สวัสดีค่ะทุกคน หลังจากที่เราสิงอยู่ในพันทิปมาเนิ่นนาน ได้รับความรู้และประสบการณ์มากมายจากในนี้ เราเลยอยากจะมาแชร์ประสบการณ์ของเราบ้าง เผื่อว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่อยากจะมาทำงานที่ประเทศญี่ปุ่น โดยเราจะสรุปหัวข้อคร่าวๆ ดังนี้
- ขั้นตอนการมาทำงานประเทศญี่ปุ่นด้วยตัวเอง ปี 2565/2022 ช่วงปลายปี
- การทำงานบริษัทในประเทศญี่ปุ่น
- ความเป็นอยู่และค่าครองชีพ
มาเข้าเรื่องกันเล้ยยย
ขั้นตอนการมาทำงานประเทศญี่ปุ่นด้วยตัวเอง ปี 2565/2022 ช่วงปลายปี
1.หานายจ้าง
ของเราโชคดีตรงที่ได้งานมาจากคนรู้จัก เป็นเพื่อนของญาติ เขารู้ว่าเราทำงานบริษัทญี่ปุ่นที่ไทยอยู่แล้ว เราเคยทำงานแปลให้เขามาบ้าง เคยเจอกันตอนที่เขามาเที่ยวประเทศไทยและตอนเราไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่น เรียกว่ารู้จักกันมาก่อนหลายปี ตรงนี้อาจจะไม่ได้เล่ามากไม่งั้นจะยาวเลย ทีนี้พอเราตอบกลับไปว่า โอเคเราสนใจทำงานกับเขานะ เราก็คุยกันผ่านอีเมลก่อน เริ่มจากเราส่งเรซูเม่ ประวัติการศึกษาและการทำงานให้
ทางบริษัทก็จะส่งพวกคำถามต่างๆ เพื่อเอาประวัติไปตรวจสอบการว่า สามารถมาทำงานที่ญี่ปุ่นได้ไหม จะต้องทำวีซ่าอะไร และตอบคำถามเกี่ยวกับประวัติการเดินทางเข้ามาประเทศญี่ปุ่น เช่น เคยมากี่ครั้ง เคยอยู่เกินมั้ย เป็นต้น
หลังจากตรวจสอบประวัติแล้ว บริษัทก็ตอบกลับมาว่า เราสามารถเข้ามาทำงานโดยใช้วีซ่าทำงานด้านวิศวกรรม มนุษย์ศาสตร์และงานระหว่างประเทศได้ (技術・人文知識・国際業務ビザ) หลังจากนั้น บริษัทก็เริ่มยื่นเรื่องอื่นๆ ทางฝั่งญี่ปุ่น
2.เตรียมเอกสารสำคัญ (จะมีรวมเอกสารอื่นที่ได้หลังจากผ่านขั้นตอนทุกอย่างแล้วด้วยนะคะ)
ตั้งแต่เริ่มตัดสินใจว่าจะไปทำงานญี่ปุ่น เราเริ่มส่งประวัติและเอกสารต่างๆ ให้กับทางบริษัทเยอะมาก เราเลยทำแฟ้มอันนึงขึ้นมา สำหรับเก็บเอกสารต่างๆ ไว้โดยเฉพาะ เพราะรู้เลยว่าการจะไปทำงานต่างประเทศต้องมีขั้นตอนอีกเยอะมาที่เราจะต้องเจอ เราแนะนำให้ทุกคนมีแฟ้มนี้ติดตัวไว้เลยนะคะ ทีนี้มาดูกันว่าในแฟ้มเรามีอะไรบ้าง
- รูปถ่ายมาตรฐาน 1 นิ้ว 1.5 นิ้ว 2 นิ้ว เป็นต้น (รูปถ่ายขอวีซ่า ขนาด 2 x 1.4 นิ้ว)
- สำเนาบัตรประชาชน
- สำเนาทะเบียนบ้านและทะเบียนบ้านตัวจริง
- เอกสารรับรองการศึกษาทั้งตัวจริงและสำเนา เช่น ใบรับรองผลการเรียนระดับมัธยมปลาย ใบรับรองผลการเรียน ระดับปริญญาตรี ใบรับรองการสอบวัดระดับภาษา เป็นต้น
- พาสปอร์ตตัวจริงและสำเนาพาสปอร์ตของทุกเล่ม ของเรามีพาส 2 เล่ม เราก็ถ่ายสำเนาหน้าข้อมูลเก็บไว้ เผื่อได้ใช้
- วัคซีนพาสปอร์ต (เล่มเหลือง)และใบรับรองการฉีดวัคซีน (ปริ้นจากแอพหมอพร้อม) ของเราฉีดทั้งหมด 4 เข็ม เป็น mRNA ทั้งหมด ก็จะไม่ติดปัญหาเรื่องการเข้าประเทศและไม่ต้องกักตัว
