เปิด 7 บริการ VVIP ชาวจีนแบบจัดเต็ม สิทธิพิเศษที่ชาวไทยยังไม่เคยได้รับ!
https://www.dailynews.co.th/news/1921851/

ตะลึง! เปิด 7 บริการระดับ VVIP สำหรับนักท่องเที่ยวชาวจีน สิทธิพิเศษแบบจัดเต็ม ที่แม้แต่ชาวไทยยังไม่เคยได้รับ!
 
 
จากกรณีคลิปฉาวของนักท่องเที่ยวสาวชาวจีนที่โพสต์เรื่องราวบอกเล่าความประทับใจ มาเที่ยวกรุงเทพฯ กับแม่ แล้วได้รับการบริการระดับ VVIP โดยจ่ายเงินค่าบริการไปถึง 7,000 บาท เพื่อแลกกับประสบการณ์เจ้าหน้าที่ตำรวจมารับไปขึ้นรถออกจากสนามบินอย่างรวดเร็ว ไม่ต้องเสียเวลาใดๆ ทั้งสิ้น โดยภายหลัง ทางด้าน พล.ต.ต.อภิชาติ สุริบุญญา รอง ผบช.ทท. ในฐานะโฆษกตำรวจท่องเที่ยว ได้เผยว่า รถที่ใช้นำขบวนนั้นไม่ใช่รถราชการ ไม่ผิดอาญา แต่ผิดวินัย เชื่อเป็นการรับจ๊อบพิเศษ พร้อมสั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว พร้อมปฏิเสธการให้ข่าว จนกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างดุเดือดไปทั่วทั้งสังคมไทยอย่างร้อนแรงนั้น
 
ล่าสุดเมื่อวันที่ 23 ม.ค. มีการเปิดเผยในสื่อสังคมออนไลน์ว่า นักท่องเที่ยวจีนสามารถรับบริการพิเศษในประเทศไทยได้ถึง 7 บริการด้วยกัน ประกอบด้วย บริการทำเด็กหลอดแก้ว / บริการตำรวจรับจากสนามบินแบบ vip / บริการทำวีซ่าแบบ elite / บริการเปิดบัญชีธนาคารในไทย / บริการทำใบขับขี่ในไทย / บริการเช่ารถ / บริการเช่าเรือยอชท์ บอดี้การ์ด และตำรวจนำขบวน

อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากที่เรื่องราวดังกล่าวเผยแพร่ออกไปต่างมีชาวเน็ตเข้ามาแสดงความเห็นกันเป็นจำนวนมาก อาทิ นี่คือบริการสุดพิเศษ ที่แม้แต่คนไทยยังไม่เคยได้รับ, ขายหน้ามาก, ไทยแลนด์โอนลี่ พร้อมขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกมาตรวจสอบหรือมีมาตรการจัดการโดยด่วนอีกด้วย..
 

---

‘พิธา’ ปลื้มกระแสตอบรับ ‘ก้าวไกล’ ดี มีโอกาสชนะทั้ง 33 เขต เปลี่ยน กทม.เป็นสีส้ม
https://www.matichon.co.th/politics/news_3785383
 
‘พิธา’ ปลื้มกระแสตอบรับ เชื่อมีโอกาสชนะทั้ง 33 เขต เปลี่ยน กทม.เป็นสีส้ม
 
เมื่อวันที่ 23 มกราคม นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ กทม.อย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ทั้งพื้นที่บางกะปิ พื้นที่ฝั่งธนบุรี และเยาวราช ถือว่าน่าพอใจมาก ประชาชนตอบรับและให้กำลังใจอย่างอบอุ่น อวยพรให้พรรค ก.ก.ชนะเลือกตั้ง ทำให้ยิ่งเชื่อมั่นว่าในการเลือกตั้งที่จะมาถึง เรามีโอกาสชนะทั้ง 33 เขต เปลี่ยน กทม.เป็นสีส้มได้
 
นายพิธากล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ พรรค ก.ก.ชูสโลแกน “การเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคต” เพื่อยืนยันความตั้งใจของเราที่ไม่ใช่แค่ต้องการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล แต่ต้องการเปลี่ยนแปลงประเทศ ซึ่งต้องอาศัยการแก้ปัญหาที่ต้นตอคือปัญหาการเมือง อย่างการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ปิดสวิตช์ 3 ป. รวมถึงการเสนอชุดนโยบายที่ยกระดับสวัสดิการของประชาชนตั้งแต่เกิดจนแก่ อย่าง “สวัสดิการไทยก้าวหน้า” และส่งเสริมผู้ประกอบการรายย่อย เช่น หวย SME เมื่อประกอบกับผู้สมัครที่เป็นคนรุ่นใหม่ มีประสบการณ์จากหลายวงการ
 
