ขอแจ้งว่าถ้าพิมพ์ผิดประการใดขออภัยด้วยนะครับ เนื่องด้วยผมเอง ก่อนหน้าชีวิตไปถึงจุดที่มีความคิดว่า ชีวิต ทำไม่
โครตไร้ค่าจังเลย ไปจนถึงขั้นรู้สึกว่าซึมเศร้าไม่อยากจะทำอะไรอยากจะหายไปจากโลกนี้ เลยประจวบเหมาะกับปีนั้นตัวเองต้องเกณฑ์ทหารพอดี จริงๆก็มีการทำการบ้านก่อนที่จะไปเกณฑ์ทหารอยู่แล้วพอไปถึงวันคัดเลือกจริงก็เลือกที่จะสมัครทหารเกณฑ์สมัครเพราะคิดว่าเข้าไปเป็นทหารอาจจะทำให้ชีวิตมีค่ามากขึ้นอาจจะเข้าได้ไปช่วยเหลือผู้คนเพราะว่าความคิดคิดว่าเป็นทหารแล้วได้ออกไปช่วยเหลือผู้คนเลยสมัครเข้าไปช่วงฝึกรู้สึกว่ามันก็ปนความสนุกและความเหนื่อยแต่เมื่อมาเจอแรงกดดันจากครูฝึกซึ่งเป็นทหารด้วยกันณตอนนั้นเราเองก็ไม่ชอบสักเท่าไหร่แต่ถามว่าฝึกได้ไหมก็ฝึกจนจบและทุกครั้งที่ฝึกรู้สึกเต็มที่กับมันมากด้วยความที่เราไม่ใช่ผู้ชายแท้เรายิ่งโดนตอกย้ำตลอดว่าเป็นแบบนี้แล้วมันจะฝึกได้สักเท่าไหร่ทำให้ทุกครั้งที่ฝึกจะคิดเสมอว่าต้องทำให้ดีต้องทำให้ได้อย่าให้ใครมาสบประมาทได้ว่าเป็นแบบนี้แล้วเป็นตัวถ่วงคนอื่นพอได้มีการย้ายหน่วยตัวเราเองก็ได้ไปอยู่อีกหน่วยนึงซึ่งเราจบบัญชีมาทางข้าราชการเลยให้เราไปเป็นผู้ช่วยเสมียนของกองร้อยเราก็ทำหน้าที่อย่างเต็มที่เราทำทุกอย่างทั้งงานเอกสารงานกองร้อยงานของตัวข้าราชการเองซึ่งเมื่อเราทำงานเยอะเกินไปผบร้อยก็เลยสั่งงานตรงมาที่เราเลยโดยจริงๆแล้วการสั่งงานต้องผ่านลำดับชั้นลงมาตัวเราเองก็ไม่ชอบสักเท่าไหร่เนื่องจากมีความกดดันแต่อีกใจหนึ่งเมื่อผบ. ร้อยสั่งงานผ่านลำดับชั้นข้าราชการมางานค่อนข้างจะล่าช้าทำให้ข้าราชการบางคนคิดว่าเราข้ามหน้าข้ามตาแต่ความจริงแล้วเราไม่ได้ต้องการเพราะว่าเรารู้ตัวเองว่าเราเป็นแค่พลทหารสุดท้ายเราก็ต้องปลดไปอันนี้เป็นส่วนหนึ่งที่อยู่ในความคิดว่าจะสมัครสอบตำรวจดีไหมเมื่อได้มีการปลดทหารออกมาความรู้สึกของการเป็นทหารมันยังอยู่ในตัวเราเองใจเรารู้สึกว่าเราชอบแต่พอมองย้อนกลับไปอีกทีระบบราชการไม่ได้ดีอย่างที่คิดมีการแก่งแย่งชิงดีกันซึ่งเราเองไม่ค่อยชอบสักเท่าไหร่แต่ใจมันก็อยากจะเป็นเลยจะถามว่าตัวเองชอบไหมกับการสอบเป็นข้าราชการตำรวจกำลังคิดวิเคราะห์ว่าที่อยากสอบเป็นข้าราชการตำรวจเพราะเพิ่งปลดทหารออกมาเลยยังมีความรู้สึกของการเป็นทหารอยู่แต่พอมองอีกมุมก็อยากจะเป็นตำรวจเรื่องที่เล่ามาอาจจะดูสับสนต้องขอโทษด้วยนะครับขอบคุณสำหรับผู้มาชี้คำแนวทางให้ผมนะครับ
สอบตำรวจดีไหม ชอบไหม รักอาชีพนี้ไหม