ศรีนิลเป็นแมวตัวผู้สีดำปลอด มีขนสีขาวแซมตามช่วงอกและท้อง โดยเฉพาะช่วงอกเป็นแถบขวางสีขาวคล้ายแถบอกของหมีควาย และช่วงท้องเป็นสามเหลี่ยมสีขาวคล้ายใส่กางเกงใน 555
จำวันแรกที่เจอเขาได้ ศรีนิลเป็นลูกแมวอายุประมาณ 2 เดือน เขาหลงทางเดินมาตามกำแพงบ้านมาขออาศัย ตอนนั้นแฟนเอินเพิ่งช่วยลูกแมวหล่นอยู่บนถนน เก็บมาเลี้ยง เป็นแมวส้มให้ชื่อ ทองรอด เพราะเขารอดตายบนถนนมา
ตอนที่ศรีนิลเกาะอยู่บนรั้วกำแพง ศรีนิลมองทองรอดด้วยความเกรงใจไม่กล้าเข้ามา เพราะทองรอดอยู่บ้านนี้มาก่อน เปรียบเสมือนเจ้าของบ้าน แมวจะมีการเคารพเจ้าถิ่นและอาวุโส
เราตกลงรับศรีนิลมาอยู่ด้วย จึงมีลูกแมวน่ารักสองตัว
ศรีนิลกับทองรอด ได้เป็นพี่น้องกัน ศรีนิลแก่กว่าประมาณเดือนนึง ถึงจะเป็นพี่แต่ศรีนิลจะมีท่าทีเกรงใจทองรอดเสมอ เวลาให้อาหาร ศรีนิลจะรออยู่ห่างๆ ให้ทองรอดกินก่อน
ศรีนิลเป็นแมวสุภาพเรียบร้อยที่สุดตั้งแต่เอินเคยเลี้ยงแมวมา ไม่เคยข่วนกัดเจ้าของ ไม่เคยออกไปกัดหรือต่อสู้กับใคร ไม่เกเร สงบเสงี่ยม มีระเบียบ วางตัวสง่า ถ้ามีน้องซุกซนมาแกล้ง ศรีนิลจะหลบเลี่ยงไม่ต่อกรด้วย แต่ศรีนิลก็อ้อนเก่งไม่แพ้น้องๆ
ช่วงหลัง เรารับแมวจรมาเลี้ยงต่างกรรมต่างวาระ จนมีทั้งหมด 5 ตัว คือ ศรีนิล(ช) ศรีนวล(ญ) ศุภโชค(ช) นวลจันทร์(ญ) และ ลายเงิน(ช) โดยมี
ศรีนิลเป็นพี่ใหญ่ที่น้องๆ พากันรักและเกรงใจ ส่วนทองรอดจากไปตอนอายุ 8 ปี เนื่องจากอาการเจ็บป่วยที่หาสาเหตุไม่ได้ หมอเดาว่าอาจจะเป็นมะเร็ง
นอกจากศรีนิลจะเป็นพี่ใหญ่แล้ว ยังตัวใหญ่อีกด้วย น้ำหนัก 6.7 กิโลกรัม เวลาไปหาหมอฉีดวัคซีน หมอจะอุทานตาโตกับขนาดของแมวบ้านเอินโดยเฉพาะตัวผู้ เพราะศุภโชคก็ตัวใหญ่ไม่แพ้กัน ซึ่งทั้งคู่เป็นแมวบ้านธรรมดา เก็บมาเลี้ยงไม่ได้มีเพตดีกรีแต่กลับตัวใหญ่พอๆ กับแมวฝรั่ง คงเป็นเพราะได้รับอาหารอย่างดีมาตั้งแต่ยังเล็ก
