อยากให้นักเตะรุ่นหลังๆ เข้ามาอ่าน จะยิ่งใหญ่ ได้ มีบาดแผลในอดีตเป็นเรื่องธรรมดาที่ทำให้เรา แข็งแกร่งขึ้น
ทำให้พัฒนาขึ้น
สองใบแดงของเฮียอุ้ม
หากพูดถึงเจ้า “อุ้ม” ธีราธร บุญมาทัน แน่นอนสิ่งแรกที่ทุกคนนึกถึงในตอนนี้ก็คงจะเป็นลีลาการเล่นฟุตบอลด้วยเท้าซ้ายที่อันตรายอย่างยิ่ง ลูกฟรีคิกทีเด็ดทีมีให้เห็นเสมอๆ แต่ถ้าย้อนกลับไปซักประมาณ 11 ปีที่แล้ว หากพูดชื่อธีราธร สิ่งแรกที่ทุกคนนึกถึงก็คงจะเป็น “ความอารมณ์ร้อน” ซึ่งเป็นเครื่องหมายการค้าของเจ้าตัวมาอย่างยาวนานตั้งแต่สมัยเล่นฟุตบอลนักเรียน ซึ่งครั้งนึงสถิติใบแดงจากการเล่นฟุตบอลนักเรียนให้อัสสัมชัญธนบุรีของเด็กหนุ่มชาวนนทบุรีผู้นี้ ทำให้เจ้าตัวถูกเมืองทอง หนองจอกฯ ยูไนเต็ด (ซึ่งอยู่ในดิวิชั่น 1 ในขณะนั้น) ปฏิเสธการเซ็นสัญญามาแล้ว โดยไม่มีโอกาสแม้แต่ทดสอบฝีเท้า
ย้อนกลับไปในเดือนพฤศจิกายน 2554 หรือเมื่อ 11 ปีที่แล้ว ทีมชาติไทยภายใต้การคุมทีมของวินฟรีด เชฟเฟอร์ กุนซือเยอรมัน คุมทีมชาติไทยลงแข่งขันฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกปี 2014 ที่ประเทศบราซิล โดยมีผลงานในสามนัดแรกที่ถือว่าน่าประทับใจพอสมควรจากการชนะโอมานในบ้าน 3-0 บุกไปแพ้ออสเตรเลียถึงถิ่น 1-2 และเสมอซาอุดิอาระเบียในบ้าน 0-0 ในนัดที่สี่นี้ทีมชาติไทยซึ่งมี 4 คะแนน จาก 3 นัดแรก ต้องเจองานหนักอีกครั้งในการมาเยือนซาอุดิอาระเบีย
เกมนัดนี้ ธีราธร ซึ่งเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงของบุรีรัมย์พีอีเอ ถูกวินนี่ส่งลงเป็น 11 คนแรกจากฟอร์มอันร้อนแรงของเจ้าตัวในไทยพรีเมียร์ลีก แทนเจ้าบอย-ศุภชัย คมศิลป์ ซึ่งลงเล่นเป็นแบ็คซ้ายในสามนัดแรก แต่นัดแรกในฟุตบอลโลกของเจ้าตัวกลับจบลงด้วยหายนะ...
หลังจากการปะทะนอกเกมที่แสนดุเดือดหลายครั้ง ผู้เล่นหมายเลข 7 ของซาอุดิอาระเบียก็เป็นที่จดจำของแฟนฟุตบอลชาวไทยได้เป็นอย่างดี แม้ว่าจะเล่นนอกเกมแต่กลับไม่โดนคาดโทษจากกรรมการแต่อย่างใด จนในช่วงทดเวลาบาดเจ็บเมื่อทีมชาติไทยตามหลังถึง 3 ประตู สุเชาว์วิ่งเข้าไปหวดขาผู้เล่นซาอุดิอาระเบียในจังหวะเล่นมุมธงจนเกิดเหตุการณ์วุ่นวายตะลุมบอลกันเกิดขึ้น เรื่องจบลงตรงที่ “เจ้าอุ้ม” โดนใบแดงไล่ออกจากสนาม จนทำให้เจ้าตัวโดนถล่มอย่างหนักจากการเสียค่าโง่ใบแดงในครั้งนี้
ถัดไปอีกฟากนึงของโลก ทีมชาติไทยชุดซีเกมส์ที่ประเทศอินโดนีเซีย อยู่ในสถานการณ์วิกฤตอย่างมาก แม้ทีมซีเกมส์ชุดนี้ จะเต็มไปด้วยนักเตะดาวรุ่งมากความสามารถอย่าง ปกเกล้า อนันต์, สารัช อยู่เย็น, เกริกฤทธ์ ทวีกาญจน์, รณชัย รังสิโย, อดิศักดิ์ ไกรษร เป็นต้น แต่ด้วยอายุ (ปกเกล้าและสารัช คู่กลางตัวจริง อายุ17-18ปี) ประสบการณ์ลูกหนังในการเล่นท่ามกลางความคาดหวัง และการเตรียมทีมในขณะนั้น ทีมซีเกมส์กลับทำผลงานได้ไม่ดีอย่างที่คาดหวัง หลังจากผลงานในสองนัดแรกย่ำแย่ ต้องลุ้นเข้ารอบในนัดสุดท้ายซึ่งเงื่อนไขเดียวในการเข้ารอบก็คือ การชนะอินโดนีเซียเจ้าภาพให้ได้เท่านั้น
