ดอยอ่างขาง ตั้งอยู่บนทิวเขาแดนลาวในพื้นที่ตำบล
อน อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ มีความสูงประมาณ 1,400-1,900 เมตร
วันที่ 14-16 มกราคม 2566
การเดินทางของเราในครั้งนี้ได้ใช้เส้นทางผ่าน อรุโณทัย ใช้เวลาเดินทางจากตัวเมืองเชียงใหม่ประมาณ 3 ชั่วโมง
โดยที่พวกเราได้กางเต็นท์ กันที่จุดชมวิวม่อนสน ของอุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก
โดยค่าธรรมเนียมต่างๆดังนี้
1.ค่าเข้าอุทยาน ผู้ใหญ่ 60 บาท
2.ค่ากางเต็นท์ 30 บาทต่อคน
เราได้มาถึงประมาณ บ่ายสาม ลานกางเต็นท์เกือบเต็ม เลยขอแนะนำว่าถ้าจะมาดอยอ่างขางในช่วงวันหยุดแนะนำให้มาถึงก่อน บ่ายโมงครับ เมื่อเรากางเต็นท์เสร็จก็เดินเล่นชมวิวรอบๆครับ ดูวิวยามเย็น
บริเวณลานกางเต็นม่อนสน มีจุดชาร์ทโทรศัทพ์ไว้บริการนะครับ คิดเครื่องละ 20 บาท ปิด 2 ทุ่ม คืนนี้ก็นอนเอาแรงก่อนเตรียมลุยต่อ
เช้าวันที่ 2 ตื่นมาที่อุณหภูมิ 9 องศา หนาวเลย ตอนที่ลมมายิ่งหนาว
เราก็มาดูดวงอาทิตย์ขึ้น แต่โชคไม่เข้าข้างงนะครับไม่เจอทะเลหมอก แต่เฉพาะดวงอาทิย์ขึ้นก็สวยละครับ จิบกาแฟดูดวงอาทิตย์ขึ้น สบายๆ
ดูดวงอาทิตย์ขึ้นเสร็จก็เดินไป ฐานปฏิบัติการดอยอ่างขาง ซึ่งอยู่ใกล้ๆกับ ลานกางเต็นท์ม่อนสน ที่นี่พึงกลับมาให้กางเต็นท์ในพื้นที่ได้ ค่ากางก็ฟรีเลยแล้วแต่จะบริจาคครับ วิวก็สวย วิวเดียวกันกับ ม่อนสนครับ วิวดวงอาทิตย์ขึ้น
วันนี้เรามีจุดหมาย 3 ที่นะครับ ฐานปฏิบัติการบ้านนอแล ไร่สตอร์เบอร์รี่บ้านนอแล ไร่ชา2000
ที่แรกก็ ฐานปฏิบัติการบ้านนอแล ตั้งอยู่ที่ หมู่บ้านนอแล ที่อยู่ของชนเผ่าปะหล่องและชมทิวทัศน์ฝั่งเพื่อนบ้าน บ้านนอแล ตั้งอยู่สุดเขตประทศไทยชายแดนไทย-พม่า สุดเส้นทางของแหล่งท่องเที่ยวบนดอยอ่างขาง โดย ฐานปฏิบัติการบ้านนอแล เป็นฐานที่มั่นติดชายแดนไทย - พม่า ในอดีตมีการต่อสู้เพื่อปกป้องประเทศ ซึ่งปัจจุบันไม่มีการสู้รบกันแล้ว แต่ยังมีทหารทั้งฝั่งไทย และ พม่าประจำการอยู โดยเปิดเป็นพื้นที่ท่องเที่ยว และมีจุดชมวิวชายแดนไทย-พม่าที่สวยงาม ที่น่ารักอีกอย่างในฐานปฏิบัติการคือ มีขนมกาแฟแจกนะครับ แล้วแต่จะบริจาคเลย