ครั้งหนึ่งที่เอินแทบใจสลายเมื่อศรีนิลหายไป ซึ่งผิดปกติวิสัย ศรีนิลมักจะอยู่ติดบ้าน (ทำหมันแล้ว) จะออกไปเดินรอบบ้านใกล้ๆ ไม่เคยไปไหนไกล ถึงเวลาทานข้าวเขาจะกลับมาตรงเวลาเสมอ ต้องมีอะไรเกิดขึ้นกับเขาเป็นแน่ เราสองคนพยายามออกไปตามหาอยู่สามวัน เอินร้องไห้ทุกวันจนมีคนแนะนำให้บนบานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ขอให้ศรีนิลกลับมา เอินก็ทำตามเพราะเชื่อมั่นในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เอินบูชามาตลอด
จนคืนวันที่สี่ ใกล้สี่ทุ่ม เอินได้ยินเสียงร้องแว่วๆ จำได้ทันทีว่าเป็นศรีนิล รีบออกไปเดินหา พยายามเรียกเขา
ใช่ศรีนิลจริงๆ เขาอยู่บนหลังคาบ้านข้างๆ ที่ไม่มีคนอยู่ เราเอาบันไดมาพาด แฟนเอินปีนขึ้นไป ศรีนิลมีอาการหวาดกลัวและหิว แรกๆ เขาไม่ยอมให้จับ ต้องเอาอาหารมาล่อ แล้วในที่สุด พ่อแมวก็อุ้มศรีนิลลงมา
เอินกอดศรีนิลแน่น บอกเขาว่าต่อไปนี้
แม่จะไม่ยอมให้ศรีนิลออกจากบ้านอีกแล้ว ถ้าศรีนิลจะเป็นอะไรไป ก็ขอให้อยู่ในสายตา
ที่ศรีนิลหายไปนั้น สันนิษฐานว่า คงเป็นเพราะเขาชอบแอบไปนอนท้ายรถกระบะของข้างบ้าน จังหวะที่เจ้าของรถขับออกไป ศรีนิลคงตกใจกระโดดหนีไม่ทัน ไม่รู้ว่ารถคันนั้นขับไปไกลแค่ไหนกว่าศรีนิลจะกระโดดหนีออกมาได้
ศรีนิลใช้เวลาถึง
4 วันกว่าจะเดินกลับมาถึงบ้านได้ สงสารจนไม่รู้จะสงสารอย่างไร คงทั้งหิวทั้งกลัว พยายามไต่มาตามหลังคาเพื่อหลบหลีกหมาและอันตรายจนกลับมาถึงบ้าน
จากเหตุการณ์นี้ เราก็เริ่มเลี้ยงแมวในระบบปิด คือไม่ปล่อยให้ตัวไหนอยู่นอกบ้าน เรากั้นพื้นที่สนามบางส่วนที่อยู่ติดกับตัวบ้าน ขึงด้วยลวดตาข่ายโดยรอบถึงหลังคา จัดทำเป็นพื้นที่เปิดโล่งสำหรับแมวได้ออกไปเดินเหยียบดิน มีต้นไม้ใบหญ้าให้เขากลิ้งเกลือกไม่ต่างจากที่เคยอยู่นอกบ้าน สร้างสะพานไม้ให้เขาปีนป่ายเล่น ให้เขาได้อยู่กับธรรมชาติโดยมีขอบเขต ไม่สามารถออกไปนอกรั้วตาข่ายได้ สวนแมวนี้มีพื้นที่กว้างขนาด 3 ตารางเมตร ที่เอินเข้าไปเดินเล่นกับแมวได้ มีประตูที่เปิดจากตัวบ้านออกไป
นอกจากนี้พ่อแมวจะพาลูกๆ ออกไปเดินนอกตัวบ้านบ้าง โดยจะยืนคุมอยู่ด้วย จนเขาเดินเที่ยวพอใจแล้วจึงพากลับเข้าบ้าน
นับจากวันแรกที่รับลูกแมวศรีนิลมาเลี้ยงจนวันนี้ ผ่านมา 19 ปี แล้วค่ะ
