เราตัดสินใจถูกมั้ยถ้าจะเลือกผู้ชายไลฟ์สไตล์ต่างกันมาเป็นแฟน

สวัสดีค่ะ เราอายุ 28 สถานะเป็นมนุษย์เงินเดือนที่พึ่งเรียนจบปริญญาโทจากอังกฤษมาประมาณเกือบปี กำลังทำงานอยู่ที่บริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ตอนนี้เรารู้สึกว่าตัวเองกำลังใกล้เลข 3 เต็มแก่และเพื่อนๆเริ่มทยอยแต่งงานกันแล้วเราเลยค่อนข้างหวั่นใจกับสถานะสาวโสดของตัวเอง เล่าให้ฟังก่อนว่าไลฟ์สไตล์เราเป็นคนติดบ้านค่ะ เรายังอยู่บ้านของพ่อกับแม่อยู่และมีอาม่าอยู่ด้วยค่ะเพราะอาม่าพึ่งออกจากโรงพยาบาล เราไม่มีสินทรัพย์เป็นของตัวเองนอกจากเงินฝากกับหุ้นนิดหน่อย เพราะบ้านที่อยู่เป็นของพ่อแม่และรถของเราก็เป็นของแม่ค่ะ เพราะงั้นทำให้เราใช้ชีวิตค่อนข้างน่าเบื่อนิดนึง ต่างจากก่อนไปเรียนต่อเราเป็นผู้หญิงเที่ยวกลางคืนหนักมากกกก แบบว่าค่ำไหนนอนนั่น แล้วก็ติดเพื่อนมากกกกค่ะ จนกระทั่งอาม่ามาอยู่ด้วย+โตขึ้น เราเลยกลายเป็นคนติดบ้านประมาณหนึ่ง ชีวิตประจำวันเราจะตื่นเช้ามาช่วยอาม่าเตรียมของใส่บาตรแล้วก็ไปออกกำลังกายที่ฟิตเนสค่ะ ส่วนวันเสาร์อาทิตย์ถ้าไม่ได้มีนัดทานข้าวกับเพื่อนหรือ workshop เรียนทำขนม (เราอยากทำเป็นค่ะเราชอบทาน) บ้างเราจะออกไปออกกำลังกายที่ต้องเข้าคลาสเช่นพิลาทิส หรือคลาสเต้น ซึ่ง ณ ตอนนี้มีผู้ชายที่มาจีบเราทั้งหมดสามคนค่ะ

คนแรกเป็นเพื่อนสมัยเรียนปริญญาตรี อยู่คณะเดียวกันค่ะ ที่บ้านเขาค่อนข้างมีฐานะดีมาก แล้วก็รู้จักกันมาแล้วหลายปี แต่ปัญหาก็คือเพื่อนเราคนนี้เขาไม่ได้ทำงานค่ะ ไม่ทำงานที่หมายถึงไม่ทำงานจริงๆและไม่ได้เรียนต่อปริญญาโทหรือใดใดด้วย ก่อนหน้าที่จะไปเรียนปริญญาโทวันที่เขาไปส่งเรา (ตอนนั้นยังไม่ได้จีบกันนะคะ) เขาเคยรับปากเราว่ากลับมาเขาจะทำงานแต่พอเรากลับมาเขาก็ยังไม่ทำงานค่ะ แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าทำไมที่บ้านเขาถึงยอม ไม่แน่ใจว่าเขามีแผนจะทำงานของที่บ้านหลังจากนี้มั้ยแต่ ณ ปัจจุบันเหมือนจะไม่ค่ะ ซึ่งเราก็เคยคุยกับเพื่อนๆในกลุ่มถึงเรื่องนี้ว่าที่บ้านเขายอมรึเปล่าแต่เขาก็เป็นลูกชายคนเดียวอะค่ะ ที่บ้านเขาก็ไม่ได้ว่าอะไรเขาเลยอยู่บ้านเฉยๆไปเรื่อย  (เขาบอกว่าเราว่าเขาเล่นหุ้นค่ะ เงินทุนคือที่บ้านให้ แต่เท่าที่ดูในช่วงนี้ตลาดหุ้นมันก็ไม่ได้สวยเลยค่ะ เขาเองก็เล่นแบบนานๆเล่นทีไม่ได้ใช้ effort ในการศึกษาเท่าไหร่ เรามองว่าเขาเล่นแบบ Speculator อะค่ะไม่ใช่ Investor ซึ่งเรามองว่าแบบนี้ไม่ใช่การทำงานค่ะ) เราชอบนิสัยเขานะคะ รู้สึกอยู่ด้วยแล้วเป็นตัวเองเพราะเป็นเพื่อนกันมาก่อนรู้จักกันเกือบทุกอย่าง แต่ที่เราไม่ชอบคือเราไม่ชอบผู้ชายไม่ทำงานค่ะ เราไม่รู้ว่าถ้าแต่งงานและมีลูกกันไปเขาจะสอนลูกเราได้ยังไงถ้าพ่อเป็นแบบนี้อะค่ะ

