เรามีเพื่อนชายคนสนิทอยู่คนนึงที่เรียนอยู่มหาลัยเดียวกันค่ะ อยู่คณะและสาขาเดียวกัน ด้วยความที่เราเป็นออทิสติกเหมือนกันทำให้เราสนิทกันมากเลยค่ะ จะไปไหนมาไหนก็ไปด้วยกันตลอด ซึ่งเราทั้งคู่ก็เป็นระดับอาการที่น้อยมากๆจนคนทั่วไปดูไม่ออก เหมือนคนอินดี้ ไม่ถนัดเข้าสังคมมากกว่า ซึ่งเราจะมีนิสัยที่ค่อนข้างจะมีความเปรี้ยวจี๊ดจ๊าด แต่งตัวแต่งหน้าจัด ใส่กระโปรงนักศึกษาทรงเอยาวสุดไม่เกิน 16 นิ้ว เสื้อรัดรูป ส้นสูง 4 นิ้ว+++ เพราะเรามีปมเรื่องโดนแกล้งหนักๆสมัยมัธยมเลยต้องปรับลุคให้ดูสตรองมากขึ้น มีนิสัยบ้าบิ่นใช่ย่อยผสมกับความช็อตฟีล ตามประสาคนเป็นออทิสติกบวกกับความเป็นกะเทยอีก ตรงข้ามกับเพื่อนเราเลยค่ะ สมมุติว่าชื่อ บี แล้วกันค่ะ บีดูเป็นเด็กเนิร์ดสุดเรียบร้อย ใส่แว่นหนาเตอะ มีนิสัยขี้อาย อ่อนโยน อ่อนไหวง่ายมากๆ สะเทือนใจอะไรนิดหน่อยก็ร้องไห้แล้ว ไม่ค่อยพูดเท่าไหร่ แต่ก็เป็นคนที่น่ารัก จริงใจ แล้วก็มีน้ำใจมากๆ นึกภาพคล้ายๆ พระเอกซีรี่ย์เกาหลีเรื่อง good doctor เอาจริงๆ บีเป็นคนที่หน้าตาหล่อมาก สูงเกือบ 190 ขาว ตี๋นิดๆ เสื้อผ้าหน้าผมเนี๊ยบมากๆ แล้วก็เป็นคนที่หุ่นดีมากๆด้วย ซิกแพคคือแน่นไม่แพ้ดารา นายแบบเลย เพราะทางครอบครัวเค้าปลูกฝังเรื่องการออกกำลังกาย ทำให้เค้าเป็นคนชอบออกกำลังกายเป็นชีวิตจิตใจ ไม่ว่าจะคาร์ดิโอหรือเวท แต่บีเค้าจะชอบการว่ายน้ำเป็นพิเศษ แล้วเราก็ไปว่ายน้ำด้วยกันบ่อยมากๆด้วย เราฟินทุกครั้งที่บีถอดเสื้อแล้วเห็นหุ่นล่ำๆของบีซึ่งเป็น 1 ในไม่กี่คนจากบรรดาเด็กออทิสติก ที่จะมีหน้าตาและหุ่นที่เพอร์เฟคขนาดนี้ เราสองคนถึงแม้ว่าจะมีนิสัยที่แตกต่างกัน แต่สิ่งที่เราเป็นเหมือนกัน คือ การโดนบูลลี่ในสมัยเด็ก จนทำให้เราสองคนกลายเป็นคนที่หวาดระแวงอะไรง่ายๆ เราอาจจะยังพอมีสังคม มีกลุ่มเพื่อนที่สนิทกว่าเพื่อนในรุ่นคนอื่นๆ อยู่บ้างแม้จะมีความระแวงขั้นสุด แต่เราก็ต้องทำเพื่อความอยู่รอด ก็สนิทระดับที่ไปแฮงค์เอ้าท์กันอยู่ไม่น้อยนะคะ เพราะยังไงก็หนีงานกลุ่มไม่ได้อยู่แล้ว แต่บี ถึงแม้ว่าเพื่อนในรุ่นจะไม่ได้มีใครที่ไม่ชอบเค้าเลย แต่เค้าก็มีอาการเกร็งๆเวลาต้องอยู่ร่วมกับคนหมู่มาก