เดนทิสเต้ ปลื้ม ลิซ่า BLACKPINK เพิ่มพลังให้แบรนด์แกร่ง ดันยอดขายพุ่ง


คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
เดนทิสเต้ ปลื้ม ลิซ่า BLACKPINK เป็นแบรนด์แอมบาสซาเดอร์ เพิ่มพลังให้แบรนด์แกร่งตีตลาดเกาหลี ส่งต่ออเมริกา ต่อยอดไปทั่วโลก ดันยอดขายพุ่ง

วันที่ 10 ม.ค. 66 นายแสงสุข พิทยานุกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามเฮลท์กรุ๊ป จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปากระดับพรีเมียม “เดนทิสเต้” กล่าวว่า นับตั้งแต่ได้ ลิซ่า BLACKPINK มาเป็นแบรนด์แอมบาสซาเดอร์ ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์เดนทิสเต้ เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะตลาดต่างประเทศ ลิซ่า สร้างแบรนด์ได้ชัดเจน ทำให้การขยายเข้าตลาดต่างประเทศง่ายมากขึ้น อย่าง ตลาดสหรัฐอเมริกา ที่ปัจจุบันให้ความนิยมในกระแส k-pop อย่างมาก และลิซ่า BLACKPINK และวง BLACKPINK ได้รับความนิยมอย่างมากในตลาดสหรัฐอเมริกา และตลาดทั่วโลก

ดร.แสงสุข พิทยานุกุล กรรมการผู้จัดการ บอกว่าเหตุผลที่ทำให้ YG และลิซ่าต่อสัญญาได้อีกปีนั้นถือเป็น ‘ความโชคดี’ เหตุผลแรกคือการที่ DENTISTE' เป็นแบรนด์ยาสีฟันพรีเมียมอันดับ 1 ในเกาหลีใต้ โดยครองส่วนแบ่ง 12% อีกเหตุผลก็คือการที่ลิซ่าใช้ DENTISTE’ อยู่แล้วก่อนที่เธอจะมาเป็นพรีเซนเตอร์ซะอีก ซึ่งดร.แสงสุขบอกด้วยว่าเดิมทีลิซ่าไม่รู้ว่า DENTISTE’ คือแบรนด์ของคนไทย เหมือนกับที่หลายๆ คนไม่รู้กัน

“เอาแค่เฉพาะตลาดในอเมริกาก็คุ้มมากแล้ว” ดร.แสงสุข พูดถึงการได้ลิซ่ามาเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับแบรนด์

แม้จะไม่มีการเปิดเผยค่าตัวที่ชัดเจน แต่ดร.แสงสุขก็เคยบอกไว้ว่าค่าตัวของศิลปินระดับโลกแบบนี้จะอยู่ที่ราวๆ 2 ล้านดอลลาร์ ( 60 ล้านบาท ) ซึ่งการต่อสัญญาในปีที่ 2 ต้องจ่ายค่าตัวลิซ่าแพงขึ้นกว่าเดิม ( สื่อไทยเคยคาดว่า True อาจต้องจ่ายถึง 100 ล้านบาทเพื่อดึงลิซ่า ) ทว่าแบรนด์มองว่าคุ้มค่าทั้งในแง่ภาพลักษณ์ที่ได้ศิลปินระดับโลก ยอดขายที่เพิ่มขึ้น และงบซื้อสื่อลดลงอย่างเห็นได้ชัด จากที่เคยใช้งบอยู่ที่ราวๆ 80 ล้านบาท แต่เมื่อลิซ่ามาเป็นพรีเซนเตอร์ให้ก็ลดงบการใช้สื่อลงมาเหลือที่ 30-40 ล้านบาท แต่คนจดจำแบรนด์ได้มากขึ้นเพราะหน้าของลิซ่านั่นเอง 

