The Menu (2022) Foodie ดูแล้วเจ็บจี๊ด
หนังแนวอืมจะเรียกไงดี แนวสยองขวัญเรียกน้ำย่อยละกัน ได้ ท่านลอร์ด โวลเดอมอร์ กับ น้องแอนย่ามาแสดงนำ แค่นี้ก็น่าดูไปเกินครึ่งละ แถมหน้าหนังยังออกมาแบบเดาอะไรไม่ได้เลย แต่จั่วหัวไว้ว่านี่ horror movie น้าคร้าบ เลยทำให้ตอนแรกที่เห็นพาลคิดในใจ มันจะใช่แนวซาลาเปาเนื้อคนหนังฮ่องกงสยองขวัญเมื่อหลายสิบปีก่อนรึเปล่า
ในขณะที่ทุกวันนี้ เป็นที่ยอมรับกันว่า การกินอาหารไม่ใช่พฤติกรรมธรรมดาไปซะแล้วตั้งแต่การก่อกำเนิดของโทรศัพท์มือถือที่ถ่ายภาพได้ และสำคัญยิ่งคือ social media ทำให้ทุกวันนี้การกินอาหารเริ่มเข้าข่าย อวดดีและซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ ร้านไหนดังร้านไหนเก๋ เป็นชั้นนี่แหละที่ไปดมมาแล้ว ยิ่งแพงยิ่งจองยาก ยิ่งโคตรฟิน
หนังเปิดเรื่องออกมาได้อย่างรวดเร็วอย่างไม่มีการปูทางโหมโรงใดๆทั้งสิ้น ว่ากันตามตรงก็คือพาเราเข้าสู่ main course กันเลยแหละ ตัวละครมีอยู่เท่านี้ โลเคชั่นก็ใช้แค่นี้ แต่หนังก็ชวนทำให้เรารู้สึกอยากติดตามว่าสุดท้ายแล้ว มันจะพาเราเดินไปจุดมุมไหน
พอได้รับชมจนจบอยากจะบอกเลยว่า ตัดหลักการความคิดเหตุและผลออกไปเถอะ เอาแบบช่างมันไปเลยว่า ที่มาและที่ไปทำไมต้องทำหรือเหตุกราณ์แบบนี้มาเกิดขึ้นได้อย่างไร แต่ถ้าจะให้ตั้งชื่อใหม่เป็นภาษาไทย ต้องให้เรียกว่า ...เชฟขี้บ่นปนขี้น้อยใจ... เพราะในหนังนี่ ถ้าใครถือตัวเป็น Foodie นี่แทบรู้สึกเหมือนเอามือมาลูบหัวด้วยความเอ็นดูแล้วเอาเท้ามาลูบเข้าไปจังๆที่หน้าตอนหลัง
**ทั้งพวกมีตังค์มากินเป็นสิบครั้ง แต่จำไม่ได้ว่ากินไรไปแล้วมั้ง (เชฟเจ็บใจ คิดค้นแทบตาย) ช่วยไม่ได้ก็ตูมีเงินมากินนี่หว่า
**ทั้งพวกนักลองชิม กัดฟันจ่าย มาถ่ายรูปอาหาร และทายวัตถุดิบ (เชฟบอกเก่งจริงก็มาทำเองสิ)
**ทั้งพวกนักวิจารณ์อาหาร ปากก็ว่ากันไป ใครจะล่มจม เพราะไม่เอาใจชั้นก็ช่วยไม่ได้ (อันนี้เชฟแค้นมานานละ)
**ทั้งพวกคนมีเงินที่คิดว่า ร้านอาหารระดับมิชลินเป็นแค่ เครื่องประดับเพิ่ม ฐานะและมูลค่าให้ตัวเอง (อันนี้เชฟใจเย็นๆหน่อย เค้าออกตังค์ให้นะ)
**รวมไปถึง เซเลปที่เป็นการันตีของร้านจพวกนี้ที่ชอบโรยเกลือถ่ายรูปด้วยกัน (เชฟบอกกูดังของกูเองได้)
แต่แบบนอกคอกสุดก็ เธอ นั่นแหละมานั่งเจ๋ออยู่ที่นี้ได้ไง อยากกินไรก็บอกมาจะทำให้กินแล้วรีบไสหัวไปก่อนจะเสริฟ์ของหวานนะ เพราะสิ่งที่แม่หนูแอนย่าพูดกับเชฟก็แทนใจลูกค้าคนจ่ายเงินหลายคนแบบ ตูไม่ได้สน Fine dinning แบบนี้หรอก ทำออกมาให้ดูน่ากินแล้วยัดให้อิ่ม แค่นี้ก็ฟินแล้วละ
แล้วคุณละอยู่ข้างใคร ปล.ชอบจริงๆตอนเชฟปรบมือ 555
[CR] The Menu (2022) Foodie ดูแล้วเจ็บจี๊ด
