สธ.เผยป่วยโควิดลดต่อเนื่อง 4 สัปดาห์ กทม.-ท่องเที่ยวติดเชื้อ
สธ.เผยผู้ป่วยโควิดเข้ารักษาใน รพ.ลดลงต่อเนื่อง 4 สัปดาห์ เหลือ 2,900 ราย เฉลี่ย 414 รายต่อวัน อาการหนัก เสียชีวิตยังคงตัว กทม. ปริมณฑล จังหวัดท่องเที่ยวผู้ติดเชื้อลดลง ย้ำปีใหม่ใช้ชีวิตได้ตามปกติ ต้องฉีดให้ครบ 4 เข็ม ยาและเตียงมีเพียงพอรองรับ
เมื่อวันที่ 27 ธ.ค. นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวภายหลังประชุมติดตามสถานการณ์ กรณีโรคโควิด 19 ว่า สถานการณ์โรคโควิด 19 ของประเทศ ในสัปดาห์ที่ 51 (18-24 ธันวาคม 2565) มีผู้ป่วยเข้ารักษาในโรงพยาบาล 2,900 ราย เฉลี่ย 414 รายต่อวัน แนวโน้มผู้ป่วยลดลงต่อเนื่องมา 4 สัปดาห์ ผู้ป่วยปอดอักเสบมี 621 ราย ผู้ป่วยใส่ท่อช่วยหายใจ 413 ราย และผู้เสียชีวิต 89 ราย เฉลี่ย 12 รายต่อวัน แนวโน้มยังคงตัว ที่สำคัญคือผู้เสียชีวิตยังคงเป็นกลุ่ม 608 เกือบ 100% ปัจจัยหลักมาจากการไม่ได้รับวัคซีน ได้รับวัคซีนไม่ครบ ไม่ได้รับเข็มกระตุ้น หรือได้รับเข็มกระตุ้นมานานเกิน 3 เดือน ทั้งนี้ สถานการณ์ภาพรวมพื้นที่ กทม. ปริมณฑล และจังหวัดท่องเที่ยว พบผู้ติดเชื้อโควิด 19 ลดลง ขณะที่จังหวัดรองมีแนวโน้มผู้ติดเชื้อคงตัว
นพ.โอภาสกล่าวต่อว่า สำหรับช่วงเทศกาลปีใหม่ 2566 ที่จะมีกิจกรรมรวมกลุ่มคนจำนวนมากนั้น ประชาชนสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ โดยกระทรวงสาธารณสุขได้ย้ำมาตรการ ได้แก่..👇
1.การฉีดวัคซีนให้ครบ 4 เข็ม โดยจะเพิ่มสถานที่ฉีดวัคซีน โดยเฉพาะ กทม. ปริมณฑล และจังหวัดท่องเที่ยว
2.การรักษาได้ทันเวลา โดยผู้ป่วยกลุ่ม 608 ที่ไม่ได้รับวัคซีน หรือได้รับมาแล้วเกิน 6 เดือน จะพิจารณาให้ภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป (Long Acting Antibody : LAAB) ในกลุ่มเสี่ยงก่อนมีอาการป่วย
3.ผู้ที่ไปสถานที่เสี่ยง กิจกรรมรวมกลุ่มคนจำนวนมากในช่วง 5 วัน ให้งดใกล้ชิดผู้สูงอายุที่ไม่ได้รับวัคซีนหรือรับนานเกิน 6 เดือน
4.กลุ่ม 608 ที่ไม่ได้รับวัคซีน หรือได้รับมานานเกิน 6 เดือน ขอให้หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหาร ดื่มสุราร่วมกับผู้อื่น หรือร่วมกิจกรรมที่มีคนจำนวนมากโดยไม่สวมหน้ากากอนามัย และ