ต่อมาเราก็เดินทางต่อไปที่ ไร่สตรอว์เบอร์รี่บ้านนอแล ซึ่งเป็นของโครงการหลวง ไร่สตรอว์เบอร์รี่บ้านนอแล เป็นไร่แบบขั้นบันได กว้างใหญ่สุดสายตา เป็นแนวๆตามเขา คล้าย ไร่ชา ไร่นี้จะห้ามเก็บผลสตรอว์เบอร์รี่***เน้นว่าห้ามเก็บ*** ค่าปรับลูกละ 100 บาท นะครับ
แต่จุดเด่นของที่นี่คือทิวทัศน์ของแปลงสตรอว์เบอร์รี่ และภูเขาสลับซับซ้อนเบื้องหลัง รวมถึงทะเลหมอกยามเช้า เรามาสายละนะครับเที่ยงละ ไม่เจอทะเลหมอก
ถัดไป ไร่ชา 2000 หรือ โรงงานผลิตชาอินทรีย์ โครงการหลวง นอกจากเป็นไร่ชาที่อยู่ตามแนวเขามีชาให้ชิมแล้ว ด้านหน้ามีตะกร้าเก็บชาให้เช่า ใบละ 20 บาท ไว้เป็นพร็อบ ให้ถ่ายรูปด้วย พ่อค้าแม่ค้าแนะนำอัทธยาศัยดีครับ มีไขต้มใบชาให้ลองชิมใบละ 10 บาท แต่จุดเด่นของที่นี่จริงๆแล้วคือ มีต้นนางพญาเสือโคร่งทั้งสีชมพูและสีขาวให้ชม ตามแนวถนนเลยนะครับ เพื่อนๆลองชมกันดู
เสร็จภาระกิจวันนี้นะครับ เหนื่อยเหมือนกัน (ใครว่ามาเที่ยวคือการพักผ่อน) เย็นวันนี้เราสั่งหมูกระทะ ร้านค้าในพื้นที่มากินนะครับ ชุดละ 499 บาท กินหน้าเต็นท์เลย มาส่ง มาเก็บให้เรียบร้อย สบายดีเหมือนกัน ก่อนเข้านอนก็ขอเสนอรูปวิวเมืองฝาง ไชยปราการยามค่ำคืน ซักหน่อยดาวบนดินนะครับ
เช้าันต่อมา มาลุ้นกันต่อ ว่าจะเจอทะเลหมอกไหม ก็ไม่เจอเหมือนเดิมนะครับ จะว่าไม่เจอเลยก็ไม่ใช่ เจออยู่แบบบางๆๆ
จุดหายสุดท้ายของเราในทริปนี้ก็ สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง โครงการหลวงแห่งแรกของประเทศไทย
สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เพื่อส่งเสริมอาชีพเกษตรกรรม ทดแทนการปลูกฝิ่น จุดท่องเที่ยวเด่น สวนบอนไซ สวน80 สวนบ้วย สวนซากุระ
ค่าเข้าชมคนละ 50 บาท ค่ารถเข้าอีก 50 บาท เข้าไปก็โดนต้านรับด้วยซากุระญี่ปุ่นเลย ชมพูสดจริงๆ
เราก็เที่ยวในสถานีเกษตร ขับรถไปเรื่อยๆ ตามข้างถนนก็จะมีต้นซากุระญี่ปุ่น อยู่เรื่อยๆ แวะเกือบทุกจุด สวนบอนไซ สวน 80 แต่ฤดูนี้ ต้นเดือน มกราคม ทุกจุดก็จะโดน ซากุระญี่ปุ่น แย่งซีนไปหมด
จบทริปการเดินทางของพวกเราในครั้งนี้สำหรับ ดอยอ่างขาง ดินแดนแห่งความทรงจำ
ฝากติดตามผลงานของพวกเราด้วยนะครับ
หลงป่า Ep.03 ดอยอ่างขาง โดย GwamgPha Channel (กวางผา)
