JJNY : 5in1 “หมอธีระ”ห่วงไม่คัดกรองนทท.จีน│สหภาพรถไฟจี้สอบ│พริษฐ์โต้"พรเพชร"│ชัชชาติเตรียมเปลี่ยนหลอดไฟ│ปักกิ่งขู่ตอบโต้

“หมอธีระ” ห่วงไม่คัดกรองนักท่องเที่ยวจีน เผยข้อมูล 2 วันแรกปีนี้เที่ยวบินจีน-ไต้หวัน พบผลบวกเกือบ 1 ใน 3 
https://www.matichon.co.th/local/quality-life/news_3755195
 
 
“หมอธีระ” ห่วงรับนักท่องเที่ยวจีนโดยไม่คัดกรอง เผยข้อมูล 2 วันแรกปีนี้เที่ยวบินจีน-ไต้หวัน ทำ CPR พบผลบวกเกือบ 1 ใน 3
 
เมื่อวันที่ 3 มกราคม นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก โดยระบุว่า 
 
เที่ยวบินจากจีนไปไต้หวันในช่วงวันที่ 1-2 มกราคม 2566 28% ตรวจพบโควิด-19 PCR เป็นบวก
  
…เกือบหนึ่งในสาม…

อยากให้ไตร่ตรองให้ดีว่าด้วยอัตราเช่นนี้ จะเกิดอะไรขึ้น จะเข้ามาหมื่นคน แสนคน หรือล้านคน หากไม่คัดกรอง แล้วติดหนึ่งในสาม ก็เป็นจำนวนหลายพัน หลายหมื่น และหลายแสนผลกระทบที่จะเกิดขึ้นตามมา ทั้งในเรื่องการแพร่เชื้อต่อชุมชน
 
ทั้งในเรื่องโอกาสป่วยและเข้ารับบริการดูแลในโรงพยาบาล ภาระต่อระบบสาธารณสุขและบุคลากรทางการแพทย์ และที่สำคัญคือ โดมิโน่ต่อนิเวศการท่องเที่ยว โดยเฉพาะอย่างยิ่งโอกาสติดเชื้อแพร่เชื้อในหมู่นักท่องเที่ยว การขนส่งสาธารณะ และพนักงานบริการในแวดวงธุรกิจหรือกิจการห้างร้านต่างๆ รวมถึงร้านอาหาร ผับบาร์ สถานบันเทิง
  
การคัดกรองโรคจึงสำคัญมากในภาวะเช่นนี้
ควบคู่ไปกับการเน้นย้ำให้นักท่องเที่ยวทุกคนใส่หน้ากาก
ควบคู่ไปกับการเน้นย้ำประชาชนในสังคมให้ตระหนักถึงสถานการณ์และป้องกันตัวสม่ำเสมอ
  
ควบคู่ไปกับกิจการทุกประเภทควรใส่ใจสุขภาพ อบรมพนักงานให้มีความรู้และจริงจังเข้มงวดกับการป้องกันตัว ปรับสถานที่ให้ระบายอากาศให้ดีขึ้นเพื่อรับกับจำนวนคนที่เดินทางเข้ามาในประเทศมากขึ้น และทำความสะอาดจุดเสี่ยงสม่ำเสมอ

 …การใส่หน้ากากอย่างถูกต้องสม่ำเสมอเป็นหัวใจสำคัญ…
 
จะเกิดความเท่าเทียมได้ก็ต่อเมื่อเกิดความเป็นธรรมเสียก่อน ในภาวะนี้ คำถามที่ต้องตอกกลับไปก็คือ ความเป็นธรรมต่อประชาชนในสังคมมีหรือไม่ เพราะอ้างความเท่าเทียม แต่สังเวยทุกคนให้แบกรับความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นต่อสวัสดิภาพและความปลอดภัยในชีวิต คอนเซ็ปเท่าเทียมนั้น…ฟังไม่ขึ้น
  
https://www.facebook.com/thiraw/posts/pfbid02ua1C79Je5hWn2BxomK9Jh8LFJ65Gc6ZVoBPqGSwrwVhZGFjVD5bc1HLN866oMhqRl



สหภาพรถไฟ จี้สอบปมโปร่งใส เปลี่ยนป้ายสถานีกลางบางซื่อ งบกว่า 33 ล้าน
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7443287

ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจรถไฟแห่งประเทศไทย ยื่นหนังสือ จี้สอบประมูลจ้างเปลี่ยนป้ายสถานีกลางบางซื่อ ด้วยวิธีเฉพาะเจาะจง งบ 33 ล้าน โปร่งใสหรือไม่
 