- ใบรับรองการทำงานของบริษัทเดิม (ในตอนนั้นเราแจ้งกับบริษัทเดิมไว้แล้วว่าจะลาออก เราก็ร่างเป็นจดหมายให้เจ้านายเซ็น เขียนรายละเอียดเงินเดือน ตำแหน่ง ระยะเวลาตั้งแต่เริ่ม จนถึง วันที่สิ้นสุดการทำงาน และประทับตราบริษัท)
- สำเนาหน้าสมุดบัญชีธนาคารทุกอันที่เรามี
- สัญญาจ้าง
- ใบรับรองสถานภาพพำนัก COE ตัวจริงและสำเนา
- สำเนาหน้าวีซ่า
- ใบจดรายละเอียด ชื่อ-ที่อยู่ (ทั้งภาษาญี่ปุ่นและภาษาอังกฤษ) ที่ทำงานและที่พัก พร้อมรูปแผนที่จากบ้านไปที่ทำงาน (อันนี้ได้ใช้บ่อยมากเวลาไปกรอกเอกสารต่างๆ ตอนถึงญี่ปุ่น)
- ตั๋วเครื่องบินปริ้นสีและสำเนาขาวดำ
- อื่นๆ เช่น เอกสารที่ทางบริษัทส่งมาให้เซ็น เอกสารการเข้าที่พัก เป็นต้น
3. สัมภาษณ์ ทำข้อสอบและการสอบทางจิตวิทยา
ถึงแม้ว่าเราและเจ้านายจะรู้จักกันมาก่อน แต่เราก็ต้องทำตามขั้นตอนปกติในการเข้ารับทำงาน หลังจากคุยผ่านอีเมลเรื่องการทำงานมาสักระยะ ก็เริ่มการสัมภาษณ์ คำถามก็จะเป็นแนวจิตวิทยาทั่วไปและประสบการณ์ทำงาน เคยทำอะไรมาบ้าง ตรงนี้เราจำไม่ค่อยได้แล้ว ขออภัยด้วยค่ะ จำได้แค่ว่าตื่นเต้นอยู่เหมือนกันนะ
หลังจากนั้นก็มีทำข้อสอบวัดความรู้ทั่วไป คณิตศาสตร์และภาษาอังกฤษ ตรงนี้ต้องทำให้ได้เกิน 80% ถึงจะผ่าน ทางบริษัทแจ้งมาว่า ผ่าน และขั้นสุดท้ายก็คือ การสอบ Uchida-Kraepelin Performance Test เราเพิ่งเคยได้ยินเรื่องการสอบนี้เป็นครั้งแรกเลย ทางบริษัทนัดหมายวันการเข้าสอบไว้ให้ เราไปสอบกับบริษัท Personnel Consultant ที่ตึก Interchange 21 ผลการสอบจะถูกส่งไปที่บริษัท โดยที่เราไม่รู้ผลเช่นกัน ทางบริษัทก็แจ้งมาเหมือนเดิมว่า ผ่าน
หลังจากผ่านการสอบทั้งสามอย่างแล้ว บริษัทก็เริ่มดำเนินเรื่องเอกสารต่างๆ สำหรับรับเราเข้าทำงาน
4. ลงทะเบียน COE+ERFS+ทำสัญญาจ้าง
ในช่วงที่บริษัทยื่นขอ COE ยังเป็นช่วงที่ญี่ปุ่นยังมีมาตรการด้านโควิดค่อนข้างเข้มงวดอยู่เลยต้องทำ ERFS ด้วย ใบ COE ของเราใช้เวลาประมาณ 1 เดือนถึงจะได้มา
ตอนแรกทางบริษัทส่งสัญญาจ้างมาให้เราเป็นฉบับของบริษัทเป็นภาษาญี่ปุ่นและภาษาอังกฤษ ในตอนนั้นเราอ่านขั้นตอนต่างๆ มามากพอสมควรเลยรู้ว่า สัญญาฉบับนี้ข้อมูลยังไม่ครบถ้วน เราเลยเขียนอีเมลกลับไปบอกเค้าว่า สัญญาต้องถูกส่งไปตรวจสอบด้วย รายละเอียดต้องครบถ้วนตามฟอร์มนี้ ซึ่งเจ้านายเราไม่รู้ในส่วนนี้ เพราะเป็นการจ้างงานคนไทยครั้งแรกของบริษัท การจ้างคนไทยจะต้องส่งสัญญาไปตรวจสอบกับสำนักงานแรงในประเทศญี่ปุ่นด้วย ทำให้เสียเวลาตรงนี้ไปค่อนข้างมาก เพราะต้องส่งข้อมูลกลับไปกลับมา รวมถึงเจ้านายค่อนข้างยุ่งด้วย เราเลยเอาข้อมูลจากสัญญาของบริษัท กรอกลงในแบบฟอร์มสัญญาจ้างของสำนักแรงงาน แล้วส่งอีเมลกลับไปให้บริษัทตรวจสอบอีกครั้ง ทางบริษัทโอเคที่จะใช้สัญญาตามที่เราส่งไป เราปริ้นเอกสารและเซ็นสด แล้วส่งกลับไปที่ประเทศญี่ปุ่น