อ่างขาง 3 วัน 2 คืน ดูซากุระญี่ปุ่น นางพญาเสือโครงสีชมพู สีขาว วิวดวงอาทิตย์ขึ้น วิวชายแดนไทย-พม่า
ดอยอ่างขาง ตั้งอยู่บนทิวเขาแดนลาวในพื้นที่ตำบลอน อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ มีความสูงประมาณ 1,400-1,900 เมตร
วันที่ 14-16 มกราคม 2566
การเดินทางของเราในครั้งนี้ได้ใช้เส้นทางผ่าน อรุโณทัย ใช้เวลาเดินทางจากตัวเมืองเชียงใหม่ประมาณ 3 ชั่วโมง
โดยที่พวกเราได้กางเต็นท์ กันที่จุดชมวิวม่อนสน ของอุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก
โดยค่าธรรมเนียมต่างๆดังนี้
1.ค่าเข้าอุทยาน ผู้ใหญ่ 60 บาท
2.ค่ากางเต็นท์ 30 บาทต่อคน
เราได้มาถึงประมาณ บ่ายสาม ลานกางเต็นท์เกือบเต็ม เลยขอแนะนำว่าถ้าจะมาดอยอ่างขางในช่วงวันหยุดแนะนำให้มาถึงก่อน บ่ายโมงครับ เมื่อเรากางเต็นท์เสร็จก็เดินเล่นชมวิวรอบๆครับ ดูวิวยามเย็น
บริเวณลานกางเต็นม่อนสน มีจุดชาร์ทโทรศัทพ์ไว้บริการนะครับ คิดเครื่องละ 20 บาท ปิด 2 ทุ่ม คืนนี้ก็นอนเอาแรงก่อนเตรียมลุยต่อ
เช้าวันที่ 2 ตื่นมาที่อุณหภูมิ 9 องศา หนาวเลย ตอนที่ลมมายิ่งหนาว
เราก็มาดูดวงอาทิตย์ขึ้น แต่โชคไม่เข้าข้างงนะครับไม่เจอทะเลหมอก แต่เฉพาะดวงอาทิย์ขึ้นก็สวยละครับ จิบกาแฟดูดวงอาทิตย์ขึ้น สบายๆ
ดูดวงอาทิตย์ขึ้นเสร็จก็เดินไป ฐานปฏิบัติการดอยอ่างขาง ซึ่งอยู่ใกล้ๆกับ ลานกางเต็นท์ม่อนสน ที่นี่พึงกลับมาให้กางเต็นท์ในพื้นที่ได้ ค่ากางก็ฟรีเลยแล้วแต่จะบริจาคครับ วิวก็สวย วิวเดียวกันกับ ม่อนสนครับ วิวดวงอาทิตย์ขึ้น
วันนี้เรามีจุดหมาย 3 ที่นะครับ ฐานปฏิบัติการบ้านนอแล ไร่สตอร์เบอร์รี่บ้านนอแล ไร่ชา2000
ที่แรกก็ ฐานปฏิบัติการบ้านนอแล ตั้งอยู่ที่ หมู่บ้านนอแล ที่อยู่ของชนเผ่าปะหล่องและชมทิวทัศน์ฝั่งเพื่อนบ้าน บ้านนอแล ตั้งอยู่สุดเขตประทศไทยชายแดนไทย-พม่า สุดเส้นทางของแหล่งท่องเที่ยวบนดอยอ่างขาง โดย ฐานปฏิบัติการบ้านนอแล เป็นฐานที่มั่นติดชายแดนไทย - พม่า ในอดีตมีการต่อสู้เพื่อปกป้องประเทศ ซึ่งปัจจุบันไม่มีการสู้รบกันแล้ว แต่ยังมีทหารทั้งฝั่งไทย และ พม่าประจำการอยู โดยเปิดเป็นพื้นที่ท่องเที่ยว และมีจุดชมวิวชายแดนไทย-พม่าที่สวยงาม ที่น่ารักอีกอย่างในฐานปฏิบัติการคือ มีขนมกาแฟแจกนะครับ แล้วแต่จะบริจาคเลย