ศรีนิลเริ่มอ่อนล้าลงตามวัย ขาไม่ค่อยมีแรงกระโดด แต่ยังทานอาหารได้
2-3 อาทิตย์ก่อนปีใหม่ เราเฝ้าสังเกตอาการของเขา เริ่มมีปัญหาขับถ่ายไม่ออก ทานอาหารน้อยลง จนบางวันไม่ยอมทาน แต่ยังทานน้ำบ้าง ปอดเริ่มมีปัญหา เขาหายใจลำบาก เขาผอมลงมากและแก่เกินกว่าจะพาไปให้หมอฉีดยาบำรุงหรือให้น้ำเกลือ เพราะมันจะทำให้เขาเจ็บปวดยิ่งขึ้นไปอีก
ทุกเช้าที่เอินตื่นขึ้นมา จะลุ้นว่าเขาจะยังอยู่ไหม
เขานอนตลอดทั้งวัน ลุกไม่ขึ้น ศรีนิลใกล้จะหมดแรงแล้ว เอินได้แต่เฝ้ามองผ่านม่านน้ำตา
ตอนค่ำวันที่ 1 มกราคม เอินจับตัวเขา เริ่มตัวแข็งแล้ว แต่หางยังขยับ ขายังขยับนิดๆ
คืนนั้นศรีนิลจากไปอย่างสงบ
วันรุ่งขึ้น เราฝังเขาที่สนามใต้ต้นจำปี
มีคนแนะนำว่ามีวัดที่รับเผาสัตว์เลี้ยง แต่เอินไม่ทำ เพราะทำใจไม่ได้ที่ร่างของศรีนิลจะถูกเผาจนกลายเป็นเถ้าธุลี การได้ฝังเขา ได้มองหลุมฝังศพและรู้ว่าเขานอนสงบอยู่ตรงนั้น ทำให้รู้สึกว่าศรีนิลไม่ได้จากเราไปไหน อย่างที่เคยบอกไว้ครั้งนั้นว่า
แม่จะไม่ยอมให้ศรีนิลออกจากบ้านอีกแล้ว ถ้าศรีนิลจะเป็นอะไรไป ก็ขอให้อยู่ในสายตา
แม้จะทำใจกับการจากพรากครั้งนี้มาแล้ว เอินก็ยังไม่สามารถหยุดร้องไห้ได้ เพราะรักเขาเหลือเกิน ไม่มีแมวตัวไหนจะแสนดี สุภาพเรียบร้อย เท่าศรีนิลอีกแล้ว
นี่คือปีใหม่ของเอินค่ะ
New Year in the pool of tear.
ศรีนิล โดย ดรัสวันต์
จำวันแรกที่เจอเขาได้ ศรีนิลเป็นลูกแมวอายุประมาณ 2 เดือน เขาหลงทางเดินมาตามกำแพงบ้านมาขออาศัย ตอนนั้นแฟนเอินเพิ่งช่วยลูกแมวหล่นอยู่บนถนน เก็บมาเลี้ยง เป็นแมวส้มให้ชื่อ ทองรอด เพราะเขารอดตายบนถนนมา
ตอนที่ศรีนิลเกาะอยู่บนรั้วกำแพง ศรีนิลมองทองรอดด้วยความเกรงใจไม่กล้าเข้ามา เพราะทองรอดอยู่บ้านนี้มาก่อน เปรียบเสมือนเจ้าของบ้าน แมวจะมีการเคารพเจ้าถิ่นและอาวุโส
เราตกลงรับศรีนิลมาอยู่ด้วย จึงมีลูกแมวน่ารักสองตัว
ศรีนิลกับทองรอด ได้เป็นพี่น้องกัน ศรีนิลแก่กว่าประมาณเดือนนึง ถึงจะเป็นพี่แต่ศรีนิลจะมีท่าทีเกรงใจทองรอดเสมอ เวลาให้อาหาร ศรีนิลจะรออยู่ห่างๆ ให้ทองรอดกินก่อน