5.บริษัทส่งสัญญาไปตรวจสอบกับสำนักแรงงาน ในประเทศญี่ปุ่น
หลังจากสัญญาได้รับการรับรองจากสำนักแรงงานแล้ว บริษัทจะเก็บไว้ 1 ชุด และส่งกลับมาให้เรา 2 ชุด ชุดนึง เราต้องเอาไว้ยื่นกับกรมตอนแจ้งการเดินทางไปทำงานต่างประเทศและอีก 1 ชุด สำหรับให้เราเก็บไว้
ข้อมูลเพิ่มเติมจากเว็บไซต์นี้ (อยากให้เช็คจากเว็บโดยตรง เผื่อมีการเปลี่ยนแปลงค่ะ)
https://japan.mol.go.th/download/
https://lb.mol.go.th/
6.ยื่นขอวีซ่า
ขั้นตอนนี้ เราไม่อยากให้มีข้อผิดพลาดใดๆ เราเลยใช้บริการตัวแทน ในการช่วยเตรียมเอกสารสำหรับยื่นขอวีซ่า ซึ่งเราแอบตกใจตรงที่ในเว็บไซต์ของสถานทูตให้เราเตรียมเอกสารเพียงไม่กี่อย่าง แต่ตอนที่เอเจ้นท์แจ้งเรามาคือ มีรายละเอียดอย่างอื่นเพิ่มด้วย เช่น ประวัติการศึกษา (ตรงนี้เราเขียนตั้งแต่อนุบาล ถึง ปริญญาตรี โดยระบุวิชาเอก รวมทั้งข้อมูล ชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ของสถาบันที่จบการศึกษา) และประวัติการทำงาน (ตรงนี้เราเขียนโดยปรับเอาจากเรซุเม่เลย)
ข้อมูล สำหรับการขอวีซ่าทุกประเภท
https://www.th.emb-japan.go.jp/itpr_th/visaindex.html
ข้อมูล สำหรับการขอวีซ่าของเรา
https://www.th.emb-japan.go.jp/itpr_th/visa9.html
7.จองตั๋วเครื่องบิน
ตั๋วเครื่องบิน ตามสัญญาจ้างทางบริษัทเป็นผู้ออกให้ เราก็กดจองเอง บริษัทโอนค่าตั๋วมาให้ทีหลัง ของเราจองของการบินไทย ราคาประมาณ 12-15K ค่ะ (กรุงเทพ-ฮาเนดะ)
8.แจ้งการเดินทางไปทำงานต่างประเทศด้วยตัวเอง
การไปทำงานต่างประเทศโดยถูกต้องตามกฎหมายมี 5 วิธี (ของเราเป็นวิธีที่ 3)
1.บริษัทจัดหางานจัดส่ง
2.กรมการจัดหางานจัดส่ง
3.เดินทางไปทำงานด้วยตนเอง
4.นายจ้างในประเทศไทยพาลูกจ้างไปทำงาน
5.นายจ้างในประเทศไทยส่งลูกจ้างไปฝึกงาน
ติดต่อที่ สำนักงานบริหารแรงงานไทยไปต่างประเทศ (ฝ่ายพิจารณาอนุญาตการไปทำงาน 2) อาคารสำนักงานประกันสังคมเขตพื้นที่ 3 ชั้น 12 ถ.มิตรไมตรี เขตดินแดง กรุงเทพฯ โทร. 0-2245-6714-5
แจ้งเจ้าหน้าที่ว่ามาแจ้งการเดินทางไปทำงานต่างประเทศ เจ้าหน้าที่จะให้เอกสารมากรอกข้อมูลทั่วไป เช่น เราติดต่อกับนายจ้างได้อย่างไร ข้อมูลที่ทำงาน เป็นต้น แล้วก็รอเจ้าหน้าที่แจ้งขั้นตอนและเอกสารต่างๆ ซึ่งแฟ้มที่เราเตรียมไว้ตอนแรก มีครบอยู่แล้ว ก็ยื่นให้เจ้าหน้าที่ได้เลย หรือ ตรงนี้อยากให้เช็คจากเว็บไซต์ของกรมหรือโทรไปถามอีกครั้ง เพื่อความชัวร์ค่ะ สำหรับเราเจอเจ้าหน้าที่โอเคทุกขั้นตอนเลย มีรอช้าไปบ้าง เพราะคนเยอะจริงๆ ถ้าไม่อยากรอนานก็รีบไปแต่เช้ากันนะคะ เผื่อเอกสารตกหล่นจะได้มีเวลาเตรียม