5.สวมหน้ากากอนามัยในสถานที่สาธารณะ โรงพยาบาล ห้างสรรพสินค้า และขนส่งสาธารณะ ทั้งนี้ จะมีการเฝ้าระวังโรคในสถานพยาบาลและสถานที่เสี่ยงอย่างต่อเนื่อง คาดการณ์ว่าปี 2566 จะพบการระบาดของโรคในลักษณะการระบาดตามฤดูกาลเหมือนกับโรคไข้หวัดใหญ่
สำหรับยารักษาและเตียงรับผู้ป่วยในโรงพยาบาล ข้อมูลวันที่ 25 ธันวาคม 2565 มียาฟาวิพิราเวียร์คงเหลือ 1.53 ล้านเม็ด ยาโมลนูพิราเวียร์ 17.62 ล้านเม็ด ส่วนอัตราการครองเตียงอยู่ที่ 12.2% โดยเตียงระดับ 3 อัตราการครองเตียงอยู่ที่ 40.5% ถือว่ายังมีเพียงพอรองรับสถานการณ์
https://mgronline.com/qol/detail/9650000123028
ชาวจีนวางแผนเที่ยวต่างประเทศ หลังคลายล็อกโควิดเพิ่ม
ชาวจีนแห่เข้าเว็บไซต์บริการท่องเที่ยว วางแผนการเดินทาง หลังรัฐบาลทยอยผ่อนคลายมาตรการโควิด และยกเลิกคำสั่งกักตัวผู้เดินทางเข้าประเทศ เริ่ม 8 ม.ค.นี้
เมื่อวานนี้ (26 ธ.ค.) คณะกรรมาธิการสุขภาพแห่งชาติจีน หรือ NHC ประกาศว่า จะยกเลิกมาตรการบังคับให้ผู้ที่เดินทางเข้าประเทศต้องกักตัวเฝ้าระวังอาการโควิด-19 ตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม เป็นต้นไป รวมถึงจะผ่อนคลายแผนการจัดการการระบาดโควิด-19 ของประเทศจากระดับ A ที่มีความเข้มงวดสูงสุด ลงมาเป็นระดับ B เนื่องจากอาการป่วยจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 นั้นรุนแรงน้อยลงแล้ว และน่าจะค่อย ๆ กลายมาเป็นการติดเชื้อทางเดินหายใจแบบธรรมดาในอนาคตอันใกล้
โดยก่อนจะถึงวันที่ 8 มกราคมนี้ ผู้ที่เดินทางเข้าประเทศจีนยังต้องกักตัวภายในพื้นที่ที่รัฐบาลจัดไว้เป็นเวลา 5 วันก่อนจะไปแยกตัวที่บ้านตนเองอีก 3 วัน
แต่หลังการยกเลิกมาตรการดังกล่าวแล้ว ผู้ที่เดินทางมาจีนยังต้องทำการตรวจหาการติดเชื้อด้วยระบบ PCR ภายใน 48 ชั่วโมงก่อนออกเดินทางจากประเทศต้นทาง
ส่วนการเดินทางออกนอกประเทศนั้น คณะกรรมาธิการฯ ระบุว่า กระบวนการอนุญาตให้ประชาชนในจีนเดินทางออกนอกประเทศจะกลับมาทำการอีกครั้งในไม่ช้าเช่นกัน
ซึ่งหลังจากที่มีรายงานข่าวการผ่อนคลายมาตรการควบคุมพรมแดน ชาวจีนก็พากันเข้าเว็บไซต์บริการด้านการท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก
ข้อมูลจากเว็บไซต์ “ซีทริป” (Ctrip) แสดงให้เห็นว่า ยอดค้นหาจุดหมายปลายทางนอกประเทศยอดนิยมเพิ่มขึ้น 10 เท่า ภายในครึ่งชั่วโมง หลังจากที่ข่าวออกมา โดยมาเก๊า ฮ่องกง ญี่ปุ่น ไทย เกาหลีใต้ มียอดค้นหามากที่สุด