วันที่ 3 ม.ค.2566 นายสราวุธ สราญวงศ์ ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจรถไฟแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า วันนี้ได้เดินทางไปยื่นหนังสือถึง นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย ให้ขอให้ตรวจสอบกระบวนการว่าจ้างเอกชนเปลี่ยนป้ายชื่อ “สถานีกลางบางซื่อ” เป็น “สถานีกลาง กรุงเทพอภิวัฒน์” และตราสัญลักษณ์ของการรถไฟแห่งประเทศไทย โดยวิธีเฉพาะเจาะจง ซึ่งมีนายสุชีพ สุขสว่าง รองผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทยมารับหนังสือแทน
 
โดยเนื้อหาในหนังสือระบุว่า จากกรณีที่การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.)ได้มีประกาศรายชื่อผู้ชนะการเสนอราคาจ้างก่อโครงการปรับปรุงป้ายชื่อสถานีกลางบางซื่อ เป็นสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ และตราสัญลักษณ์ของการรถไฟแห่งประเทศไทย โดยวิธีเฉพาะเจาะจง โดยที่ผู้ที่ได้รับการคัดเลือก ได้แก่บริษัท ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) โดยเสนอราคาเป็นเงินทั้งสิ้น 33,169,726.39 บาท ซึ่งเป็นเรื่องที่สาธารณชนให้ความสนใจอยู่ในขณะนี้
 
สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจรถไฟแห่งประเทศไทย (สร.รฟท.)จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ 2543 มีวัตถุประสงค์ตามมาตรา 40 (4) ดำเนินการและให้ความร่วมมือเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและรักษาผลประโยชน์ของรัฐวิสาหกิจ ซึ่ง สร.รฟท. เห็นด้วยอย่างยิ่งกับการเปลี่ยนป้ายชื่อสถานีกลางบางซื่อ ให้เป็นไปตามชื่อที่ได้รับพระราชทานเป็น “สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์” และการติดตราสัญลักษณ์ของการรถไฟแห่งประเทศไทย
 
แต่เห็นว่าเรื่องดังกล่าวไม่ใช่เหตุของความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการโดยใช้วิธีการว่าจ้างเอกชนด้วยวิธีเฉพาะเจาะจง ซึ่งจะทำให้การรถไฟฯสูญเสียงบประมาณในการว่าจ้างการปรับปรุงป้ายชื่อ ที่มีมูลค่าสูงเกินกว่าปกติ ซึ่งหากดำเนินการให้เป็นไปตามขั้นตอนของพระราชบัญญัติจัดซื้อจัดจ้างและบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 โดยวิธีการประกาศเชิญชวน หรือวิธีการคัดเลือกก่อน จะทำให้การใช้งบประมาณของการรถไฟฯเป็นไปอย่างเหมาะสม ได้งานที่มีคุณภาพมากที่สุด มีกระบวนการตรวจสอบตามหลักธรรมาภิบาล มีความโปร่งใส และเป็นที่ยอมรับต่อสาธารณชน
 
ดังนั้น สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจรถไฟแห่งประเทศไทย (สร.รฟท.) ขอให้ผู้ว่าการรถไฟฯดำเนินการตรวจสอบกระบวนการขั้นตอนในการว่าจ้าง เสนอราคาก่อสร้างโครงการปรับปรุงป้ายชื่อ “สถานีกลางบางซื่อ” เป็น “สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์” และตราสัญลักษณ์ของการรถไฟแห่งประเทศไทย โดยวิธีเฉพาะเจาะจงโดยเร่งด่วน เพื่อให้เป็นไปตามหลักธรรมมาภิบาล เกิดความโปร่งใส และรักษาผลประโยชน์ของชาติ และการรถไฟแห่งประเทศไทยต่อไป
 

 
พริษฐ์ โต้ "พรเพชร" มาตรา 272 ยัน ส.ว.ไม่ควรเลือกนายกฯ แนะ พิสูจน์ตัวเอง
https://www.thairath.co.th/news/politic/2593405

"ไอติม" พริษฐ์ อัด "พรเพชร" ส.ว.ไม่ควรเลือกนายกฯ ตามความเชื่อส่วนตัว แนะ พิสูจน์ตัวเอง โหวตนายกฯ ตามเสียงประชาชน แนะ 2 เรื่อง เห็นชอบ แก้ รธน.ตามที่เพื่อไทยเสนอ-ประกาศ หนุน นายกฯ ที่ได้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของสภา ไม่ว่าจะเป็นใคร 
 
วันที่ 3 ม.ค. นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ผู้จัดการการสื่อสารและการรณรงค์นโยบาย พรรคก้าวไกล กล่าวถึงท่าทีของสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ที่แสดงออกผ่าน นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ที่ให้สัมภาษณ์ระบุว่าไม่มีความจำเป็นต้องรีบ “ปิดสวิตช์ ส.ว.” และการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีของ ส.ว. ในการเลือกตั้งครั้งหน้า จะเป็นไปตาม “ดุลยพินิจของสมาชิก
 