ปัจจุบันเดนทิสเต้ ส่งออกไปตลาดต่างประเทศ 25 ประเทศ ซึ่งยอดขายจากตลาดส่งออกมีสัดส่วนเกือบ 50% จากเดิมอยู่ที่ 10% โดยตลาดญี่ปุ่น และเกาหลีใต้สัดส่วนยอดขายมากที่สุด ในตลาดเกาหลีใต้เดนทิสเต้มีส่วนแบ่งตลาด 12% เป็นอันดับ 1 ในตลาดยาสีฟันพรีเมียม ทำให้บริษัทมีแผนจะย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศเกาหลีใต้ เพื่อรองรับตลาดในเกาหลีใต้ และส่งออกไปตลาดสหรัฐอเมริกา รวมทั้งมีแผนจะตั้งสำนักงานที่ไต้หวันเพิ่มด้วย ซึ่งทั้งหมดกำลังอยู่ระหว่างดำเนินการ และจะให้แล้วเสร็จภายในปีนี้

“ลิซ่า ทำให้ยอดขายยอดขายยาสีฟันในหลายประเทศเติบโตสูง และยอดขายในประเทศเติบโตขึ้นทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ของเดนทิสเต้ นับตั้งแต่ ลิซ่า เซ็นสัญญาเป็นแบรนด์แอมบาสซาเดอร์ให้เดนทิสเต้ในปี 2564 และต่อสัญญาเป็นปีที่ 2 ในปี 2565 รวมทั้งคาดหวังจะต่อสัญญาในปีนี้ต่อเป็นปีที่ 3 โดยล่าสุดได้จัดกิจกรรม Meet & Greet ในงาน LISA’ Special Greet: DENTISTE Presents Confident Smile with Lisa เพื่อแฟนๆ ของเดนทิสเต้ และลิซ่า โดยเฉพาะ พร้อมได้เปิดตัวนวัตกรรมยาสีฟันใหม่ เดนทิสเต้ ไดมอนด์ ราคาหลอดละ 1,000 เหรียญสหรัฐ เจาะตลาดไฮเอนด์”

เครดิต : https://www.khaosod.co.th/economics/news_7452346 



ย้อนกลับไปในช่วงการจัดงาน Paris Fashion Week SS23 Menswear แบรนด์ที่ได้ EMV หรือมูลค่าสื่อที่แบรนด์ไม่ได้ใช้เงินจ่ายเองไปอย่างมหาศาลก็คือ CELINE ซึ่งได้มูลค่าของ EMV ไปมากถึง 43 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทิ้งห่างอันดับที่สองอย่างLouis Vuitton ที่ได้ EMV อยู่ที่ 7.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แน่นอนว่ามูลค่าสื่อที่มากขนาดนี้มาจากการปรากฏตัวของลิซ่า กลายเป็นศิลปินที่สร้าง EMV ได้สูงที่สุดของงานแฟชั่นครั้งนั้น จนสื่อธุรกิจจีนพาดหัวข่าว “Blackpink’s Lisa and Celine Stole Paris Fashion Week Men’s” หรือ “ลิซ่าและ CELINE ได้ขโมยความสนใจ ในงาน Paris Fashion Week ไปหมดแล้ว”


นอกจาก DENTISTE’ ที่เล่าไปในตอนต้นแล้ว ในบ้านเราเองก็ยังมี TrueID อีกหนึ่งแบรนด์ที่ได้ลิซ่ามาเป็นพรีเซนเตอร์ ซึ่งนอกจากความเป็นแบรนด์ไทย อีกหนึ่งจุดร่วมที่ DENTISTE’ และ TrueID มีร่วมกันคือ ‘ธุรกิจในต่างประเทศ’ โดย TrueID มีธุรกิจอยู่ใน South East Asia ส่วน DENTISTE’ ก็มีวางขาย 25 ประเทศทั่วโลก  ทั้ง TrueID และ DENTISTE’ จึงหวังจะให้ลิซ่าช่วยนำพาแบรนด์ไทยไปทำตลาดในต่างประเทศได้มากขึ้น 

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

 เครดิต https://web.facebook.com/photo/?fbid=205979511988394&set=a.182316087688070 
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่