนละครึ่ง เป็นต้น รวมถึงการสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green Economy) ผ่านมาตรการทางภาษีต่าง ๆ โดยภายใต้การนำของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จนทำให้เศรษฐกิจไทยได้กลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง
นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังยังได้กล่าวกับนิตยสาร The Banker ว่า การดำเนินนโยบายการคลังของไทยผ่านโครงสร้างพื้นฐานเศรษฐกิจดิจิทัลและระบบการชำระเงินออนไลน์ ก้าวหน้าอย่างมาก ทำให้มาตรการเยียวยาสามารถเข้าถึงได้ง่ายและเข้าถึงเป้าหมายกลุ่มเปราะบางได้อย่างมีประสิทธิภาพ การรักษาวินัยทางการคลังในระยะที่ผ่านมา ทำให้กระทรวงการคลังไทยสามารถใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและมาตรการเยียวยาหลากหลายและยังสามารถบริหารจัดการหนี้สาธารณะได้อย่างดี และปฏิบัติตามกฎหมายด้านวินัยการคลังอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ในระยะยาว กระทรวงการคลังจะมุ่งรักษาสถานะทางการคลังที่เข้มแข็งและยั่งยืน มุ่งสู่ดุลการคลังแบบสมดุลภายใน10 ปี ข้างหน้า .-สำนักข่าวไทย