Credit : รหัสวิทยา
วิชาโหราศาสตร์โดยทั่วไป กำหนดให้ดาวเคราะห์บางดวงเป็นเจ้าของบ้านหรือเป็นเจ้าเรือนได้มากกว่า 1 ราศี เรียกว่าเกษตรสองเรือน หรือเรือนแฝด ดังที่คุ้นเคยกันดี
.
เช่นดาวอังคารเป็นเจ้าของบ้านในราศีเมษและพิจิก หรือดวงศุกร์เป็นเจ้าของบ้านในราศีพฤษภและตุล (แต่ก็อาจจะมีบางสำนักที่แตกต่างออกไปเช่นเกษตรเรือนเดี่ยว ของอ.พลูหลวง)
.
การมีดาวที่ครองคร่อมอยู่สองราศีนี้เองที่ทำให้เกิดการ “แฝงเรือน” ขึ้นมา
.
หลักสำคัญของการแฝงเรือนก็คือ “หากมีดาวดวงใดอยู่ในเรือน(หรือก็คือราศี)ที่มีดาวเจ้าของบ้านเป็นเกษตรสองเรือน ดาวดวงนั้นก็ย่อมส่งกำลังไปถึงอีกเรือนหนึ่งที่มีเจ้าของบ้านเดียวกัน”
.
เหมือน 2 ราศีที่มีเจ้าของเดียวกันมันแอบต่อสายไฟหรือขุดอุโมงค์ลับเชื่อมถึงกันอยู่
.
ตัวอย่างง่ายๆ เช่นดาวอังคารนั้นเป็นเจ้าของบ้านในราศีเมษและพิจิก
.
ทำให้ราศีเมษและพิจิกนี้เหมือนมีอุโมงค์ลับแอบเชื่อมต่อกันส่งกำลังกันอยู่ เนื่องจากมีเจ้าของเดียวกัน
.
ดังนั้นสมมุติว่าในดวงชะตาเกิดมีดาวพฤหัสไปสถิตอยู่ที่ราศีพิจิก และมีอาทิตย์อยู่ที่ราศีเมษ มันก็เลยคล้ายกับว่ามีดาวพฤหัสไปร่วมอาทิตย์อยู่ตรงราศีเมษกับเขาด้วย และในขณะเดียวกันที่ราศีพิจิกก็จะคล้ายกับว่ามีอาทิตย์มาสถิตร่วมอยู่กับพฤหัส
.
กลายเป็นว่า พฤหัส กับ อาทิตย์ สามารถถึงกันได้(กุมกันได้) ทั้งๆที่อยู่ห่างกันตั้งหลายราศีโดยผ่านทางกลไกการแฝงเรือน
.
มาถึงกันแล้วจะอย่างไรก็ต่อก็ต้องดูว่าแล้วพฤหัสกับอาทิตย์นั้นใครเป็นเจ้าเรือนอะไรกันบ้าง เป็นมิตรหรือศัตรูหรือเฉยๆใส่กัน รวมไปถึงราศีที่ดาวสถิตว่าเป็นเรือนอะไร เราถึงจะได้รายละเอียดเพิ่มเติมของคำพยากรณ์
#โหราศาสตร์ไทย #โหราศาสตร์พระเวท
ปล. สำหรับมนุษย์ยูเรเนี่ยน จะติ๊งต่างว่าการแฝงดาวมันทำให้เกิดเป็นสิ่งที่คล้ายๆกับดาวสะท้อนก็ได้ ก็อาจจะอนุโลมเรียกว่าดาวแฝง โดยใช้ราศีที่มีเจ้าบ้านร่วมกันเป็นตัวสร้างดาวสะท้อนขึ้นที่อีกฝั่ง ส่วนราศีไหนที่ไม่มีเจ้าบ้านร่วมก็จะไม่เกิดดาวแฝงขึ้น
แฝงเรือน
วิชาโหราศาสตร์โดยทั่วไป กำหนดให้ดาวเคราะห์บางดวงเป็นเจ้าของบ้านหรือเป็นเจ้าเรือนได้มากกว่า 1 ราศี เรียกว่าเกษตรสองเรือน หรือเรือนแฝด ดังที่คุ้นเคยกันดี
.
เช่นดาวอังคารเป็นเจ้าของบ้านในราศีเมษและพิจิก หรือดวงศุกร์เป็นเจ้าของบ้านในราศีพฤษภและตุล (แต่ก็อาจจะมีบางสำนักที่แตกต่างออกไปเช่นเกษตรเรือนเดี่ยว ของอ.พลูหลวง)
.
การมีดาวที่ครองคร่อมอยู่สองราศีนี้เองที่ทำให้เกิดการ “แฝงเรือน” ขึ้นมา
.
หลักสำคัญของการแฝงเรือนก็คือ “หากมีดาวดวงใดอยู่ในเรือน(หรือก็คือราศี)ที่มีดาวเจ้าของบ้านเป็นเกษตรสองเรือน ดาวดวงนั้นก็ย่อมส่งกำลังไปถึงอีกเรือนหนึ่งที่มีเจ้าของบ้านเดียวกัน”
.
เหมือน 2 ราศีที่มีเจ้าของเดียวกันมันแอบต่อสายไฟหรือขุดอุโมงค์ลับเชื่อมถึงกันอยู่
.
ตัวอย่างง่ายๆ เช่นดาวอังคารนั้นเป็นเจ้าของบ้านในราศีเมษและพิจิก
.
ทำให้ราศีเมษและพิจิกนี้เหมือนมีอุโมงค์ลับแอบเชื่อมต่อกันส่งกำลังกันอยู่ เนื่องจากมีเจ้าของเดียวกัน
.
ดังนั้นสมมุติว่าในดวงชะตาเกิดมีดาวพฤหัสไปสถิตอยู่ที่ราศีพิจิก และมีอาทิตย์อยู่ที่ราศีเมษ มันก็เลยคล้ายกับว่ามีดาวพฤหัสไปร่วมอาทิตย์อยู่ตรงราศีเมษกับเขาด้วย และในขณะเดียวกันที่ราศีพิจิกก็จะคล้ายกับว่ามีอาทิตย์มาสถิตร่วมอยู่กับพฤหัส
.
กลายเป็นว่า พฤหัส กับ อาทิตย์ สามารถถึงกันได้(กุมกันได้) ทั้งๆที่อยู่ห่างกันตั้งหลายราศีโดยผ่านทางกลไกการแฝงเรือน
.
มาถึงกันแล้วจะอย่างไรก็ต่อก็ต้องดูว่าแล้วพฤหัสกับอาทิตย์นั้นใครเป็นเจ้าเรือนอะไรกันบ้าง เป็นมิตรหรือศัตรูหรือเฉยๆใส่กัน รวมไปถึงราศีที่ดาวสถิตว่าเป็นเรือนอะไร เราถึงจะได้รายละเอียดเพิ่มเติมของคำพยากรณ์
#โหราศาสตร์ไทย #โหราศาสตร์พระเวท
ปล. สำหรับมนุษย์ยูเรเนี่ยน จะติ๊งต่างว่าการแฝงดาวมันทำให้เกิดเป็นสิ่งที่คล้ายๆกับดาวสะท้อนก็ได้ ก็อาจจะอนุโลมเรียกว่าดาวแฝง โดยใช้ราศีที่มีเจ้าบ้านร่วมกันเป็นตัวสร้างดาวสะท้อนขึ้นที่อีกฝั่ง ส่วนราศีไหนที่ไม่มีเจ้าบ้านร่วมก็จะไม่เกิดดาวแฝงขึ้น