คุณพ่อชอบเล่นพระเก๊ จนเงินเก็บของครอบครัวหมด แกน่าจะมีอาการ shining object syndrome

ว่ากันว่าในทุกสาขาอาชีพ มักจะมีเคสบุคคลหรือลูกค้าในตำนาน ที่ไว้เล่าเอามันส์ๆ
เช่นถ้าคุณเป็นเซลขายบ้าน ขายรถ คุณต้องเคยได้ยินเรื่องเล่าเกี่ยวกับลูกค้าในตำนาน
ที่มักจะมาในคราบอาแปะมอซอ รองเท้าแตะ เสื้อยืดคอย้วย และจะถูกสายตาพนักงานขาย
ค่อนแคะว่าจะมีปัญญาซื้อเหรอ  ทันใดนั้นอาแปะก็จะควักตังค์ซื้อเบนซ์ S class,BMW series 7ด้วยเงินสด !!!

  หรือถ้าวงการพระเครื่องก็จะแบบ มีครอบครัวนึง บรรพบุรุษเสียหมดแล้วลูกหลานก็เอาพระไปเร่ขายแบบไม่รู้คุณค่า
ราคาถูกๆหลักร้อยบาท  ที่ไหนได้มันคือพระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่องค์ละ 30 ล้าน ให้เหล่าเซียนหลอกซื้อนิ่มๆ
จนเป็นตำนานของเซียนพระ(มือใหม่)ที่หวังจะซื้อหลักร้อยขายหลักล้าน และเฝ้ารอว่าเมื่อไหร่น้อลูกหลานโง่ๆ
ของบ้านใดบ้านหนึ่งจะเอาพระมาขายแบบทิ้งๆขว้างๆ 
เพี้ยนกินมาม่า

อ่ะเข้าเรื่อง  คือคุณพ่อมีความชอบพระเครื่องมาตั้งแต่หนุ่มๆครับ จนตอนนี้ก็วัยเกษียณแล้ว
เริ่มกลับมาศึกษาพระเครื่องเป็นงานอดิเรกประมาณ 1 ปีใกล้จะ 2 ปีได้แล้วครับ
ทีนี้อยู่มาวันนึง แกไปมีความมั่นใจมาจากไหนไม่ทราบ เปิดไลฟ์ใน facebook เห็นคนขายพระ เป็นเด็กวัยรุ่นครับ
สตอรี่ในตำนานเลย คือคุณพ่อเสีย ที่บ้านเป็นหนี้ จึงลองเอาพระที่เป็นสมบัติของพ่อขายพระองค์ละ 100 บาท
เพียงเพื่อหวังปลดหนี้ และยังมีอยู่หลังกล้องอีกเป็นลังๆ
ไม่รอช้าต่อมความมั่นใจแกก็ทำงานและพูดย้ำๆว่า ไอ้เด็กพวกนี้ขายได้ยังไงองค์ละร้อย บ้าไปแล้ว พระที่เห็นในไลฟ์พวกนี้
ของแท้ทั้งนั้น (ผมมั่นใจว่าจริงๆแล้วคุณพ่อผมไม่เคยจับพระแท้มาก่อนในชีวิต และไลฟ์ที่แกดูน่าจะความคมชัด 240p )
ผมก็นึกว่าแกแค่บ่นๆครับ รู้อีกทีคือ แกโทรไปนัดหมาย แล้วโอนตังค์ไปแล้ว 4 หมื่น และกำลังจะไปเอาของถึงที่

ผมก็ตกใจมากว่าซื้อได้ไง ของจริงก็ไม่เคยเห็น ประสบการณ์เราก็น้อย ขนาดเซียนพระชื่อดังๆใน youtube มีเงินเป็นร้อยล้าน พันล้าน
จะซื้อพระแต่ละองค์ยังต้องไปดูถึงที่ ดูทีละองค์ๆ แม้จะองค์ละแค่หลักพัน  แล้วนี่พ่อยังไม่เคยเห็นแล้วในกล่องมีอะไรบ้างก็ไม่รู้
จ่ายเขาไปแล้ว 4 หมื่น  บ้าเหรอ เก๊ขึ้นมา 0 บาทเลยนะ แล้วถ้าเขามีปัญญาไลฟ์ขายได้
แปลว่าเขาน่าจะเคยถ่ายรูปหรือส่งไลน์ หรือไปให้เซียนดังๆดูหมดแล้วล่ะ แล้วน่าจะเก๊ ไม่งั้นจะมาขายทำไมองค์ละ 100
  แกก็ตอบกลับมาแค่ว่า "พูดมากจังวะ เดี๋ยวให้ล้านนึง จะได้เงียบๆ"    Facepalm

