JJNY : "เกาหลีใต้"เร่งตามชาวจีนติดโควิด│ก้าวไกลจี้ปม‘อธิบดีอุทยานฯ’│กสม.ชี้ปลัดมท.ตำหนิขรก.│กสม.เผยสถิติเรื่องร้องเรียน

"เกาหลีใต้" เร่งติดตามชาวจีนติดโควิด-19 หายจากศูนย์กักกันโรค
https://www.thaipbs.or.th/news/content/323229
 
 
เจ้าหน้าที่สาธารณสุขเกาหลีใต้ เร่งติดตามชาวจีนคนหนึ่งซึ่งตรวจพบว่าติดเชื้อโควิด-19 หายตัวไประหว่างอยู่ในศูนย์กักกันโรค โดยบุคคลดังกล่าวอาจถูกจำคุกสูงสุด 1 ปี หรือปรับ ประมาณ 260,000 บาท หากถูกตัดสินว่าละเมิดกฎควบคุมและป้องกันโรคติดต่อ
 
เมื่อวันที่ 4 ม.ค.2566 สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า มีชาวจีนคนหนึ่งซึ่งตรวจพบว่าติดเชื้อโควิด-19 หายตัวไประหว่างอยู่ในศูนย์กักกันโรคที่ประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเกาหลีใต้ ระบุว่า บุคคลดังกล่าวมีผลตรวจเป็นบวกหลังจากเดินทางถึงสนามบินนานาชาติอินชอนใกล้กรุงโซลเมื่อช่วงสายของวันอังคาร และถูกส่งตัวไปที่โรงแรมแห่งหนึ่งเพื่อรอเข้ารับการกักตัว แต่หายตัวไปในที่สุด
 
ขณะนี้ชาวจีนคนนี้อยู่ในรายชื่อบุคคลที่ต้องการตัว และอาจถูกจำคุกสูงสุด 1 ปี หรือปรับ 10 ล้านวอน หรือประมาณ 260,000 บาท หากถูกตัดสินว่าละเมิดกฎควบคุมและป้องกันโรคติดต่อ และบุคคลดังกล่าวจะถูกเนรเทศและห้ามเข้าประเทศในช่วงระยะเวลาหนึ่ง
 
นิวซีแลนด์ไม่ตรวจหาเชื้อโควิด-19 ผู้เดินทางจากจีน
 
อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางการกำหนดมาตรการต่าง ๆ ของแต่ละประเทศเพื่อรับนักท่องเที่ยวชาวจีน รัฐบาลนิวซีแลนด์ ระบุว่า จะไม่ทำการตรวจหาเชื้อผู้ที่เดินทางมาจากจีน ซึ่งสวนทางกับมาตรการที่หลายประเทศบังคับใช้
 
รัฐมนตรีด้านโควิด-19 ของนิวซีแลนด์ ระบุว่า จำนวนผู้มาเยือนจากจีนไม่มีส่วนสำคัญต่อจำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศ และนิวซีแลนด์มีความเสี่ยงด้านสาธารณสุขน้อยมาก แต่กำลังวางแผนที่จะทดลองทดสอบน้ำเสียจากเที่ยวบินระหว่างประเทศเพื่อดูว่าจะสามารถแทนที่การตรวจหาเชื้อโดยสมัครใจของบุคคลได้หรือไม่
 


ก้าวไกล จี้ปม ‘อธิบดีอุทยานฯ’ ทำไมไม่ค้นที่บ้านด้วย? ฝากถึง ‘วราวุธ’ เจอซักฟอกชุดใหญ่แน่
https://www.matichon.co.th/politics/news_3757027

‘ประเสริฐพงษ์’ จี้ถามความคืบหน้าปม ‘อธิบดีกรมอุทยานฯ’ สงสัยทำไมไม่ออกหมายค้นที่บ้านด้วย ขู่ ‘วราวุธ’ เจอชุดใหญ่อภิปราย ม.152 แน่
 
เมื่อเวลา 10.55 น. วันที่ 5 มกราคม ที่รัฐสภา นายประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) แถลงว่า ตนได้ติดตามกรณีเจ้าหน้าที่เข้าจับกุม นายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ซึ่งมีข้อสังเกตว่าในวันจับกุมที่ห้องทำงานของอธิบดีฯ ผู้ใต้บังคับบัญชาแสดงอาการปกป้องอย่างออกหน้าออกตา
  
เมื่อเห็นพฤติกรรมของผู้ใต้บังคับบัญชาของอธิบดีฯ แบบนั้นแล้ว สะท้อนให้เห็นถึงผลการสอบสวนข้อเท็จจริงที่มีการแถลงข่าวออกมาจากกรมอุทยานฯ และ นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ซึ่งบัดนี้ยังไม่เห็นว่าเกิดอะไรขึ้น ตนจึงต้องตั้งคำถามถึงนายวราวุธ และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่รีบออกคำสั่งโยกย้ายอธิบดีฯ ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่ามีสานสัมพันธ์กับใครบ้าง
 