หลายครั้งนี่ถึงกับน้ำตาไหลเลยค่ะ โชคยังดี ที่บียังมีเราทำให้เค้าพลอยคลายความประหม่าไปได้บ้างเวลามาเข้าร่วมทำงานกลุ่ม ทั้งๆที่เราก็เป็นพวกหวาดระแวงเหมือนกัน แต่เราก็ต้องทำเป็นเข้มแข็งเพื่อบี แต่บีมีส่วนช่วยในงานกลุ่มมากๆเลยนะคะ เป็นมันสมองของทีมเลยทีเดียว เพราะบีเป็นคนที่เรียนเก่งมาก ความรู้แน่นสุดๆ เหมือนหอสมุดเคลื่อนที่เลย ตอนเรียนจบเค้าได้เกียรตินิยมอันดับ 1 ด้วยนะคะ ทั้งรูปร่างหน้าตาดี เรียนก็เก่ง แถมฐานะที่บ้านก็รวยมากเลยนะคะ เพราะที่บ้านบีเค้าทำธุรกิจอสังหาใหญ่โตมาก แล้วบีก็เก่งเรื่องบริหารมากๆด้วย แต่บีก็มักจะมีคำพูดติดปากอยู่เสมอว่า "ผมมันก็แค่เด็กออทิสติก ถึงจะเก่งแค่ไหน ยังไงผมก็สู้เค้าไม่ได้หรอกครับ ผมรู้ว่าผมควรจะเจียมเนื้อเจียมตัว รู้ว่าควรอยู่แค่ตรงไหน จะได้ไม่ไปสร้างความเดือดร้อนให้ใคร" พูดพรางก็ร้องไห้ จนเราต้องปลอบอยู่เป็นประจำ เราก็ไม่รู้ว่าประโยคนี้มันจริงมั้ย เราโคตรสงสารแล้วก็เข้าใจในสิ่งที่บีเป็นเลยค่ะ เพราะเราก็เจออะไรตอนเด็กๆมาไม่ต่างกัน แค่เราอาจจะมีความมั่น ความเฟียซที่ซ่อนความกลัวและหวาดระแวงไว้ในใจต่อหน้าเพื่อนๆ มากกว่าที่บีเป็น ทุกวันนี้ความสัมพันธ์ของเราสองคนก็พัฒนาขึ้นมาเป็นแฟนกันแล้ว จริงๆ เราอยากจะแต่งงานดันมากๆ แต่บีก็ยังกังวลว่าที่บ้านเค้าจะยอมรับสะใภ้ที่เป็นสาวสองอย่างเราได้มั้ย ทั้งๆที่ครอบครัวเค้าก็เอ็นดูเราเหมือนลูกเหมือนหลาน ยิ่งเราเป็นออทิสติกเหมือนบีเค้าเลยยิ่งเป็นดู เพราะเวลาเราอยู่ด้วยกันมันก็จะมีความเปิ่นๆแบบน่ารักๆตามสไตล์เด็กออทิสติก ทำให้ยิ่งดูน่าเอ็นดูคูณสอง แล้วบีก็ยังไม่มั่นใจเลยว่า เค้าจะสามารถเป็นสามีที่ดีและทำให้เรามีความสุขได้มั้ย ทั้งๆที่เราก็มองว่าบีก็เป็นคนที่โรเมนติคมากๆ อีกอย่างคือบีเป็นคนที่เก่งในหลายๆอย่างเลย แม้แต่การขับรถซึ่งแทบจะไม่มีเด็กออทิสติกทำได้ แต่บีทำมันได้ดีมากๆ แค่นี้เราก็มีความสุขแล้ว เราเลยอยากจะรู้จริงๆ ว่า ประโยคที่บีชอบพูดบ่อยๆ มันเป็นจริงมากน้อยแค่ไหนคะ
คนเป็นออทิสติก ต่อให้เก่งแค่ไหน ยังไงก็สู้คนปกติไม่ได้ ควรจะเจียมเนื้อเจียมตัวรู้ว่าควรอยู่ตรงไหน ประโยคนี้จริงมั้ยคะ