ในวันที่ 13 พฤศจิกายน 2554 เจ้าอุ้มซึ่งโดนใบแดงจากการเล่นในทีมชุดใหญ่ ได้ถูก “โค้ชเหม่ง” ประพล พงษ์พาณิชย์ กุนซือช้างศึกชุดซีเกมส์เรียกตัวเข้ามาเสริมทีม โดยบินด่วนจากประเทศซาอุดิอาระเบียมายังอินโดนีเซีย เพื่อลงสนามต่อกรกับอินโดนีเซียต่อหน้าแฟนบอลกว่า 90,000 คนในสนามเสนายัน โดยหวังว่าฝีเท้าของเจ้าอุ้มจะสามารถช่วยทีมได้ แต่ผ่านไปเพียงไม่กี่นาที เจ้าอุ้ม ถูกใบเหลืองจากการทุ่มผิดจากกรรมการ และโดนใบเหลืองที่สองไล่ออกจากสนามจากการทำฟาวล์บริเวณกรอบเขตโทษ รวมเวลาที่เจ้าอุ้มได้อยู่ในสนามทั้งสิ้นเพียง 12 นาทีเท่านั้น และเป็นใบแดงที่ 2ของเจ้าตัวในรอบ 2 วันเท่านั้น
ผลสุดท้าย ทีมชาติไทยพ่ายแพ้อินโดนีเซียจากทีเด็ดของชาวอินโดเชื้อสายปาปัวอย่าง “ไตตัส โบไน” กองหน้าความเร็วสูง ไป 3-1 ตกรอบแรกซีเกมส์สองสมัยซ้อน ชื่อของเจ้าอุ้มเป็นที่พูดถึงอย่างหนักอีกครั้ง และตกเป็นแพะจากการพ่ายแพ้ครั้งนั้น เจ้าอุ้มถูกโจมตีอย่างหนักจากชาวไทยในทุกๆเว็บบอร์ด ทุกสำนักข่าวและช่องทีวี
"ผมรู้สึกท้อสุดๆ เล่นแล้วก็โดนด่าจนถึงขนาดไปปรึกษาพ่อเพื่อขอเลิกเล่นทีมชาติ แต่พ่อบอกว่าตนเองอุตส่าห์ตามรับตามส่งผมตั้งแต่เด็กหมดเงินเสียเวลาไปไม่รู้เท่าไหร่ ยอมเหนื่อยมาโดยตลอดจะมาเลิกแค่นี้ได้ยังไงให้คิดดูดีๆ ผมจึงตัดสินใจสู้ต่อ” เจ้าอุ้มกล่าว
จากนักเตะซึ่งไม่มีใครเหลียวแล สภาพจิตใจได้รับผลกระทบอย่างนัก แทบหมดอนาคตในการเล่นฟุตบอลและทีมชาติไทย ธีราธรกลับไม่เคยถูก “เนวิน ชิดชอบ” บุรุษผู้ปลุกปั้นบุรีรัมย์พีอีเอขึ้นชิงบัลลังก์ไทยพรีเมียร์ลีกทอดทิ้ง ธีราธรก้มหน้าก้มตาพัฒนาฝีเท้าของตนเองจนขึ้นมาเป็นแบ็คซ้ายชั้นแนวหน้าของประเทศ รวมถึงสร้างชื่อในเวทีระดับเอเชียโดยการพาทีมบุรีรัมย์เข้าถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายและติดตัวสำรองของทีมยอดเยี่ยมของทัวร์นาเม้นต์ AFC Champions League ในปี 2013 นอกจากนี้ เจ้าตัวยังคว้าตำแหน่งแบ็คซ้ายประจำทีมยอดเยี่ยมของรอบแบ่งกลุ่ม ACL ในปี 2015 อีกด้วย
“จริงๆ แล้วผมเป็นคนตลกจับคู่เฮฮากับ ธีรศิลป์ แดงดา ประจำ จะซีเรียสก็แค่ในเกมเท่านั้น เพราะเป็นอารมณ์กระหายชัยชนะ ไม่อยากแพ้ บางเกมจึงมีหลุดไปบ้างแต่ตอนนี้ก็ปรับปรุงตัวขึ้นแล้ว เพราะไม่ว่าสโมสรหรือเพื่อชาติก็เต็มที่ทุกนัดใส่หมดเท่าที่มีแรงวิ่ง"