หลังจากแจ้งเสร็จแล้วจะได้รับใบสำหรับไปยื่นที่ด่านตรวจแรงงานที่สนามบิน วันที่บินไปญี่ปุ่นค่ะ
9. สมัครสมาชิกกองทุน
ตอนที่แจ้งการเดินทางไปทำงานต่างประเทศ เจ้าหน้าที่จะให้ไปสมัคร SMART TOEA ในมือถือ ในแอพนี้จะมีข้อมูลสำหรับแรงงานไทยที่ได้รับอนุญาตให้เดินทางไปทำงานในต่างประเทศ ค่าสมัครสมาชิกกองทุน 500 บาท สามารถจ่ายเงินสด หรือ โอนจ่ายได้ค่ะ
10.แจ้งเรื่องส่งประกันสังคมด้วยตนเอง
อันนี้แล้วแต่คนเลยว่าอยากจะส่งต่อไหม ของเราเลือกส่งประกันสังคมต่อ โดยการตัดผ่านบัญชีอัตโนมัติทุกเดือน ซึ่งตรงนี้ต้องเช็คอีกทีว่าจะให้ตัดผ่านบัญชีไหน (ถ้าจำไม่ผิด ใช้ได้แค่ธนาคารกรุงไทย ไทยพาณิชย์ และกรุงศรี ของเราใช้ธนาคารกรุงศรีค่ะ) เราแจ้งวันเดียวกับวันที่ไปแจ้งการเดินทางไปต่างประเทศ เพราะอยู่ตึกเดียวกัน
11.วันบินก่อนจะเข้าเกท ให้แจ้งที่ด่านตรวจแรงงานที่สนามบิน ยื่นใบที่ได้มาตอนไปยื่นแจ้งการเดินทางเป็นใบสีขาวค่ะ (จะแจ้งก่อนหรือหลังเช็คอินก็ได้)
12.บินไปญี่ปุ่น
ส่วนตัวเราเคยไปญี่ปุ่นบ้างแล้ว เลยพอจะทราบแหล่งที่ซื้อของอยู่บ้างและที่พักอยู่ในเมืองเลยไม่ได้เตรียมอะไรไปมาก นอกจากเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัว ส่วนคนที่ยังไม่รู้ว่าจะเอาอะไรมาบ้าง เราแนะนำตามนี้นะคะ
- ยาที่จำเป็น
- อาหารสำเร็จรูป เช่น โจ๊กซอง มาม่า เป็นต้น ห้ามนำ พวกยาแปลกๆ ของสดและของต้องห้ามทั้งหลาย มีน้องหมามาคอยดมอยู่ตลอดนะคะ
- เสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัว
- เงินสด ทั้งบาทและเยน ไว้ใช้ช่วงตั้งตัวแรกๆ
- บัตรเครดิตไทย ไว้ใช้ตอนทำเบอร์โทรศัพท์
13.บัตรไซริวการ์ด
พอเครื่องแลนด์ปุ้บจะได้รับบัตรไซริวการ์ดที่ตม. ซึ่งด้านหลังจะยังไม่ได้เขียนที่พักของเรา เราต้องไปเพิ่มชื่อเข้าทะเบียนบ้านก่อน
14.ที่พักและการเพิ่มชื่อเข้าทะเบียนบ้าน
เรามีหน้าที่ต้องเพิ่มชื่อเข้าทะเบียนบ้านภายใน 14 วัน ถ้าเกินจะมีค่าปรับด้วยนะคะ ต้องรีบทำเป็นอย่างแรกไม่งั้นจะไม่สามารถทำเบอร์โทรศัพท์หรือเปิดบัญชีธนาคารได้เลย
ที่พักของเรา บริษัทเป็นคนจัดเตรียมให้ โดยอยู่ในสวัสดิการการทำงานของเรา ตรงนี้เราคงไม่ได้ให้ข้อมูลขั้นตอนการหาที่พักนะคะ
15.หลังจากเพิ่มที่อยู่หลังบัตรแล้ว เราก็จะไปทำ ตราประทับ (Hanko) เพื่อเปิดบัญชีธนาคารและทำเบอร์โทรศัพท์
เอกสารที่ต้องใช้ แนะนำเว็บไซต์นี้นะคะ ข้อมูลค่อนข้างครบถ้วนแล้ว
https://matcha-jp.com/th/9886
https://matcha-jp.com/th/9832
