ประสบการณ์ความรักที่เลวร้ายมากในชีวิตของคนๆนึง

สวัสดีครับทุกคน
พอดีวันนี้ความรู้สึกของเราค่อยข้างที่จะไม่ไหวแล้วเลยอยากมาเล่านิทาน(ความจริง) ให้เพื่อนๆได้ฟังกัน

เริ่มเลยนะครับ

พอดีเรามีแฟนเก่าคนนึงเราคบกันมาได้ 4ปี เป็นความสัมพันธ์ที่เราดูแลเขาด้วยความเต็มใจ
เพราะเขามีปัญหาด้านสุขภาพ พวกเราทำธุรกิจส่วนตัวด้วยกัน ซึ่งก่อนที่เขาจะป่วยจิตจนทำงานไม่ได้
เราได้บริหารธุกิจล้มเหลวจนสร้างหนี้ด้วยกัน 1,000,000 บาท ตัวเราไม่ได้สนใจกับเงินก้อนนี้
เพราะเราทำมันขึ้นมาด้วยกัน เราตัดสินใจให้แฟนเราอยู่บ้านเฉยๆ เพื่อทำงานบ้านตอบแทน
แล้วให้เงินเป็นรายวัน เพื่อไม่ให้เขาออกจากบ้านเป็นเวลา 2ปี  

ซึ่งเวลา2ปีนี้ตัวเราเองละเลยหน้าที่การเป็นแฟน ที่ควรพาเขาออกไปเที่ยวไปนอกบ้าน
แต่ตัวเราที่ไม่ได้พาออกไปเพราะเราทำงานทุกวัน วันหยุดแทบจะไม่มี
นอกจากอยากปาร์ตี้กับเพื่อนก็จะหยุดงาน และมีเขามานั่งแฮงค์เอ้าท์อยู่ด้วย
ซึ่งการให้เขาอยู่บ้าน ทำให้เรารู้ว่าเราคิดผิดอย่างมาก เพราะมันทำให้ความรักของเราพังลง

เริ่มจากเรากลับมาจากทำงานนอกบ้าน แต่กลับพบว่างานบ้านที่เป็นหน้าที่เขา เขากลับไม่ทำ
เวลาเราเหนื่อย กลับมาเล่าให้เขาฟัง เขากลับบอกว่า เราเอาความเครียดมาลงที่เขา
ทำให้เขาทำร้ายตัวเอง จนเขาโรงพยาบาลจิตเวช 2 ครั้งในปีเดียวกัน
เราทุกข์มาก เพราะเราไม่เคยห่างกันเลย และทุกครั้งที่เขาเข้า รพ รักษาเป็นเวลาตั้ง1เดือน
เราไปเยี่ยมที่ รพ ก็เยี่ยมไม่ได้ มันทำให้เราใจแทบขาด ร้องไห้กับเพื่อนหลายครั้ง
แต่เราก็ผ่านมันมาได้ เราเป็นแบบนี้มาเรื่อยๆจนสุดท้ายเขาบอกเลิกเรา

ให้เหตุผลว่าไม่ได้รักเราแล้ว เราตกใจร้องไห้ทำอะไรไม่ถูก
เพราะถ้าเลิกกัน ทุกอย่างที่เราทำมาจะเป็น 0 ทั้งหมด
ทั้งความรู้สึกและทรัพย์สินที่ไม่มีอะไรเป็นชื่อเราสักอย่าง
เรานั่งคุยกันและตกลงกันว่าเป็นเพราะอะไร เขาบอกว่าเราไม่สนใจเขาเวลาเราไม่ตรงกัน
เขานอนเราทำงาน เราทำงานเขานอน จึงตัดสินใจให้เขากลับมาทำงานกับเรา
แต่เขาขอเวลาปรับเวลานอน 1อาทิตย์ ซึ่งเวลาผ่านไปเขาก็ไม่ทำเราก็ไม่ได้ว่าอะไร