สองใบแดงในวันนั้นเป็นบทเรียนสำคัญที่สุดในชีวิต แม้หลังจากโดนใบแดงในครั้งนั้น เจ้าอุ้มจะยังคงมีอาการเกเรไปบ้างตามประสาวัยรุ่น แต่ในวันนี้ธีราธรพัฒนามาเป็นนักเตะยอดเยี่ยมที่สุดคนนึงของทีมชาติไทย และกลายเป็นกัปตันอุ้มของทีมชาติไทยชุดใหญ่ แม้ในสโมสร “เจ้าอุ้ม” จะเป็น “เฮียอุ้ม” ในสายตาแฟนบอลฝั่งตรงข้าง แต่ไม่มีใครปฎิเสธความยอดเยี่ยมในฝีเท้าของเจ้าตัวได้
ฟอร์มอันยอดเยี่ยมของกัปตันอุ้มในสนามเมื่อวานนี้ และการควบคุมอารมณ์เมื่อโดนนักเตะไต้หวันใช้ปุ่มสตั๊ดยันเข้าไปที่ข้อเท้า เป็นบทพิสูจน์ได้เป็นอย่างดีถึงฝีเท้าในระดับเอเชียและวุฒิภาวะในการควบคุมอารมณ์ตามอายุ ประสบการณ์ และปลอกแขนกัปตันทีม วันนี้ชายที่ชื่อว่า "ธีราธร บุญมาทัน" ก้าวมาไกลเกินกว่าเจ้าอุ้มสองใบแดงเมื่อ 11ปีที่แล้วเป็นอย่างมาก
เครดิต
http://www.soccersuck.com/boards/topic/1296195
ย้อนรอย ธีราธร จาก นักเตะ ได้ 2 ใบแดง 2 นัดติด ถูกด่าจนเกือบเลิกเล่นทีมชาติ สู่ นักเตะแชมป์เจลีกและ MVP AFF 2022
ทำให้พัฒนาขึ้น
สองใบแดงของเฮียอุ้ม
หากพูดถึงเจ้า “อุ้ม” ธีราธร บุญมาทัน แน่นอนสิ่งแรกที่ทุกคนนึกถึงในตอนนี้ก็คงจะเป็นลีลาการเล่นฟุตบอลด้วยเท้าซ้ายที่อันตรายอย่างยิ่ง ลูกฟรีคิกทีเด็ดทีมีให้เห็นเสมอๆ แต่ถ้าย้อนกลับไปซักประมาณ 11 ปีที่แล้ว หากพูดชื่อธีราธร สิ่งแรกที่ทุกคนนึกถึงก็คงจะเป็น “ความอารมณ์ร้อน” ซึ่งเป็นเครื่องหมายการค้าของเจ้าตัวมาอย่างยาวนานตั้งแต่สมัยเล่นฟุตบอลนักเรียน ซึ่งครั้งนึงสถิติใบแดงจากการเล่นฟุตบอลนักเรียนให้อัสสัมชัญธนบุรีของเด็กหนุ่มชาวนนทบุรีผู้นี้ ทำให้เจ้าตัวถูกเมืองทอง หนองจอกฯ ยูไนเต็ด (ซึ่งอยู่ในดิวิชั่น 1 ในขณะนั้น) ปฏิเสธการเซ็นสัญญามาแล้ว โดยไม่มีโอกาสแม้แต่ทดสอบฝีเท้า
ย้อนกลับไปในเดือนพฤศจิกายน 2554 หรือเมื่อ 11 ปีที่แล้ว ทีมชาติไทยภายใต้การคุมทีมของวินฟรีด เชฟเฟอร์ กุนซือเยอรมัน คุมทีมชาติไทยลงแข่งขันฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกปี 2014 ที่ประเทศบราซิล โดยมีผลงานในสามนัดแรกที่ถือว่าน่าประทับใจพอสมควรจากการชนะโอมานในบ้าน 3-0 บุกไปแพ้ออสเตรเลียถึงถิ่น 1-2 และเสมอซาอุดิอาระเบียในบ้าน 0-0 ในนัดที่สี่นี้ทีมชาติไทยซึ่งมี 4 คะแนน จาก 3 นัดแรก ต้องเจองานหนักอีกครั้งในการมาเยือนซาอุดิอาระเบีย
เกมนัดนี้ ธีราธร ซึ่งเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงของบุรีรัมย์พีอีเอ ถูกวินนี่ส่งลงเป็น 11 คนแรกจากฟอร์มอันร้อนแรงของเจ้าตัวในไทยพรีเมียร์ลีก แทนเจ้าบอย-ศุภชัย คมศิลป์ ซึ่งลงเล่นเป็นแบ็คซ้ายในสามนัดแรก แต่นัดแรกในฟุตบอลโลกของเจ้าตัวกลับจบลงด้วยหายนะ...