นายประเสริฐพงษ์ กล่าวต่อว่า ส่วนในแง่กฎหมายการที่ตำรวจไปออกหมายค้นที่ทำงาน และได้หลักฐานสำคัญ มีคำถามว่าทำไมไม่ออกหมายค้นที่บ้านพักของอธิบดีฯด้วย ที่นอกจากจะเจอสิ่งสำคัญที่ห้องทำงานแล้ว ยังมีที่บ้านอีกหรือไม่ จึงขอเรียกร้องไปยังเจ้าหน้าที่ว่าทำไมไม่ออกหมายค้นที่บ้านพักอธิบดีฯคนดังกล่าว เพราะหากเทียบเคียงกับกรณีของชาวบ้านจะมีวิธีการที่ค่อนข้างแตกต่างกัน

“รัฐบาลต้องดำเนินการเรื่องนี้อย่างตรงไปมา เพื่อจะได้ไม่มีข้อกังขา วันนี้ผมมาตามบี้เรื่องนี้ และขอฝากไปยังนายวราวุธ ว่าท่านจะเจอชุดใหญ่แน่นอน ถ้าประธานสภาผู้แทนราษฎร บรรจุญัตติการอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ ตามมาตรา 152 นายวราวุธจะเจอชุดใหญ่ เรายืนยันว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ เพราะปัญหาเกิดจากบรรดาข้าราชการระดับสูงของประเทศจึงเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น” นายประเสริฐพงษ์ กล่าว



กสม.ชี้ปลัดมท.ตำหนิขรก. ละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ แนะผู้บังคับบัญชาเร่งตรวจสอบ-สร้างบรรทัดฐาน
https://www.matichon.co.th/politics/news_3757084

กสม. ชี้ปลัดมท.ตำหนิขรก. ละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ แนะผู้บังคับบัญชาเร่งตรวจสอบตามอำนาจวางเป็นบรรทัดฐานต่อไป
 
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 5 มกราคม น.ส.สุภัทรา นาคะผิว กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีที่มีการเผยแพร่คลิปปลัดกระทรวงมหาดไทย ตำหนิผู้ใต้บังคับบัญชาของปลัดกระทรวงมหาดไทยในการประชุมข้าราชการกระทรวงฯ ซึ่งปรากฏกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสมกันอย่างกว้างขวาง ว่า คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ได้ติดตามเรื่องดังกล่าวและเห็นว่ากรณีนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับการละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และเกียรติยศชื่อเสียง ด้วยมีการใช้ถ้อยคำในลักษณะดูหมิ่น เหยียดหยามและลดทอนคุณค่าของบุคคล อันไม่สอดคล้องตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 4 ที่บัญญัติว่าศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของบุคคลย่อมได้รับความคุ้มครอง รวมทั้งหลักสิทธิมนุษยชนสากลที่ระบุว่า การเลือกปฏิบัติไม่ว่าจะด้วยเหตุแห่งสถานะทางสังคมหรือเหตุอื่นใดย่อมกระทำไม่ได้ นอกจากนี้หากพิจารณาตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 ข้าราชการต้องมีความประพฤติสุภาพเรียบร้อย และต้องรักษาเกียรติศักดิ์ของตำแหน่งหน้าที่ราชการมิให้เสื่อมเสียด้วย
 
ทั้งนี้ ที่ประชุมด้านการคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิมนุษยชน เมื่อวันที่ 3 มกราคมที่ผ่านมา ได้หารือถึงเรื่องดังกล่าวและมีความเห็นในเบื้องต้นว่า กรณีนี้เข้าข่ายการละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของบุคคลอื่น สะท้อนวัฒนธรรมอำนาจนิยม และการขาดความตระหนักด้านสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะการสื่อสารที่เป็นการลดทอนคุณค่าและสร้างผลกระทบกระเทือนต่อจิตใจหรือเกียรติยศของผู้อื่น ซึ่งเป็นเรื่องที่สังคมทุกภาคส่วนโดยเฉพาะสถาบันการศึกษาต้องช่วยกันบ่มเพาะ ปลูกฝังและสร้างวัฒนธรรมการเคารพสิทธิมนุษยชนซึ่งกันและกัน
 
“กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เห็นว่า เรื่องนี้ ผู้บังคับบัญชาของปลัดกระทรวงมหาดไทยควรจะเร่งตรวจสอบและดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจอย่างเคร่งครัด เพื่อสร้างบรรทัดฐานที่ดีในการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการตามหลักสิทธิมนุษยชนต่อไป” นางสาวสุภัทรา กล่าว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่