หนังแนวอืมจะเรียกไงดี แนวสยองขวัญเรียกน้ำย่อยละกัน ได้ ท่านลอร์ด โวลเดอมอร์ กับ น้องแอนย่ามาแสดงนำ แค่นี้ก็น่าดูไปเกินครึ่งละ แถมหน้าหนังยังออกมาแบบเดาอะไรไม่ได้เลย แต่จั่วหัวไว้ว่านี่ horror movie น้าคร้าบ เลยทำให้ตอนแรกที่เห็นพาลคิดในใจ มันจะใช่แนวซาลาเปาเนื้อคนหนังฮ่องกงสยองขวัญเมื่อหลายสิบปีก่อนรึเปล่า
ในขณะที่ทุกวันนี้ เป็นที่ยอมรับกันว่า การกินอาหารไม่ใช่พฤติกรรมธรรมดาไปซะแล้วตั้งแต่การก่อกำเนิดของโทรศัพท์มือถือที่ถ่ายภาพได้ และสำคัญยิ่งคือ social media ทำให้ทุกวันนี้การกินอาหารเริ่มเข้าข่าย อวดดีและซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ ร้านไหนดังร้านไหนเก๋ เป็นชั้นนี่แหละที่ไปดมมาแล้ว ยิ่งแพงยิ่งจองยาก ยิ่งโคตรฟิน
หนังเปิดเรื่องออกมาได้อย่างรวดเร็วอย่างไม่มีการปูทางโหมโรงใดๆทั้งสิ้น ว่ากันตามตรงก็คือพาเราเข้าสู่ main course กันเลยแหละ ตัวละครมีอยู่เท่านี้ โลเคชั่นก็ใช้แค่นี้ แต่หนังก็ชวนทำให้เรารู้สึกอยากติดตามว่าสุดท้ายแล้ว มันจะพาเราเดินไปจุดมุมไหน
พอได้รับชมจนจบอยากจะบอกเลยว่า ตัดหลักการความคิดเหตุและผลออกไปเถอะ เอาแบบช่างมันไปเลยว่า ที่มาและที่ไปทำไมต้องทำหรือเหตุกราณ์แบบนี้มาเกิดขึ้นได้อย่างไร แต่ถ้าจะให้ตั้งชื่อใหม่เป็นภาษาไทย ต้องให้เรียกว่า ...เชฟขี้บ่นปนขี้น้อยใจ... เพราะในหนังนี่ ถ้าใครถือตัวเป็น Foodie นี่แทบรู้สึกเหมือนเอามือมาลูบหัวด้วยความเอ็นดูแล้วเอาเท้ามาลูบเข้าไปจังๆที่หน้าตอนหลัง
**ทั้งพวกมีตังค์มากินเป็นสิบครั้ง แต่จำไม่ได้ว่ากินไรไปแล้วมั้ง (เชฟเจ็บใจ คิดค้นแทบตาย) ช่วยไม่ได้ก็ตูมีเงินมากินนี่หว่า
**ทั้งพวกนักลองชิม กัดฟันจ่าย มาถ่ายรูปอาหาร และทายวัตถุดิบ (เชฟบอกเก่งจริงก็มาทำเองสิ)
**ทั้งพวกนักวิจารณ์อาหาร ปากก็ว่ากันไป ใครจะล่มจม เพราะไม่เอาใจชั้นก็ช่วยไม่ได้ (อันนี้เชฟแค้นมานานละ)
**ทั้งพวกคนมีเงินที่คิดว่า ร้านอาหารระดับมิชลินเป็นแค่ เครื่องประดับเพิ่ม ฐานะและมูลค่าให้ตัวเอง (อันนี้เชฟใจเย็นๆหน่อย เค้าออกตังค์ให้นะ)
**รวมไปถึง เซเลปที่เป็นการันตีของร้านจพวกนี้ที่ชอบโรยเกลือถ่ายรูปด้วยกัน (เชฟบอกกูดังของกูเองได้)
แต่แบบนอกคอกสุดก็ เธอ นั่นแหละมานั่งเจ๋ออยู่ที่นี้ได้ไง อยากกินไรก็บอกมาจะทำให้กินแล้วรีบไสหัวไปก่อนจะเสริฟ์ของหวานนะ เพราะสิ่งที่แม่หนูแอนย่าพูดกับเชฟก็แทนใจลูกค้าคนจ่ายเงินหลายคนแบบ ตูไม่ได้สน Fine dinning แบบนี้หรอก ทำออกมาให้ดูน่ากินแล้วยัดให้อิ่ม แค่นี้ก็ฟินแล้วละ
แล้วคุณละอยู่ข้างใคร ปล.ชอบจริงๆตอนเชฟปรบมือ 555
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้