ก็นะ...  ไม่ทันแล้ว ได้พระมา จ่ายเงินส่วนที่เหลือ เบ็ดเสร็จราวๆ 7 หมื่น ได้มาเกือบ 3 ร้อยองค์ ถ้าจำไม่ผิดคือ 288 องค์
และเมื่อได้พระมาแล้วก็ถึงเวลาไปสนามพระเพื่อปล่อยของ....

เบ็ดเสร็จคือ แท้ 0 เก๊ 289  (เก๊เพิ่มมาอีก 1 คือความรู้ของพ่อ)
แม่ก็ซึมล่ะครับ เพราะเราเอาเงินเก็บของครอบครัวไปใช้ รั้น ไม่ฟังใครเลย จริงๆแล้วบ้านเราจนครับ ไอ้ที่เห็นว่าเกือบๆแสนที่จ่ายไป
ก็คือเงินเก็บแทบจะทั้งหมดแล้ว

หลังจากนั้นแกก็บอกว่าเออ  เดี๋ยวจะหาวิธีระบายพระออกละกัน ไม่ซื้อละ แต่ก็เห็นแกดูไลฟ์แล้วก็ F พระทุกวัน
องค์ละร้อยบ้าง 50 บาทบ้าง ของมาส่งวันละ 2-3 องค์ ผมก็แบบ ซื้อทำไม มันเก๊ทั้งนั้น ถ้าไม่เก๊จะเอามาขายองค์ละร้อยเหรอ
แกก็บอกว่า คนพวกนั้นดูไม่เป็น ได้มาแล้วก็ขายแบบไม่รู้คุณค่า หวังแค่ได้ค่ากับข้าว ฟังเขาไลฟ์ดูก็รู้แล้วว่าดูพระไม่เป็น
(ยังงงงงงง   ยังจะมั่นใจและดูถูกคนอื่น)  จนแกรวบรวมพระได้อีกกองใหญ่ ไปแผงพระอีก 3 - 4รอบ  แน่นอนว่าเก๊ทุกรอบ
เก๊แบบ 100 % ไม่แท้แม้แต่องค์เดียว จนเซียนพระก็บอกว่า "คุณอา...  คุณอาต้องค่อยๆศึกษานะ" คือเซียนดูออกอ่ะว่าพ่อผมศึกษาสะเปะสะปะ
กว้างๆ ไม่ลึก ไม่โฟกัส และใจร้อน
ผมคุยกับลูกค้า(ผมเป็นช่างตัดผม) ลูกค้าก็บอกว่า  น่าจะเป็น shining object syndrome แล้วล่ะ
เป็นอาการกลัวเสียโอกาส เก๊ไม่ว่า ขอให้ได้ของมาก่อน ถ้าเป็นหุ้นก็เหมือนคนกลัวตกรถนั่นแหละ พบได้บ่อยมากสำหรับคนชอบลงทุน
และคนกลุ่มนี้คือกลุ่มที่ขาดทุน ล้มเหลวเยอะที่สุด

ผมจะพูดยังไงให้พ่อรับความจริงได้ซักที ว่าสิ่งที่แกคิดว่าแกรู้ มันไม่ใช่ สิ่งที่แกจดจ่อและมุ่งมั่น  มันไม่ใช่ความพยายาม มันเป็นแค่อีโก้
ที่ไม่รับฟังใครเลย ผมร็ว่าลึกๆแกน่าจะเฮิร์ตจากพระกองใหญ่นั้น  มันทำให้แม่ผิดหวัง แกอาจจะแค่อยากชดใช้ แก้มือ
หวังว่าจะฟลุ้ก จับพระหลักร้อย ขายหลักล้าน  ผมว่ามันไม่ต่างจากการซื้อหวยหรือแทงบอลเลย ถูกก็ได้เงิน ผิดก็ 0 บาท
ตอนนี้ก็เครียดครับ เพราะทุกคนในครอบคัวเดือดร้อน

ขอบคุณครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่