คนที่สองเป็นเพื่อนของเพื่อนสมัยประถมค่ะ เราเคยนัดเจอกับเพื่อนสมัยประถมและเขาพาเพื่อนมาด้วยซึ่งก็คือผู้ชายคนนี้ เขามีอาชีพเป็นข้าราชการค่ะ เงินเดือนน้อยกว่าเราเป็นหลักเท่า แต่เขานิสัยดีมากกกค่ะ เขาค่อนข้างเอาใจเราแล้วก็ปากหวานแล้วก็เป็นคนที่มีวินัยในตัวเองเป็นอย่างมาก ทั้งยังเป็นคนประหยัดอดออมด้วย แต่เราคิดว่าเขาไม่ได้รู้จักเราเท่าไหร่เพราะเขาก็รู้จักเราผ่านเพื่อนอีกทีแต่ยังไงก็ตามในนิสัยที่ผิวเผินเราก็ชอบในความตื่นเช้าเหมือนกัน แล้วก็ธรรมะธรรมโมของเขา บางทีไปเดทกันเขาชอบพาเราไปวัดค่ะเพราะเขารู้ว่าเราชอบโดยเฉพาะวัดที่คนน้อยๆ (เราไม่ชอบที่ที่คนเยอะค่ะ) แล้วเขาก็ยังเป็นคนสุภาพแล้วก็ใจเย็นมากๆๆด้วย แต่ประเด็นคือเราค่อนข้างโตกันมาอย่างต่างกันอะค่ะ เขาเป็นคนต่างจังหวัดค่ะแต่เราเป็นคนกรุงเทพ แล้วเขาก็เป็นเสาหลักของบ้านเป็นพี่ชายคนโตที่มีน้องสาวแล้วก็แม่กับยายที่อยู่บ้านที่ต่างจังหวัด ทำให้เขาก็เหมือนต้องคอยดูแลน้องๆและครอบครัว และเป็นคนที่ต้องส่งเงินให้ที่บ้านน่ะค่ะ แล้วก็ยังต้องส่งน้องเรียนด้วย (ตอนนี้น้องอยู่ม.3ค่ะ เราเคยเจอ เรามองว่าเป็นเด็กที่ไม่ค่อยเอาอ่าวเท่าไหร่ มองดูแล้วก็รู้ว่าน่าจะมีปัญหาในอนาคตแน่) ซึ่งเราไม่แน่ใจว่าถ้าอนาคตเราแต่งงานกับเขา เขายังจะต้องแบ่งเงินไปจุนเจือกับครอบครัวอยู่หรือเปล่า