ศรีนิลเป็นแมวสุภาพเรียบร้อยที่สุดตั้งแต่เอินเคยเลี้ยงแมวมา ไม่เคยข่วนกัดเจ้าของ ไม่เคยออกไปกัดหรือต่อสู้กับใคร ไม่เกเร สงบเสงี่ยม มีระเบียบ วางตัวสง่า ถ้ามีน้องซุกซนมาแกล้ง ศรีนิลจะหลบเลี่ยงไม่ต่อกรด้วย แต่ศรีนิลก็อ้อนเก่งไม่แพ้น้องๆ
ช่วงหลัง เรารับแมวจรมาเลี้ยงต่างกรรมต่างวาระ จนมีทั้งหมด 5 ตัว คือ ศรีนิล(ช) ศรีนวล(ญ) ศุภโชค(ช) นวลจันทร์(ญ) และ ลายเงิน(ช) โดยมี
ศรีนิลเป็นพี่ใหญ่ที่น้องๆ พากันรักและเกรงใจ ส่วนทองรอดจากไปตอนอายุ 8 ปี เนื่องจากอาการเจ็บป่วยที่หาสาเหตุไม่ได้ หมอเดาว่าอาจจะเป็นมะเร็ง
นอกจากศรีนิลจะเป็นพี่ใหญ่แล้ว ยังตัวใหญ่อีกด้วย น้ำหนัก 6.7 กิโลกรัม เวลาไปหาหมอฉีดวัคซีน หมอจะอุทานตาโตกับขนาดของแมวบ้านเอินโดยเฉพาะตัวผู้ เพราะศุภโชคก็ตัวใหญ่ไม่แพ้กัน ซึ่งทั้งคู่เป็นแมวบ้านธรรมดา เก็บมาเลี้ยงไม่ได้มีเพตดีกรีแต่กลับตัวใหญ่พอๆ กับแมวฝรั่ง คงเป็นเพราะได้รับอาหารอย่างดีมาตั้งแต่ยังเล็ก
ครั้งหนึ่งที่เอินแทบใจสลายเมื่อศรีนิลหายไป ซึ่งผิดปกติวิสัย ศรีนิลมักจะอยู่ติดบ้าน (ทำหมันแล้ว) จะออกไปเดินรอบบ้านใกล้ๆ ไม่เคยไปไหนไกล ถึงเวลาทานข้าวเขาจะกลับมาตรงเวลาเสมอ ต้องมีอะไรเกิดขึ้นกับเขาเป็นแน่ เราสองคนพยายามออกไปตามหาอยู่สามวัน เอินร้องไห้ทุกวันจนมีคนแนะนำให้บนบานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ขอให้ศรีนิลกลับมา เอินก็ทำตามเพราะเชื่อมั่นในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เอินบูชามาตลอด
จนคืนวันที่สี่ ใกล้สี่ทุ่ม เอินได้ยินเสียงร้องแว่วๆ จำได้ทันทีว่าเป็นศรีนิล รีบออกไปเดินหา พยายามเรียกเขา
ใช่ศรีนิลจริงๆ เขาอยู่บนหลังคาบ้านข้างๆ ที่ไม่มีคนอยู่ เราเอาบันไดมาพาด แฟนเอินปีนขึ้นไป ศรีนิลมีอาการหวาดกลัวและหิว แรกๆ เขาไม่ยอมให้จับ ต้องเอาอาหารมาล่อ แล้วในที่สุด พ่อแมวก็อุ้มศรีนิลลงมา
เอินกอดศรีนิลแน่น บอกเขาว่าต่อไปนี้ แม่จะไม่ยอมให้ศรีนิลออกจากบ้านอีกแล้ว ถ้าศรีนิลจะเป็นอะไรไป ก็ขอให้อยู่ในสายตา