จบพาร์ทแรกสำหรับขั้นตอนการมาทำงานที่ญี่ปุ่นค่ะ หากใครมีคำถามตรงส่วนไหนหรืออยากให้เล่าเรื่องเพิ่มเติม สามารถทักมาถามหรือคอมเม้นได้เลยนะคะ ขอบคุณค่ะ
แชร์ประสบการณ์ การมาทำงานบริษัทที่ประเทศญี่ปุ่นด้วยตัวเองและประสบการณ์การทำงานที่ญี่ปุ่น ช่วง 3 เดือนแรก
- การทำงานบริษัทในประเทศญี่ปุ่น
- ความเป็นอยู่และค่าครองชีพ
มาเข้าเรื่องกันเล้ยยย
ขั้นตอนการมาทำงานประเทศญี่ปุ่นด้วยตัวเอง ปี 2565/2022 ช่วงปลายปี
1.หานายจ้าง
ของเราโชคดีตรงที่ได้งานมาจากคนรู้จัก เป็นเพื่อนของญาติ เขารู้ว่าเราทำงานบริษัทญี่ปุ่นที่ไทยอยู่แล้ว เราเคยทำงานแปลให้เขามาบ้าง เคยเจอกันตอนที่เขามาเที่ยวประเทศไทยและตอนเราไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่น เรียกว่ารู้จักกันมาก่อนหลายปี ตรงนี้อาจจะไม่ได้เล่ามากไม่งั้นจะยาวเลย ทีนี้พอเราตอบกลับไปว่า โอเคเราสนใจทำงานกับเขานะ เราก็คุยกันผ่านอีเมลก่อน เริ่มจากเราส่งเรซูเม่ ประวัติการศึกษาและการทำงานให้
ทางบริษัทก็จะส่งพวกคำถามต่างๆ เพื่อเอาประวัติไปตรวจสอบการว่า สามารถมาทำงานที่ญี่ปุ่นได้ไหม จะต้องทำวีซ่าอะไร และตอบคำถามเกี่ยวกับประวัติการเดินทางเข้ามาประเทศญี่ปุ่น เช่น เคยมากี่ครั้ง เคยอยู่เกินมั้ย เป็นต้น
หลังจากตรวจสอบประวัติแล้ว บริษัทก็ตอบกลับมาว่า เราสามารถเข้ามาทำงานโดยใช้วีซ่าทำงานด้านวิศวกรรม มนุษย์ศาสตร์และงานระหว่างประเทศได้ (技術・人文知識・国際業務ビザ) หลังจากนั้น บริษัทก็เริ่มยื่นเรื่องอื่นๆ ทางฝั่งญี่ปุ่น
2.เตรียมเอกสารสำคัญ (จะมีรวมเอกสารอื่นที่ได้หลังจากผ่านขั้นตอนทุกอย่างแล้วด้วยนะคะ)
ตั้งแต่เริ่มตัดสินใจว่าจะไปทำงานญี่ปุ่น เราเริ่มส่งประวัติและเอกสารต่างๆ ให้กับทางบริษัทเยอะมาก เราเลยทำแฟ้มอันนึงขึ้นมา สำหรับเก็บเอกสารต่างๆ ไว้โดยเฉพาะ เพราะรู้เลยว่าการจะไปทำงานต่างประเทศต้องมีขั้นตอนอีกเยอะมาที่เราจะต้องเจอ เราแนะนำให้ทุกคนมีแฟ้มนี้ติดตัวไว้เลยนะคะ ทีนี้มาดูกันว่าในแฟ้มเรามีอะไรบ้าง
- รูปถ่ายมาตรฐาน 1 นิ้ว 1.5 นิ้ว 2 นิ้ว เป็นต้น (รูปถ่ายขอวีซ่า ขนาด 2 x 1.4 นิ้ว)
- สำเนาบัตรประชาชน
- สำเนาทะเบียนบ้านและทะเบียนบ้านตัวจริง
- เอกสารรับรองการศึกษาทั้งตัวจริงและสำเนา เช่น ใบรับรองผลการเรียนระดับมัธยมปลาย ใบรับรองผลการเรียน ระดับปริญญาตรี ใบรับรองการสอบวัดระดับภาษา เป็นต้น
- พาสปอร์ตตัวจริงและสำเนาพาสปอร์ตของทุกเล่ม ของเรามีพาส 2 เล่ม เราก็ถ่ายสำเนาหน้าข้อมูลเก็บไว้ เผื่อได้ใช้
- วัคซีนพาสปอร์ต (เล่มเหลือง)และใบรับรองการฉีดวัคซีน (ปริ้นจากแอพหมอพร้อม) ของเราฉีดทั้งหมด 4 เข็ม เป็น mRNA ทั้งหมด ก็จะไม่ติดปัญหาเรื่องการเข้าประเทศและไม่ต้องกักตัว