“ทั้งหมดนี้จะทำให้พรรคก้าวไกลเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ของประชาชนที่ต้องการเห็นประเทศไทยมีอนาคต ทำให้คนไทยมีสิทธิเสรีภาพเท่าเทียมกัน และประเทศไทยมีความสามารถแข่งขันกับโลกได้” หัวหน้าพรรคก้าวไกลระบุ
 

---

‘นภาพร’ หวัง ‘ประยุทธ์’ โชว์สปิริตออกจากบ้านพักหลวง จวกของแพง 2 ป.มัวแต่แย่งลงพื้นที่
https://www.matichon.co.th/politics/news_3785276
 
‘นภาพร’ ชี้ชาวบ้านไม่ขำด้วย 2 ป.ปาดหน้าแย่งกันลงพื้นที่ เพราะสินค้ายังขึ้นราคาไม่หยุด จี้ ‘บิ๊กตู่’ แสดงสปิริตย้ายออกจากบ้านพักหลวง หลังประกาศเป็นนักการเมืองเต็มตัวแล้ว
 
เมื่อวันที่ 23 มกราคม น.ส.นภาพร เพ็ชร์จินดา รองหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวว่า ก่อนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะไปปราศรัยใหญ่ในฐานะนักการเมืองครั้งแรกที่ จ.ชุมพร ในวันที่ 28 มกราคม พล.อ.ประยุทธ์ช่วยแสดงให้เห็นสักครั้งได้ไหมว่าจะเป็นนักการเมืองที่เสียสละเพื่อส่วนรวมอย่างแท้จริงด้วยการย้ายออกจากบ้านพักในค่ายทหาร เพราะตอนนี้ต้องถือว่าเป็นนักการเมืองเต็มตัวแล้วนับตั้งแต่เปิดตัวเข้าเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) จึงไม่น่าจะได้รับสิทธิพิเศษใดๆ จากกองทัพอีกเหมือนกับการไปปราศรัยหาเสียงที่ไม่สามารถใช้ทรัพยากรจากทางราชการได้
  
“ตอนนี้ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนักการเมืองเต็มตัวแล้ว และประกาศจะไปต่ออีก 2 ปี ดังนั้น ก่อนจะไปต่อขอให้แสดงสปิริตโชว์หน่อยได้ไหมว่าท่านไม่ได้ใช้อภิสิทธิ์เหนือนายพลเกษียณคนอื่นๆ ไม่มีสิทธิเหนือนักการเมืองทั่วไป ซึ่งการอยู่บ้านพักหลวงมาค่อนชีวิตทำให้ท่านอาจไม่เข้าใจถึงความทุกข์ยากของชาวบ้านตาดำๆ ที่ต้องจ่ายค่าน้ำค่าไฟที่แพงขึ้นทุกวัน เมื่อไม่เข้าใจก็ไม่สามารถแก้ปัญหาได้อย่างถูกต้อง จึงไม่แปลกที่ท่านยิ่งอยู่นานชาวบ้านยิ่งเดือดร้อน ตอนนี้ไปไหนมาไหนก็มีแต่คนอยากจะเลือกตั้งเร็วๆ จะได้เปลี่ยนรัฐบาลเสียที” น.ส.นภาพรกล่าว
 
น.ส.นภาพรกล่าวต่อว่า ตั้งแต่ปีใหม่มีสินค้าแอบขึ้นราคาเงียบๆ หลายรายการ รวมทั้งค่าก๊าซหุงต้มที่จะขึ้นราคาเป็นถังละ 425 บาท ซึ่งจะทำให้ราคาอาหารจานด่วนขยับตาม จนถึงวันนี้ประชาชนยังมองไม่เห็นเลยว่าเศรษฐกิจจะดีขึ้นตอนไหน ขณะที่ลุงตู่กับลุงป้อมก็มัวแต่ปาดหน้ากันไปปาดหน้ากันมาเพื่อแย่ง ส.ส.และแย่งนโยบายกันเองโดยไม่สนใจชาวบ้าน ทำไมรัฐบาลไม่ใช้เวลาที่เหลืออยู่แสดงให้เห็นว่ายังสามารถแก้ปัญหาได้ในอีกหลายเรื่อง แต่กลับมัวแต่ห่วงตัวเองปาดหน้ากันลงพื้นที่เหมือนเด็กเล่นขายของ ซึ่งชาวบ้านเขาคงจะไม่สนุกด้วยเพราะยังเดือดร้อนอย่างแสนสาหัสจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำและสินค้าราคาแพง
 