ที่ศรีนิลหายไปนั้น สันนิษฐานว่า คงเป็นเพราะเขาชอบแอบไปนอนท้ายรถกระบะของข้างบ้าน จังหวะที่เจ้าของรถขับออกไป ศรีนิลคงตกใจกระโดดหนีไม่ทัน ไม่รู้ว่ารถคันนั้นขับไปไกลแค่ไหนกว่าศรีนิลจะกระโดดหนีออกมาได้
ศรีนิลใช้เวลาถึง 4 วันกว่าจะเดินกลับมาถึงบ้านได้ สงสารจนไม่รู้จะสงสารอย่างไร คงทั้งหิวทั้งกลัว พยายามไต่มาตามหลังคาเพื่อหลบหลีกหมาและอันตรายจนกลับมาถึงบ้าน
จากเหตุการณ์นี้ เราก็เริ่มเลี้ยงแมวในระบบปิด คือไม่ปล่อยให้ตัวไหนอยู่นอกบ้าน เรากั้นพื้นที่สนามบางส่วนที่อยู่ติดกับตัวบ้าน ขึงด้วยลวดตาข่ายโดยรอบถึงหลังคา จัดทำเป็นพื้นที่เปิดโล่งสำหรับแมวได้ออกไปเดินเหยียบดิน มีต้นไม้ใบหญ้าให้เขากลิ้งเกลือกไม่ต่างจากที่เคยอยู่นอกบ้าน สร้างสะพานไม้ให้เขาปีนป่ายเล่น ให้เขาได้อยู่กับธรรมชาติโดยมีขอบเขต ไม่สามารถออกไปนอกรั้วตาข่ายได้ สวนแมวนี้มีพื้นที่กว้างขนาด 3 ตารางเมตร ที่เอินเข้าไปเดินเล่นกับแมวได้ มีประตูที่เปิดจากตัวบ้านออกไป
นับจากวันแรกที่รับลูกแมวศรีนิลมาเลี้ยงจนวันนี้ ผ่านมา 19 ปี แล้วค่ะ
ศรีนิลเริ่มอ่อนล้าลงตามวัย ขาไม่ค่อยมีแรงกระโดด แต่ยังทานอาหารได้
2-3 อาทิตย์ก่อนปีใหม่ เราเฝ้าสังเกตอาการของเขา เริ่มมีปัญหาขับถ่ายไม่ออก ทานอาหารน้อยลง จนบางวันไม่ยอมทาน แต่ยังทานน้ำบ้าง ปอดเริ่มมีปัญหา เขาหายใจลำบาก เขาผอมลงมากและแก่เกินกว่าจะพาไปให้หมอฉีดยาบำรุงหรือให้น้ำเกลือ เพราะมันจะทำให้เขาเจ็บปวดยิ่งขึ้นไปอีก
ทุกเช้าที่เอินตื่นขึ้นมา จะลุ้นว่าเขาจะยังอยู่ไหม
เขานอนตลอดทั้งวัน ลุกไม่ขึ้น ศรีนิลใกล้จะหมดแรงแล้ว เอินได้แต่เฝ้ามองผ่านม่านน้ำตา
ตอนค่ำวันที่ 1 มกราคม เอินจับตัวเขา เริ่มตัวแข็งแล้ว แต่หางยังขยับ ขายังขยับนิดๆ
คืนนั้นศรีนิลจากไปอย่างสงบ
วันรุ่งขึ้น เราฝังเขาที่สนามใต้ต้นจำปี
มีคนแนะนำว่ามีวัดที่รับเผาสัตว์เลี้ยง แต่เอินไม่ทำ เพราะทำใจไม่ได้ที่ร่างของศรีนิลจะถูกเผาจนกลายเป็นเถ้าธุลี การได้ฝังเขา ได้มองหลุมฝังศพและรู้ว่าเขานอนสงบอยู่ตรงนั้น ทำให้รู้สึกว่าศรีนิลไม่ได้จากเราไปไหน อย่างที่เคยบอกไว้ครั้งนั้นว่า
นี่คือปีใหม่ของเอินค่ะ
New Year in the pool of tear.