- ใบรับรองการทำงานของบริษัทเดิม (ในตอนนั้นเราแจ้งกับบริษัทเดิมไว้แล้วว่าจะลาออก เราก็ร่างเป็นจดหมายให้เจ้านายเซ็น เขียนรายละเอียดเงินเดือน ตำแหน่ง ระยะเวลาตั้งแต่เริ่ม จนถึง วันที่สิ้นสุดการทำงาน และประทับตราบริษัท)
- สำเนาหน้าสมุดบัญชีธนาคารทุกอันที่เรามี
- สัญญาจ้าง
- ใบรับรองสถานภาพพำนัก COE ตัวจริงและสำเนา
- สำเนาหน้าวีซ่า
- ใบจดรายละเอียด ชื่อ-ที่อยู่ (ทั้งภาษาญี่ปุ่นและภาษาอังกฤษ) ที่ทำงานและที่พัก พร้อมรูปแผนที่จากบ้านไปที่ทำงาน (อันนี้ได้ใช้บ่อยมากเวลาไปกรอกเอกสารต่างๆ ตอนถึงญี่ปุ่น)
- ตั๋วเครื่องบินปริ้นสีและสำเนาขาวดำ
- อื่นๆ เช่น เอกสารที่ทางบริษัทส่งมาให้เซ็น เอกสารการเข้าที่พัก เป็นต้น
3. สัมภาษณ์ ทำข้อสอบและการสอบทางจิตวิทยา
ถึงแม้ว่าเราและเจ้านายจะรู้จักกันมาก่อน แต่เราก็ต้องทำตามขั้นตอนปกติในการเข้ารับทำงาน หลังจากคุยผ่านอีเมลเรื่องการทำงานมาสักระยะ ก็เริ่มการสัมภาษณ์ คำถามก็จะเป็นแนวจิตวิทยาทั่วไปและประสบการณ์ทำงาน เคยทำอะไรมาบ้าง ตรงนี้เราจำไม่ค่อยได้แล้ว ขออภัยด้วยค่ะ จำได้แค่ว่าตื่นเต้นอยู่เหมือนกันนะ
หลังจากนั้นก็มีทำข้อสอบวัดความรู้ทั่วไป คณิตศาสตร์และภาษาอังกฤษ ตรงนี้ต้องทำให้ได้เกิน 80% ถึงจะผ่าน ทางบริษัทแจ้งมาว่า ผ่าน และขั้นสุดท้ายก็คือ การสอบ Uchida-Kraepelin Performance Test เราเพิ่งเคยได้ยินเรื่องการสอบนี้เป็นครั้งแรกเลย ทางบริษัทนัดหมายวันการเข้าสอบไว้ให้ เราไปสอบกับบริษัท Personnel Consultant ที่ตึก Interchange 21 ผลการสอบจะถูกส่งไปที่บริษัท โดยที่เราไม่รู้ผลเช่นกัน ทางบริษัทก็แจ้งมาเหมือนเดิมว่า ผ่าน
หลังจากผ่านการสอบทั้งสามอย่างแล้ว บริษัทก็เริ่มดำเนินเรื่องเอกสารต่างๆ สำหรับรับเราเข้าทำงาน
4. ลงทะเบียน COE+ERFS+ทำสัญญาจ้าง
ในช่วงที่บริษัทยื่นขอ COE ยังเป็นช่วงที่ญี่ปุ่นยังมีมาตรการด้านโควิดค่อนข้างเข้มงวดอยู่เลยต้องทำ ERFS ด้วย ใบ COE ของเราใช้เวลาประมาณ 1 เดือนถึงจะได้มา
ตอนแรกทางบริษัทส่งสัญญาจ้างมาให้เราเป็นฉบับของบริษัทเป็นภาษาญี่ปุ่นและภาษาอังกฤษ ในตอนนั้นเราอ่านขั้นตอนต่างๆ มามากพอสมควรเลยรู้ว่า สัญญาฉบับนี้ข้อมูลยังไม่ครบถ้วน เราเลยเขียนอีเมลกลับไปบอกเค้าว่า สัญญาต้องถูกส่งไปตรวจสอบด้วย รายละเอียดต้องครบถ้วนตามฟอร์มนี้ ซึ่งเจ้านายเราไม่รู้ในส่วนนี้ เพราะเป็นการจ้างงานคนไทยครั้งแรกของบริษัท การจ้างคนไทยจะต้องส่งสัญญาไปตรวจสอบกับสำนักงานแรงในประเทศญี่ปุ่นด้วย ทำให้เสียเวลาตรงนี้ไปค่อนข้างมาก เพราะต้องส่งข้อมูลกลับไปกลับมา รวมถึงเจ้านายค่อนข้างยุ่งด้วย เราเลยเอาข้อมูลจากสัญญาของบริษัท กรอกลงในแบบฟอร์มสัญญาจ้างของสำนักแรงงาน แล้วส่งอีเมลกลับไปให้บริษัทตรวจสอบอีกครั้ง ทางบริษัทโอเคที่จะใช้สัญญาตามที่เราส่งไป เราปริ้นเอกสารและเซ็นสด แล้วส่งกลับไปที่ประเทศญี่ปุ่น