ส่วนคนสุดท้ายเป็นคนที่เราชอบที่สุดค่ะเป็นรุ่นพี่ที่ทำงาน เขาเป็นหัวหน้าฝ่ายที่ไม่ใช่ฝ่ายของเราค่ะ แต่จบปริญญาโทมาจากอังกฤษเหมือนกันแล้วก็จบมหาลัยเดียวกับเราตอนปริญญาตรีด้วย แต่คนละคณะ เขาค่อนข้างเป็นผู้ใหญ่ค่ะอายุ 35 ที่บ้านมีฐานะดีมาก เขาเป็นพี่ชายคนโต แล้วก็เป็นคนที่นอกจากจะทำงานประจำแล้วก็ยังทำธุรกิจเล็กๆของตัวเองด้วย(เรื่องรายได้เราไม่ทราบค่ะเราไม่กล้าถาม) ฟังดูเหมือนจะดีใช่มั้ยคะแต่ประเด็นคือพี่คนนี้เขาเป็นคนเที่ยวกลางคืน (แบบเราเมื่อก่อน) ค่ะ ซึ่งเราอ่ะ พอเราเลิกเที่ยวแล้วเราไม่ชอบผู้ชายเที่ยวกลางคืนค่ะ เราไม่ชอบคนกินเหล้าสูบบุหรี่ซึ่งพี่เขาทำหมดแล้วทำบ่อยมากกกกด้วยแบบแทบจะทุกวัน ยิ่งถ้าช่วงไหนงานน้อยคือทุกวันค่ะ แต่เรื่องอื่นเขาก็โอเคนะคะ เขาจีบเราแบบที่เราชอบ ไม่ได้ดูปากหวานเกินไปแต่ก็ไม่ได้ดูถ่อยเกินไป ไม่ได้ยัดเยียดที่จะเปย์เราและมองว่าเราเป็นผู้หญิงหิวเงิน (เพราะเราไม่ได้หิวค่ะเราอิ่มแล้ว) คือเขาชอบเปย์ค่ะแต่เราก็ชอบจ่ายเหมือนกัน เลยผลัดกันจ่าย (ซึ่งเขาจ่ายมากกว่า) ทัศนคติและความเป็นมาของชีวิตค่อนข้างคล้ายกันแต่ติดอย่างเดียวก็คือเรื่องที่เขายังเที่ยวและติดเพื่อนอยู่อะค่ะ หลายๆครั้งเขาก็พอเราไปด้วยซึ่งเราเองก็สามารถเข้าได้กับเพื่อนเขานะคะ พอดีเราเองเป็นผู้หญิงคอแข็งแล้วก็เป็นคนเฮฮาประมาณหนึ่ง ทำให้เพื่อนๆเขาก็โอเคกับเราหลายๆครั้งพี่เขาก็จะมาชวนเราไปด้วยเพราะบอกว่าเพื่อนเขาอยากเจอเรา แล้วเขาก็บอกว่าเขาอยากใช้เวลากับเราซึ่งเราก็เห็นอยู่เพราะหลายทีที่เข้าพยายามหาเวลาไปออกกำลังกายกับเราวันเสาร์อาทิตย์หรือไม่ก็ชวนกันไปปีนเขาเพราะเขารู้ว่าเราชอบ (เรารู้ว่าเขาเองก็ไม่ได้จอยเท่าไหร่) เราเองเลยอยากแสดงให้เขาเห็นถึงความพยายามที่เรามีบ้างอะค่ะ แต่จะให้เราไปเที่ยวกับเขาบ่อยๆเราเองก็ไปไม่ไหวค่ะ แต่ประเด็นคือเราไม่อยากดื่มแล้วอะค่ะ เราว่ามันเสียสุขภาพ แล้วเวลาเรากลับบ้านดึกๆแม่กับอาม่าเราเขาก็เป็นห่วงเราด้วยค่ะ พอเราบอกพี่เขาพี่เขาก็เข้าใจนะคะ แล้วเราก็มีแยบๆไปด้วยว่าเราเองก็ไม่อยากให้เขาดื่มแต่เขาก็ย้อนถามกลับมาว่าดื่มแล้วผิดอะไรซึ่งเราก็สตั๊นไปเหมือนกันเพราะตอบไม่ได้ เพราะถ้าจะว่าว่าเสียสุขภาพเขาก็ไม่ได้กินเอาจริงเอาจังขนาดนั้นหรือถ้าจะบอกว่าเปลืองเงินเขาก็มีเงินเหลือมากพอที่ต่อจะให้ดื่มทุกวันเขาก็ไม่ได้เดือดร้อนอะค่ะ 