นายพริษฐ์ ระบุว่า การให้สัมภาษณ์ของประธานวุฒิสภาดังกล่าวนั้น แสดงให้เห็นถึงการละเว้นไม่พูดถึงสาระสำคัญของปัญหา เพราะแม้ ส.ว. จะเหลือวาระอีกไม่นาน แต่ระยะเวลาที่เหลือนั้น คาบเกี่ยวกับการเลือกตั้งในปี 2566 ทำให้ ส.ว. ยังคงสามารถแทรกแซงกระบวนการเลือกนายกรัฐมนตรี และการจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง ซึ่งอาจส่งผลไปอีก 4 ปี ตามวาระรัฐบาลใหม่ ซึ่ง ส.ว. ไม่ควรเลือกนายกรัฐมนตรีตามความเชื่อของตนเอง แต่ควรเลือกจากบุคคลที่ได้รับการสนับสนุนจากเสียงส่วนใหญ่ของ ส.ส. ที่มาจากการเลือกตั้ง หากต้องการให้ประเทศเป็นประชาธิปไตยที่เคารพเสียงของประชาชนที่แสดงออกผ่านบัตรเลือกตั้งจริงๆ

นายพริษฐ์ ยังกล่าวต่อไปว่า หาก ส.ว.อยากเห็นประเทศเดินหน้าตามวิถีประชาธิปไตย ที่เคารพ 1 สิทธิ 1 เสียงของประชาชนในการเลือกตั้ง ส.ว. ควรจะต้องทำ 2 เรื่องในอนาคตอันใกล้นี้ ประกอบด้วย 1) ลงมติเห็นชอบการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่พรรคเพื่อไทยได้ยื่นต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร ไปเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2565 เพื่อยกเลิกมาตรา 272 และปิดสวิตช์ตนเองก่อนการเลือกตั้ง และ 2) ออกมายืนยันกับประชาชนก่อนการเลือกตั้ง หากพิจารณาการแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ทัน ว่า ส.ว. พร้อมจะลงมติสนับสนุนนายกรัฐมนตรีที่ได้รับเสียงสนับสนุนจาก ส.ส. เกินกึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎร ไม่ว่าจะเป็นใคร หรือมาจากพรรคไหน และจะไม่เข้ามาแทรกแซงกระบวนการจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง ไม่อนุญาตให้บุคคลหรือพรรคใดเอาเสียงของ ส.ว. ไปต่อรองในกระบวนการจัดตั้งรัฐบาล
 
นายพริษฐ์ กล่าวว่า หาก ส.ว. ไม่ประสงค์จะใช้อำนาจในทางที่ไปขัดผลการเลือกตั้งอย่างที่เคยได้อ้างไว้จริง ก็ยิ่งไม่มีเหตุผลที่จะไม่สนับสนุนการตัดอำนาจตนเองในการเลือกนายกรัฐมนตรี และควรต้องออกมาให้คำมั่นต่อประชาชนในทางสาธารณะโดยพร้อมเพรียงกันด้วย
 
ถ้าท่านดำเนินการตาม 2 ข้อนี้ได้ ท่านจะพิสูจน์ให้ประชาชนเห็น ว่าแม้ที่มาของท่านเป็นสิ่งที่ขัดกับหลักประชาธิปไตยขั้นพื้นฐาน แต่ ณ วันนี้ ท่านได้พยายามแล้ว ในการทำให้ประเทศเดินหน้าตามหลักประชาธิปไตย ที่ประชาชนทุกคนมี 1 สิทธิ 1 เสียงเท่าเทียมกันในการกำหนดอนาคตประเทศ เริ่มต้นจากการเลือกตั้ง 2566 ที่กำลังจะมาถึง” นายพริษฐ์ กล่าว...
 


ชัชชาติ เตรียมเปลี่ยนหลอดไฟใหม่ 2.5 หมื่นดวง
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_476052/

ชัชชาติ เตรียมเปลี่ยนหลอดไฟใหม่ 2.5 หมื่นดวง สร้างแสงว่างทั่วกรุง แย้ม วันเด็กพร้อมเปิดห้องทำงานหากน้องๆอยากลองนั่งเก้าอี้ผู้ว่า
   