5.บริษัทส่งสัญญาไปตรวจสอบกับสำนักแรงงาน ในประเทศญี่ปุ่น
หลังจากสัญญาได้รับการรับรองจากสำนักแรงงานแล้ว บริษัทจะเก็บไว้ 1 ชุด และส่งกลับมาให้เรา 2 ชุด ชุดนึง เราต้องเอาไว้ยื่นกับกรมตอนแจ้งการเดินทางไปทำงานต่างประเทศและอีก 1 ชุด สำหรับให้เราเก็บไว้
ข้อมูลเพิ่มเติมจากเว็บไซต์นี้ (อยากให้เช็คจากเว็บโดยตรง เผื่อมีการเปลี่ยนแปลงค่ะ)
https://japan.mol.go.th/download/
https://lb.mol.go.th/
6.ยื่นขอวีซ่า
ขั้นตอนนี้ เราไม่อยากให้มีข้อผิดพลาดใดๆ เราเลยใช้บริการตัวแทน ในการช่วยเตรียมเอกสารสำหรับยื่นขอวีซ่า ซึ่งเราแอบตกใจตรงที่ในเว็บไซต์ของสถานทูตให้เราเตรียมเอกสารเพียงไม่กี่อย่าง แต่ตอนที่เอเจ้นท์แจ้งเรามาคือ มีรายละเอียดอย่างอื่นเพิ่มด้วย เช่น ประวัติการศึกษา (ตรงนี้เราเขียนตั้งแต่อนุบาล ถึง ปริญญาตรี โดยระบุวิชาเอก รวมทั้งข้อมูล ชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ของสถาบันที่จบการศึกษา) และประวัติการทำงาน (ตรงนี้เราเขียนโดยปรับเอาจากเรซุเม่เลย)
ข้อมูล สำหรับการขอวีซ่าทุกประเภท https://www.th.emb-japan.go.jp/itpr_th/visaindex.html
ข้อมูล สำหรับการขอวีซ่าของเรา https://www.th.emb-japan.go.jp/itpr_th/visa9.html
7.จองตั๋วเครื่องบิน
ตั๋วเครื่องบิน ตามสัญญาจ้างทางบริษัทเป็นผู้ออกให้ เราก็กดจองเอง บริษัทโอนค่าตั๋วมาให้ทีหลัง ของเราจองของการบินไทย ราคาประมาณ 12-15K ค่ะ (กรุงเทพ-ฮาเนดะ)
8.แจ้งการเดินทางไปทำงานต่างประเทศด้วยตัวเอง
การไปทำงานต่างประเทศโดยถูกต้องตามกฎหมายมี 5 วิธี (ของเราเป็นวิธีที่ 3)
1.บริษัทจัดหางานจัดส่ง
2.กรมการจัดหางานจัดส่ง
3.เดินทางไปทำงานด้วยตนเอง
4.นายจ้างในประเทศไทยพาลูกจ้างไปทำงาน
5.นายจ้างในประเทศไทยส่งลูกจ้างไปฝึกงาน
ติดต่อที่ สำนักงานบริหารแรงงานไทยไปต่างประเทศ (ฝ่ายพิจารณาอนุญาตการไปทำงาน 2) อาคารสำนักงานประกันสังคมเขตพื้นที่ 3 ชั้น 12 ถ.มิตรไมตรี เขตดินแดง กรุงเทพฯ โทร. 0-2245-6714-5
แจ้งเจ้าหน้าที่ว่ามาแจ้งการเดินทางไปทำงานต่างประเทศ เจ้าหน้าที่จะให้เอกสารมากรอกข้อมูลทั่วไป เช่น เราติดต่อกับนายจ้างได้อย่างไร ข้อมูลที่ทำงาน เป็นต้น แล้วก็รอเจ้าหน้าที่แจ้งขั้นตอนและเอกสารต่างๆ ซึ่งแฟ้มที่เราเตรียมไว้ตอนแรก มีครบอยู่แล้ว ก็ยื่นให้เจ้าหน้าที่ได้เลย หรือ ตรงนี้อยากให้เช็คจากเว็บไซต์ของกรมหรือโทรไปถามอีกครั้ง เพื่อความชัวร์ค่ะ สำหรับเราเจอเจ้าหน้าที่โอเคทุกขั้นตอนเลย มีรอช้าไปบ้าง เพราะคนเยอะจริงๆ ถ้าไม่อยากรอนานก็รีบไปแต่เช้ากันนะคะ เผื่อเอกสารตกหล่นจะได้มีเวลาเตรียม