คำถามก็คือ จริงๆแล้วเราควรเลือกพี่เขาตามที่ใจเราบอกถูกมั้ยคะ (อันนี้แนะนำมาได้เลยค่ะ เราไม่ใช่ผู้หญิงที่ใช้แค่ความรู้สึกในการตัดสินใจที่จะมีความรัก เราคิดหลายเรื่องค่ะ เรามองว่าชีวิตคู่มันคือส่วนเสริมของชีวิตค่ะไม่ใช่ส่วนหลัก เพราะงั้นเราจะใช้สมองในการตัดสินใจค่อนข้างมาก) แล้วถ้าเราเลือกเขาแล้วในอนาคตจะมีปัญหากันมั้ยอะคะ
คำถามถัดมาคือแล้วพอจะมีวิธีไหนที่ถ้าเราตัดสินใจคบกันจริงๆแล้วพี่เขาพอจะเปลี่ยนได้มั้ย เพราะถ้าจะให้เราเปลี่ยนเราก็ไม่อยากเปลี่ยนอะค่ะ เราเที่ยวมาเยอะแล้วตอนเป็นวัยรุ่นตอนนี้เราแก่แล้วค่ะ เราไม่ชอบตัวเองตอนไปเที่ยวกลางคืนเท่าไหร่ เราว่าเราโตเกินที่จะเสพความสุขจากแสงสีแล้วอะค่ะ เอาจริงๆแค่ได้อยู่บ้านแล้วเห็นอาม่ากินข้าวที่แม่ทำจนหมดเราก็มีความสุขโคตๆแล้วค่ะ
ปล แนะนำยังไงก็ได้แต่อย่าบอกให้เททุกคนแล้วเลือกรอคนอื่นนะคะ เพราะเราไม่รู้ว่าต่อจากนี้ทั้งชาติเราจะมีผู้ชายมาจีบอีกมั้ยงะ แงแง ผู้ชายมันหายากนะคะสมัยนี้ ยิ่งผู้ชายที่ตรงสิ่งที่เราคาดหวังไว้สำหรับเรามันยิ่งยากค่ะ เราไม่ได้เป็นคนสวยมากค่ะเรารู้ตัวดี แค่พอไปวัดไปวา แล้วเราก็อายุเยอะมากแล้ว เพื่อนๆทยอยแต่งงานกันแล้ว ยิ่งปีที่ผ่านมาเราไปงานแต่งมาเกิน 5 ครั้งแล้วค่ะ

อีกปลนะคะ เรามักโดนเพื่อนด่าว่าเลือกเยอะค่ะ แล้วก็โดนแขวะว่าเลือกเยอะมักได้แร่555 กลัวได้แร่ค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 2
ถ้าห้ามบอกให้เททุกคนแล้วละก็...

งั้นผมขอถามกลับว่า คุณจะเอาแฟนมาเพื่ออะไรครับ?

เพราะหากว่าเอามาแล้ว ไม่มีความสุข หรือ อยู่ไปแล้วจะมีปัญหาและอาจจะได้เลิกกันแน่...

คำถามคือ แล้วจะเอามาทำไมครับ?

จริงๆแล้ว ไม่มีคู่ไหนสมบูรณ์แบบกันได้หรอกครับ แต่มันต้องไม่มีคำว่า "แต่" ครับ
ความคิดเห็นที่ 3
ใจสลาย คนที่สอง ตัดทิ้งเลย คุณไม่ชอบน้องเขา ซึ่งเพิ่งอยู่ ม 3 เขาจะต้องเลี้ยงกันอีกยาว กว่าจะส่งเรียนจนจบ
มีปัญหาขัดแย้งตามมาเยอะแน่ๆ และต่อให้แต่งงาน มีลูก เขาก็ยังต้องส่งเงินให้ที่บ้านค่ะ

เผลอๆ ถ้าน้องไม่มีความรับผิดชอบ เรียนจบ ไม่ทำงาน
เขาก็ยังต้องเลี้ยงดูยาวไป … (พอจะเห็นภาพของปัญหาไหมคะ ?)