เราใช้ชีวิตกันปกติ แต่เขาลบทุกอย่างในโซลเชี่ยวมิเดียที่เกี่ยวกับเราออกทั้งหมด
ทำตัวเป็นคนโสดทั้งที่อยู่บ้านหลังเดียวกัน จนเรามารู้ว่าเขาได้ไลฟ์สดในช่องทางนึง
เขาบอกว่าทำให้เขารู้สึกไม่เหงา ตัวเราก็แค่บอกอย่าให้มีปัญหาเรื่องมือที่สามนะ
เขาก็บอกว่าไม่มี แค่ทำเพราะเหงา สุดท้ายเขามาบอกเราจะไปบวชชีที่วัดต่างจังหวัดเราก็งง
ใกล้ๆบ้านก็มีวัดที่บวชได้ แต่เขาบอกอยากไปวัดนั้น เราก็เลยให้ไปโดยที่เราไปส่งถึงวัด

แต่ 2 วันต่อมาเราเปิด GPS ติดตามตัวเขากลับไม่ได้อยู่ที่วัด แต่อยู่สถานที่โรงแรมแห่งหนึ่งติดทะเล
เราตัดสินใจไปหาเขาทันที ใช่ครับเราเห็นเขานั่งอยู่กับผู้ชายที่ระเบียงหน้าห้องของโรงแรมแห่งนั้น
เขาตกใจมากที่เห็นเรา เขาลากเราลงมาคุยเขาบอกเรา ว่าเรื่องของเราจบไปนานแล้ว
แต่ความจริง เรายังอยู่บ้านเขา ซึ่งที่ผ่านมาเราไม่โอเคเลยบอกว่าจะกลับบ้านตัวเองหลายรอบเขาก็ไม่ให้ไป

เราเสียใจมากก็เลยเลือกเดินออกมาและกลับมาทำงานที่เราต้องทำต่อไป
จนมารู้อีกว่าเขากลับมาจากต่างจังหวัด แต่ไม่เข้าบ้านและไปอยู่กับผู้ชายอีกคนที่ในเมือง
เราเลือกที่จะไม่ทำอะไรปล่อยให้เขามีชีวิตของเขา

เวลาผ่านไป1เดือนเขากลับมาอยู่บ้าน โดยเราเคลียร์ว่าจะอยู่ในสถานะพี่น้อง
เพราะยังไงเราก็นอนคนละเวลาอยู่แล้วต่างคนต่างทำหน้าที่ เขาก็ยังได้เงินรายวันจากเราเหมือนเดิม
จนสุดท้ายเขากลับมาทำธุรกิจด้วยตัวเอง และขอแยกกิจการเป็น 2ส่วน
แต่เราทำไม่ได้เพราะเราไม่มีเงินทุนเลย เพราะแยกกิจการเราก็จ่ายหนี้คนละครึ่ง
เราเลือกไม่ทำต่อและออกมาโดยทุกอย่างเท่ากับ 0

แต่เราขอรถยนต์เขาที่ยังผ่อนไม่หมด1คันเพื่อใช้ทำมาหากิน
หลังจากนั้นเราใช้รถได้อยู่ 2 วัน ครอบครัวเขาก็มายึดไปโดยให้เหตุผลว่ากลัวเกิดอุบัติกับเรา
เพราะรถเป็นชื่อเขา ถ้าอยากให้มาเปลี่ยนสัญญา 

ใช่ครับเราไม่มีอะไรเลยแม้แต่รถที่จะใช้ทำมาหากิน
และหลังจากที่เราเปลี่ยนสถานะเป็นพี่น้อง เราเริ่มมีรักครั้งใหม่ แต่มันทำให้สถานการณ์แย่กว่าเดิม
เพราะครอบครัวเขาบอกว่า เราเอาเงินจากธุรกิจที่เราทำไปเปย์ผู้หญิงใหม่
ทั้งๆที่มันเป็นเงินที่เราหาจากรายได้เสริมไม่เกี่ยวกับธุกิจหลัก

สุดท้ายแล้วเรากลายเป็นแค่หมาตัวนึงที่ถูกใส่ร้ายต่างๆนาๆ
เพียงเพราะไม่เคยโต้ตอบอะไรในโลกโซลเชียลเลย เพราะอยากให้ทุกอย่างมันจบอย่างดีที่สุด
เพราะเรารักเขากับครอบครัวเขามากรักมากกว่าครอบครัวของตัวเอง
แต่ผลที่ได้คือเราเป็นหมาและเป็นโจรที่เลวที่สุด
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่