หลังจากแจ้งเสร็จแล้วจะได้รับใบสำหรับไปยื่นที่ด่านตรวจแรงงานที่สนามบิน วันที่บินไปญี่ปุ่นค่ะ
9. สมัครสมาชิกกองทุน
ตอนที่แจ้งการเดินทางไปทำงานต่างประเทศ เจ้าหน้าที่จะให้ไปสมัคร SMART TOEA ในมือถือ ในแอพนี้จะมีข้อมูลสำหรับแรงงานไทยที่ได้รับอนุญาตให้เดินทางไปทำงานในต่างประเทศ ค่าสมัครสมาชิกกองทุน 500 บาท สามารถจ่ายเงินสด หรือ โอนจ่ายได้ค่ะ
10.แจ้งเรื่องส่งประกันสังคมด้วยตนเอง
อันนี้แล้วแต่คนเลยว่าอยากจะส่งต่อไหม ของเราเลือกส่งประกันสังคมต่อ โดยการตัดผ่านบัญชีอัตโนมัติทุกเดือน ซึ่งตรงนี้ต้องเช็คอีกทีว่าจะให้ตัดผ่านบัญชีไหน (ถ้าจำไม่ผิด ใช้ได้แค่ธนาคารกรุงไทย ไทยพาณิชย์ และกรุงศรี ของเราใช้ธนาคารกรุงศรีค่ะ) เราแจ้งวันเดียวกับวันที่ไปแจ้งการเดินทางไปต่างประเทศ เพราะอยู่ตึกเดียวกัน
11.วันบินก่อนจะเข้าเกท ให้แจ้งที่ด่านตรวจแรงงานที่สนามบิน ยื่นใบที่ได้มาตอนไปยื่นแจ้งการเดินทางเป็นใบสีขาวค่ะ (จะแจ้งก่อนหรือหลังเช็คอินก็ได้)
12.บินไปญี่ปุ่น
ส่วนตัวเราเคยไปญี่ปุ่นบ้างแล้ว เลยพอจะทราบแหล่งที่ซื้อของอยู่บ้างและที่พักอยู่ในเมืองเลยไม่ได้เตรียมอะไรไปมาก นอกจากเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัว ส่วนคนที่ยังไม่รู้ว่าจะเอาอะไรมาบ้าง เราแนะนำตามนี้นะคะ
- ยาที่จำเป็น
- อาหารสำเร็จรูป เช่น โจ๊กซอง มาม่า เป็นต้น ห้ามนำ พวกยาแปลกๆ ของสดและของต้องห้ามทั้งหลาย มีน้องหมามาคอยดมอยู่ตลอดนะคะ
- เสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัว
- เงินสด ทั้งบาทและเยน ไว้ใช้ช่วงตั้งตัวแรกๆ
- บัตรเครดิตไทย ไว้ใช้ตอนทำเบอร์โทรศัพท์
13.บัตรไซริวการ์ด
พอเครื่องแลนด์ปุ้บจะได้รับบัตรไซริวการ์ดที่ตม. ซึ่งด้านหลังจะยังไม่ได้เขียนที่พักของเรา เราต้องไปเพิ่มชื่อเข้าทะเบียนบ้านก่อน
14.ที่พักและการเพิ่มชื่อเข้าทะเบียนบ้าน
เรามีหน้าที่ต้องเพิ่มชื่อเข้าทะเบียนบ้านภายใน 14 วัน ถ้าเกินจะมีค่าปรับด้วยนะคะ ต้องรีบทำเป็นอย่างแรกไม่งั้นจะไม่สามารถทำเบอร์โทรศัพท์หรือเปิดบัญชีธนาคารได้เลย
ที่พักของเรา บริษัทเป็นคนจัดเตรียมให้ โดยอยู่ในสวัสดิการการทำงานของเรา ตรงนี้เราคงไม่ได้ให้ข้อมูลขั้นตอนการหาที่พักนะคะ
15.หลังจากเพิ่มที่อยู่หลังบัตรแล้ว เราก็จะไปทำ ตราประทับ (Hanko) เพื่อเปิดบัญชีธนาคารและทำเบอร์โทรศัพท์
เอกสารที่ต้องใช้ แนะนำเว็บไซต์นี้นะคะ ข้อมูลค่อนข้างครบถ้วนแล้ว
https://matcha-jp.com/th/9886
https://matcha-jp.com/th/9832
จบพาร์ทแรกสำหรับขั้นตอนการมาทำงานที่ญี่ปุ่นค่ะ หากใครมีคำถามตรงส่วนไหนหรืออยากให้เล่าเรื่องเพิ่มเติม สามารถทักมาถามหรือคอมเม้นได้เลยนะคะ ขอบคุณค่ะ