หลังจากการปะทะนอกเกมที่แสนดุเดือดหลายครั้ง ผู้เล่นหมายเลข 7 ของซาอุดิอาระเบียก็เป็นที่จดจำของแฟนฟุตบอลชาวไทยได้เป็นอย่างดี แม้ว่าจะเล่นนอกเกมแต่กลับไม่โดนคาดโทษจากกรรมการแต่อย่างใด จนในช่วงทดเวลาบาดเจ็บเมื่อทีมชาติไทยตามหลังถึง 3 ประตู สุเชาว์วิ่งเข้าไปหวดขาผู้เล่นซาอุดิอาระเบียในจังหวะเล่นมุมธงจนเกิดเหตุการณ์วุ่นวายตะลุมบอลกันเกิดขึ้น เรื่องจบลงตรงที่ “เจ้าอุ้ม” โดนใบแดงไล่ออกจากสนาม จนทำให้เจ้าตัวโดนถล่มอย่างหนักจากการเสียค่าโง่ใบแดงในครั้งนี้
ถัดไปอีกฟากนึงของโลก ทีมชาติไทยชุดซีเกมส์ที่ประเทศอินโดนีเซีย อยู่ในสถานการณ์วิกฤตอย่างมาก แม้ทีมซีเกมส์ชุดนี้ จะเต็มไปด้วยนักเตะดาวรุ่งมากความสามารถอย่าง ปกเกล้า อนันต์, สารัช อยู่เย็น, เกริกฤทธ์ ทวีกาญจน์, รณชัย รังสิโย, อดิศักดิ์ ไกรษร เป็นต้น แต่ด้วยอายุ (ปกเกล้าและสารัช คู่กลางตัวจริง อายุ17-18ปี) ประสบการณ์ลูกหนังในการเล่นท่ามกลางความคาดหวัง และการเตรียมทีมในขณะนั้น ทีมซีเกมส์กลับทำผลงานได้ไม่ดีอย่างที่คาดหวัง หลังจากผลงานในสองนัดแรกย่ำแย่ ต้องลุ้นเข้ารอบในนัดสุดท้ายซึ่งเงื่อนไขเดียวในการเข้ารอบก็คือ การชนะอินโดนีเซียเจ้าภาพให้ได้เท่านั้น
ในวันที่ 13 พฤศจิกายน 2554 เจ้าอุ้มซึ่งโดนใบแดงจากการเล่นในทีมชุดใหญ่ ได้ถูก “โค้ชเหม่ง” ประพล พงษ์พาณิชย์ กุนซือช้างศึกชุดซีเกมส์เรียกตัวเข้ามาเสริมทีม โดยบินด่วนจากประเทศซาอุดิอาระเบียมายังอินโดนีเซีย เพื่อลงสนามต่อกรกับอินโดนีเซียต่อหน้าแฟนบอลกว่า 90,000 คนในสนามเสนายัน โดยหวังว่าฝีเท้าของเจ้าอุ้มจะสามารถช่วยทีมได้ แต่ผ่านไปเพียงไม่กี่นาที เจ้าอุ้ม ถูกใบเหลืองจากการทุ่มผิดจากกรรมการ และโดนใบเหลืองที่สองไล่ออกจากสนามจากการทำฟาวล์บริเวณกรอบเขตโทษ รวมเวลาที่เจ้าอุ้มได้อยู่ในสนามทั้งสิ้นเพียง 12 นาทีเท่านั้น และเป็นใบแดงที่ 2ของเจ้าตัวในรอบ 2 วันเท่านั้น
ผลสุดท้าย ทีมชาติไทยพ่ายแพ้อินโดนีเซียจากทีเด็ดของชาวอินโดเชื้อสายปาปัวอย่าง “ไตตัส โบไน” กองหน้าความเร็วสูง ไป 3-1 ตกรอบแรกซีเกมส์สองสมัยซ้อน ชื่อของเจ้าอุ้มเป็นที่พูดถึงอย่างหนักอีกครั้ง และตกเป็นแพะจากการพ่ายแพ้ครั้งนั้น เจ้าอุ้มถูกโจมตีอย่างหนักจากชาวไทยในทุกๆเว็บบอร์ด ทุกสำนักข่าวและช่องทีวี