ต่อมาเราก็เดินทางต่อไปที่ ไร่สตรอว์เบอร์รี่บ้านนอแล ซึ่งเป็นของโครงการหลวง ไร่สตรอว์เบอร์รี่บ้านนอแล เป็นไร่แบบขั้นบันได กว้างใหญ่สุดสายตา เป็นแนวๆตามเขา คล้าย ไร่ชา ไร่นี้จะห้ามเก็บผลสตรอว์เบอร์รี่***เน้นว่าห้ามเก็บ*** ค่าปรับลูกละ 100 บาท นะครับ แต่จุดเด่นของที่นี่คือทิวทัศน์ของแปลงสตรอว์เบอร์รี่ และภูเขาสลับซับซ้อนเบื้องหลัง รวมถึงทะเลหมอกยามเช้า เรามาสายละนะครับเที่ยงละ ไม่เจอทะเลหมอก
ถัดไป ไร่ชา 2000 หรือ โรงงานผลิตชาอินทรีย์ โครงการหลวง นอกจากเป็นไร่ชาที่อยู่ตามแนวเขามีชาให้ชิมแล้ว ด้านหน้ามีตะกร้าเก็บชาให้เช่า ใบละ 20 บาท ไว้เป็นพร็อบ ให้ถ่ายรูปด้วย พ่อค้าแม่ค้าแนะนำอัทธยาศัยดีครับ มีไขต้มใบชาให้ลองชิมใบละ 10 บาท แต่จุดเด่นของที่นี่จริงๆแล้วคือ มีต้นนางพญาเสือโคร่งทั้งสีชมพูและสีขาวให้ชม ตามแนวถนนเลยนะครับ เพื่อนๆลองชมกันดู
เสร็จภาระกิจวันนี้นะครับ เหนื่อยเหมือนกัน (ใครว่ามาเที่ยวคือการพักผ่อน) เย็นวันนี้เราสั่งหมูกระทะ ร้านค้าในพื้นที่มากินนะครับ ชุดละ 499 บาท กินหน้าเต็นท์เลย มาส่ง มาเก็บให้เรียบร้อย สบายดีเหมือนกัน ก่อนเข้านอนก็ขอเสนอรูปวิวเมืองฝาง ไชยปราการยามค่ำคืน ซักหน่อยดาวบนดินนะครับ
เช้าันต่อมา มาลุ้นกันต่อ ว่าจะเจอทะเลหมอกไหม ก็ไม่เจอเหมือนเดิมนะครับ จะว่าไม่เจอเลยก็ไม่ใช่ เจออยู่แบบบางๆๆ
จุดหายสุดท้ายของเราในทริปนี้ก็ สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง โครงการหลวงแห่งแรกของประเทศไทย
สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เพื่อส่งเสริมอาชีพเกษตรกรรม ทดแทนการปลูกฝิ่น จุดท่องเที่ยวเด่น สวนบอนไซ สวน80 สวนบ้วย สวนซากุระ
ค่าเข้าชมคนละ 50 บาท ค่ารถเข้าอีก 50 บาท เข้าไปก็โดนต้านรับด้วยซากุระญี่ปุ่นเลย ชมพูสดจริงๆ
เราก็เที่ยวในสถานีเกษตร ขับรถไปเรื่อยๆ ตามข้างถนนก็จะมีต้นซากุระญี่ปุ่น อยู่เรื่อยๆ แวะเกือบทุกจุด สวนบอนไซ สวน 80 แต่ฤดูนี้ ต้นเดือน มกราคม ทุกจุดก็จะโดน ซากุระญี่ปุ่น แย่งซีนไปหมด
จบทริปการเดินทางของพวกเราในครั้งนี้สำหรับ ดอยอ่างขาง ดินแดนแห่งความทรงจำ
ฝากติดตามผลงานของพวกเราด้วยนะครับ
หลงป่า Ep.03 ดอยอ่างขาง โดย GwamgPha Channel (กวางผา)