วันนี้ (3 ม.ค.65) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แถลงผลการประชุมคณะผู้บริหารกรุงเทพหมานคร ครั้งที่ 1/2566 ณ ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกทม. 1 ว่าในการประชุมวันนี้ มีการรายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาไฟฟ้าดับในพื้นที่ทั่วกทม. ซึ่งมีความจำเป็นต้องเร่งเปลี่ยนหลอดไฟจากแบบเดิมให้เป็นรูปแบบ LED โดยจะเปลี่ยนทั้งหมด 25,000 ดวงโดยหลอดไฟใน กทม. ที่กทม.ดูแลอยู่ตอนนี้มีทั้งสิ้น 4 แสนดวง ตอนนี้มีการชำรุดกว่า 1 หมื่นดวง โดยสำนักการโยธาจะเป็นผู้ดูแล ทั้งนี้ การเปลี่ยนหลอดไฟในครั้งนี้ก็เพื่อซ่อมแซมไฟเดิมที่เสื่อมสภาพ ส่งผลให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนในการใช้รถใช้ถนน ซึ่งหากดำเนินการแล้วเสร็จจะช่วยสร้างความปลอดภัยให้กับประชาชนเพิ่มขึ้น
 
นายชัชชาติ ยังได้กล่าวถึงกรณีที่มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งโพสต์ร้องเรียนเรื่องเรือโดยสารไฟฟ้า คลองผดุงกรุงเกษม จอดนิ่งไม่ได้ให้บริการมานานกว่า 3 เดือน ว่า ที่ผ่านมาต้องดูเรื่องตัวเลขค่าใช้จ่ายเดินเรือซึ่งมีค่าใช้จ่ายเดือนละ 2,400,000 บาท โดยแต่ละเดือนมีผู้ใช้เฉลี่ยต่อเดือนกว่าละ 14,000 คน โดยต้นทุนค่าเดินเรือ คิดราคาเป็นจำนวน 170 บาทต่อคนต่อเที่ยว ซึ่งในส่วนนี้ทางกรุงเทพมหานคร จำเป็นที่จะต้องดูในเรื่องของความคุ้มทุน เนื่องจากเป็นภาษีของประชาชน ซึ่งในขณะนี้กรุงเทพมหานครกำลังอยู่ระหว่างปรึกษาหารือ แนวทางการดำเนินการเดินเรือในคลองผดุงฯให้เกิดความคุ้นคุ้มมากที่สุด จึงทำให้ต้องหยุดให้บริการเป็นการชั่วคราว
 
ส่วนเรื่องงานวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2566 นี้ นายชัชชาติ กล่าวว่า งานจะจัดขึ้นในช่วงวันที่ 6-22 ม.ค. 66 โดยจัดที่ห้องสมุดการเรียนรู้ 34 แห่ง และในพิพิธภัณฑ์เด็กทั้ง 2 แห่ง ศูนย์เยาวชนฯ 34 แห่งและหอสมุดเมืองกรุงเทพมหานคร 1 แห่งโดยแต่ละพื้นที่ก็จะกำหนดวันจัดกิจกรรมให้สอดคล้องกับชุมชน
โดยปีนี้ทางกรุงเทพมหานคร จะเน้นกิจกรรมที่ส่งเสริมพัฒนาการของเด็กและเยาวชนรวมถึงปลูกฝังสร้างเสริมนิสัยรักการอ่านเพื่อให้เกิดกระบวนการเรียนรู้ นำไปพัฒนาตนเอง โดยไฮไลต์ของงานวันเด็กที่จะจัดในวันที่ 14 ม.ค. 66 นี้ ประกอบด้วยกิจกรรม Play it Forward ณ พี่พิพิธภัณฑ์เด็กกรุงเทพมหานครแห่งที่ 1 (จตุจักร) ภายใต้แนวคิดการอยู่ร่วมกันในยุคปัจจุบันโดยไม่รบกวนธรรมชาติผ่านการเล่น การประดิษฐ์ กิจกรรมต่างๆ และการปลูกต้นไม้ เพื่อส่งต่อโลกของเราให้คนรุ่นต่อๆไปในอนาคต / Tomorrow Land ดินแดนแห่งโลกอนาคต ณ พิพิธภัณฑ์เด็กกรุงเทพมหานครแห่งที่ 2 (ทุ่งครู) จัดขึ้นภายใต้แนวคิดการพัฒนาทักษะ องความรู้ด้านวิทยาศาสตร์เพื่อเข้าสู่โลกศตวรรษใหม่ และ Mystery Library ห้องสมุดอลม่าน ณ หอสมุดเมืองกรุงเทพมหานคร เขตพระนคร ภายใต้แนวคิด การสังเกตสิ่งรอบตัว การคิดวิเคราะห์ การสร้างแรงบันดาลใจในการเรียนรู้จากการจดจำ บันทึก และการอ่าน
 
นายชัชชาติ กล่าวทิ้งท้ายว่า ถ้าหากมีเด็กๆสนใจที่จะเข้าเยี่ยมชมห้องทำงานของตน ก็ยินดีที่จะเปิดให้เข้ามาเยี่ยมชมและนั่งเก้าอี้ผู้ว่าฯ ได้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่