"ผมรู้สึกท้อสุดๆ เล่นแล้วก็โดนด่าจนถึงขนาดไปปรึกษาพ่อเพื่อขอเลิกเล่นทีมชาติ แต่พ่อบอกว่าตนเองอุตส่าห์ตามรับตามส่งผมตั้งแต่เด็กหมดเงินเสียเวลาไปไม่รู้เท่าไหร่ ยอมเหนื่อยมาโดยตลอดจะมาเลิกแค่นี้ได้ยังไงให้คิดดูดีๆ ผมจึงตัดสินใจสู้ต่อ” เจ้าอุ้มกล่าว
จากนักเตะซึ่งไม่มีใครเหลียวแล สภาพจิตใจได้รับผลกระทบอย่างนัก แทบหมดอนาคตในการเล่นฟุตบอลและทีมชาติไทย ธีราธรกลับไม่เคยถูก “เนวิน ชิดชอบ” บุรุษผู้ปลุกปั้นบุรีรัมย์พีอีเอขึ้นชิงบัลลังก์ไทยพรีเมียร์ลีกทอดทิ้ง ธีราธรก้มหน้าก้มตาพัฒนาฝีเท้าของตนเองจนขึ้นมาเป็นแบ็คซ้ายชั้นแนวหน้าของประเทศ รวมถึงสร้างชื่อในเวทีระดับเอเชียโดยการพาทีมบุรีรัมย์เข้าถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายและติดตัวสำรองของทีมยอดเยี่ยมของทัวร์นาเม้นต์ AFC Champions League ในปี 2013 นอกจากนี้ เจ้าตัวยังคว้าตำแหน่งแบ็คซ้ายประจำทีมยอดเยี่ยมของรอบแบ่งกลุ่ม ACL ในปี 2015 อีกด้วย
“จริงๆ แล้วผมเป็นคนตลกจับคู่เฮฮากับ ธีรศิลป์ แดงดา ประจำ จะซีเรียสก็แค่ในเกมเท่านั้น เพราะเป็นอารมณ์กระหายชัยชนะ ไม่อยากแพ้ บางเกมจึงมีหลุดไปบ้างแต่ตอนนี้ก็ปรับปรุงตัวขึ้นแล้ว เพราะไม่ว่าสโมสรหรือเพื่อชาติก็เต็มที่ทุกนัดใส่หมดเท่าที่มีแรงวิ่ง"
สองใบแดงในวันนั้นเป็นบทเรียนสำคัญที่สุดในชีวิต แม้หลังจากโดนใบแดงในครั้งนั้น เจ้าอุ้มจะยังคงมีอาการเกเรไปบ้างตามประสาวัยรุ่น แต่ในวันนี้ธีราธรพัฒนามาเป็นนักเตะยอดเยี่ยมที่สุดคนนึงของทีมชาติไทย และกลายเป็นกัปตันอุ้มของทีมชาติไทยชุดใหญ่ แม้ในสโมสร “เจ้าอุ้ม” จะเป็น “เฮียอุ้ม” ในสายตาแฟนบอลฝั่งตรงข้าง แต่ไม่มีใครปฎิเสธความยอดเยี่ยมในฝีเท้าของเจ้าตัวได้
ฟอร์มอันยอดเยี่ยมของกัปตันอุ้มในสนามเมื่อวานนี้ และการควบคุมอารมณ์เมื่อโดนนักเตะไต้หวันใช้ปุ่มสตั๊ดยันเข้าไปที่ข้อเท้า เป็นบทพิสูจน์ได้เป็นอย่างดีถึงฝีเท้าในระดับเอเชียและวุฒิภาวะในการควบคุมอารมณ์ตามอายุ ประสบการณ์ และปลอกแขนกัปตันทีม วันนี้ชายที่ชื่อว่า "ธีราธร บุญมาทัน" ก้าวมาไกลเกินกว่าเจ้าอุ้มสองใบแดงเมื่อ 11ปีที่แล้วเป็นอย่างมาก
เครดิต http://www.soccersuck.com/boards/topic/1296195