“ตอนนี้ท่านเสรีพิศุทธ์กำลังเตรียมข้อมูลทีเด็ดเอาไว้อภิปรายรัฐบาล โดยเฉพาะประเด็นการทุจริตในแวดวงราชการที่กำลังบานเป็นดอกเห็ดอยู่ในขณะนี้ ซึ่งน่าตกใจว่าเมื่อเชื่อมโยงข้อมูลลึกๆ ลงไปกลับพบว่ามีบิ๊กๆ ในรัฐบาลชุดนี้เข้าไปเกี่ยวข้อง หรือคอยปกป้องช่วยเหลือ
  
“หวังว่า พล.อ.ประยุทธ์จะไม่ชิงยุบสภาหนีไปเสียก่อน โดยจะชี้ให้เห็นว่าทำไมบ่อนการพนัน ยาเสพติด การทุจริตคอร์รัปชั่น ข้าราชการกังฉิน อาชญากรรมไซเบอร์ จึงมาปะทุในยุคนี้ ถ้าเลือกท่านเสรีพิศุทธ์ไปปราบแค่ 2 ปีก็จัดการได้แล้ว ไม่ต้องใช้เวลา 8 ปี และขอไปต่ออีก 2 ปีเหมือน พล.อ.ประยุทธ์หรอก” น.ส.นภาพรกล่าว

---

‘ประยุทธ์’ มามุกใหม่ ไม่แถลงข่าว คาดเลี่ยงตอบเจอ 'บิ๊กป้อม'-โดนตะโกนไล่
https://www.khaosod.co.th/politics/news_7472764

‘ประยุทธ์’ มามุกใหม่ หลังประชุม สมช. ไม่แถลงข่าวแค่วางเอกสารให้สื่อมวลชน ‘เผย’ พี่น้อง 3 ป. ยังพูดคุยกันปกติ หลังเกิดเหตุการณ์  ‘ปาดหน้า’ ทางการเมือง
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเวลา 15:30 น. วันที่ 23 ม.ค.2566 ที่สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติครั้งที่หนึ่ง / 2566 พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ที่มีสีหน้าเรียบเฉย เดินลงมายังโพเดียมแถลงข่าว ที่มีกลุ่มสื่อมวลชนและช่างภาพ รออยู่พร้อมถือเอกสารผลการประชุม เหมือนเช่นทุกครั้งที่จะมีการแถลงข่าวให้กับสื่อมวลชนหลังการประชุม
 
แต่ปรากฏว่า เมื่อมาถึงโพเดียม นายกรัฐมนตรีได้กล่าวเพียงสั้นๆ อย่างกระแทกกระทั้น พร้อมวางเอกสารผลการประชุมบนโพเดี้ยมเสียงดัง ว่า “สวัสดีครับ การประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ ได้เสร็จสิ้นลงทุกอย่างเป็นไปตามเอกสารแถลงข่าวฉบับนี้” จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ เดินออกจากโพเดียม เพื่อขึ้นรถยนต์กลับออกไปทันที
 
โดยเมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ นายไพศาล พืชมงคล อดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) และนักกฎหมาย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า พล.อ.ประวิตร ได้ชูนโยบายชูธงนโยบาย “ยุติความขัดแย้งเก่า เดินหน้าประเทศไทยใหม่”ซึ่งนโยบายนี้ จะมีการนิรโทษกรรมให้แก่ผู้กระทำความผิดการเมืองตั้งแต่ปี 2548 โดยพลเอกประยุทธ์ไม่ตอบคำถามดังกล่าวก่อนจะให้พลขับเคลื่อนรถออกไปทันที
 
ทั้งนี้ รายงานข่าวแจ้งว่าก่อนการประชุม สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ที่ห้องประชุมวิจิตรวาทาการ ทั้ง 3 ป. คือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรค พปชร. พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย และ พล.อ.ประยุทธ์ ได้เข้าห้องรับรองพูดคุยกันเป็นการส่วนตัวประมาณ 5 นาทีด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส โดยไม่มีคนนอกเข้าไปร่วมพูดคุยด้วย
 
อย่างไรก็ตามภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม พล.อ.ประวิตร ได้ทักทายกับทั้ง 2 ป. แต่ไม่ได้เข้าไปพูดคุยในห้องรับรอง พร้อมกับเดินทางกลับลงมาและเดินทางออกไปจากทำเนียบรัฐบาลทันที
 
อย่างไรก็ตามคาดว่าพี่พล.อ.ประยุทธ์ไม่แถลงข่าวผลการประชุม สมช. ตามปกตินั้นเนื่องจากหลีกเลี่ยงการตอบคำถามของผู้สื่อข่าวทั้งเรื่องการเผชิญหน้ากับพล.อ.ประวิตร รวมทั้งการลงพื้นที่และมีเสียงตะโกนขับไล่