ใจสลาย คนที่สาม คนลักษณะนิสัยแบบนี้ ควรเป็นตัวเลือกแรกที่คัดทิ้งค่ะ  (แต่คุณชอบเขาไง เราเลยเอามาเขียนไว้ย่อหน้านี้)
เขาอายุมากแล้ว แต่ไม่มีพฤติกรรมที่เหมาะกับความเป็นหัวหน้าครอบครัวสักนิด

คนชอบเที่ยว จะเปลี่ยนได้ ก็ต่อเมื่อเบื่อ หรือ เห็นการเที่ยวไม่มีสาระ หรือ มีสิ่งที่ดีกว่า น่าสนใจกว่าให้ทำ
อย่าแต่งงานกับคนที่คุณคาดหวัง ว่าเขาจะเปลี่ยนนิสัย ในอนาคตค่ะ __จะมีความผิดหวังรออยู่แน่นอน__

ในเมื่อห้ามตอบว่าไม่เลือกเลยทั้งสามคน
จึงจำต้องยอม กัดฟัน กล้อมแกล้ม เลือกคนที่ 1 มาแบบฝืนๆค่ะ เพี้ยนขำหนักมาก

เพราะสนิทกันมา รู้จักกันมา
ข้อเสียเดียว คือ เขา ทำตัวไร้คุณค่า ไม่ทำงานทำการ ไม่พัฒนาตัวเอง
ตรงนี้ จะว่าแก้ง่าย ก็ง่ายอยู่  

เขาอาจจะโตช้า ยังไม่มีความเป็นผู้ใหญ่ ทางบ้านก็ตามใจ และไม่เคยมีเรื่องทุกข์ร้อนให้ต้องกดดันตัวเอง
ถ้าเขารักคุณจริงๆ รักมากกว่าความขี้เกียจของตัวเอง เขาจะยอมหางานทำ และถ้าจังหวะเหมาะ เจองานที่ถูกใจ
เขาจะโตเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว ถึงตอนนั้น ค่อยพร้อมมีครอบครัวค่ะ
แต่งงาน
ความคิดเห็นที่ 4
ใน 3 คนนี้คนที่ 1 ดีสุดครับไม่ได้บอกว่าคุณหิวเงินนะครับ สิ่งสำคัญคือคนที่ 1 รวยแล้วฉลาดด้วยไหมครับ ถ้าโง่นี้รวยไปเดี๋ยวก็หมดครับ เนื่องจากผมก็มีเพื่อนรวย คนรวยอะครับไม่ต้องทำงานก็มีกินทั้งชีวิตแล้วครับ ถ้ารู้จักที่จะใช้เงิน

แต่ว่าคนที่ 3 นี้แย่สุดเพราะว่าอายุเยอะแล้วถ้าเที่ยวทุกวันสุขภาพตอนหลังจะแย่มากๆ คุณเองยังไม่เคยเห็นจุดจบสายเที่ยวเวลาป่วยจะไปเร็วมาก รุ่นพี่ผมก็ทรงนี้แต่กินจนหมอถามว่าจะเลิกหรือจะตาย คนเราบางทีสุดไปมันก็ไม่ดีครับ คือถ้าเที่ยวแบบนานๆครั้งก็ยังบอกว่า แต่ถ้าเที่ยวหนักๆเลยระยะยาวมีปัญหาแน่ๆ

คน 2 กลางๆคบไปน่าจะมีปัญหาเรื่องการเงินบางที่อาจจะต้องไปช่วยบ้านเค้า

อันนี้ตอบเล่นๆนะครับ ถ้าใจจริงจะบอกว่าในโลกไม่ได้มีผู้ชายแค่ 3 คน คุณทำงานไปเรื่อยๆใช่ไหมครับเดี๋ยวก็มีคนมีจีบเพิ่ม แบบให้เพื่อนช่วยแนะนำก็ได้นะครับ ถ้ามันแย่ทั้ง 3 คนอยู่คนเดียวไปเลยอาจจะดีกว่านครับ
ความคิดเห็นที่ 5
เทได้หมดทั้งสามตัวเลือก หาใหม่
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่