เช่นเดียวกับ ข้อมูลจากเว็บไซต์ “ชวู่หน่าร์ (Qunar)” อีกหนึ่งแพลตฟอร์มด้านการท่องเที่ยว ระบุว่า ภายใน 15 นาที หลังข่าวออก ยอดค้นหาเที่ยวบินระหว่างประเทศเพิ่มขึ้น 7 เท่า มากที่สุดคือเที่ยวบินไปไทย ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้
หอการค้าชี้จีนยกเลิกคุมโควิดส่งผลดีไทย
ด้านนายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า กรณีประเทศจีนได้ประกาศยกเลิกมาตรการกักกันโรคโควิด-19 นักเดินทาง โดยจะเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 8 มกราคมนี้ มองว่า จะมีผลดีต่อประเทศไทยและเศรษฐกิจไทยในทุกด้านถือว่าเป็นข่าวดีและสุดยอดอย่างมาก เนื่องจากเป็นที่ทราบแม้จีนจะเปิดประเทศช้า แต่เชื่อว่าแนวทางเลิกมาตรการกักกันโควิด-19 ครั้งนี้ จะทำให้นักท่องเที่ยวชาวจีนสามารถออกไปท่องเที่ยวทั่วโลกได้มากขึ้น โดยเฉพาะประเทศไทยที่เริ่มมีอากาศหนาวเย็นและเป็นเมืองที่ชาวจีนต้องการเข้ามาท่องเที่ยวเป็นอันดับ 1 ของโลก และไม่เพียงคนจีนเท่านั้น หลายเชื้อชาติสนใจเข้ามาท่องเที่ยวในไทยเพิ่มขึ้น โดยเห็นว่าไทยมีจุดสนใจเที่ยวมากกว่าประเทศอื่น
คาดนทท.จีนเพิ่ม 5 ล้านคน แนะทุกฝ่ายเตรียมพร้อม
ทั้งนี้ คาดว่าหลังจากจีนยกเลิกมาตรการกักกันโควิด เชื่อว่าในปี 2566 จะมีนักท่องเที่ยวชาวจีนจะเข้ามาเที่ยวในไทยเกินกว่า 5 ล้านคน และยิ่งปัญหาโควิด-19 เบาลงคาดว่านักท่องเที่ยวจีนจะเข้ามาไทยมากกว่านี้แน่นอน
แต่สิ่งที่ภาคเอกชนยังกังวลคือ การเตรียมการต้อนรับของไทยมีความพร้อมแค่ไหน เพราะในเวลานี้แม้เศรษฐกิจไทยเริ่มกลับมาดีขึ้นในช่วงปลายไตรมาส 3 จนถึงไตรมาสที่ 4 แต่โดยภาพรวมความพร้อมของภาคธุรกิจ เช่น โรงแรม สถานที่พักบุคคลกรและอื่นๆ ของไทยยังไม่กลับมาเต็มที
ดังนั้น หากนักท่องเที่ยวหลายชาติกลับมาเที่ยวในไทย แต่คนไทยยังไม่มีความพร้อมเต็มที่จะมีปัญหาได้ ภาครัฐบาลจะต้องเร่งหาทางแก้ไขและเตรียมความพร้อมเป็นการด่วน
https://www.pptvhd36.com/news/%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8/187328
ติดตามข่าวโควิดกันต่อนะคะ...
🇹🇭💗มาลาริน💗🇹🇭สธ.เผยป่วยโควิดลดต่อเนื่อง4 สัปดาห์ กทม.-ท่องเที่ยวติดเชื้อลดลง/ชาวจีนวางแผนเที่ยวต่างประเทศ 8ม.ค.นี้
สธ.เผยผู้ป่วยโควิดเข้ารักษาใน รพ.ลดลงต่อเนื่อง 4 สัปดาห์ เหลือ 2,900 ราย เฉลี่ย 414 รายต่อวัน อาการหนัก เสียชีวิตยังคงตัว กทม. ปริมณฑล จังหวัดท่องเที่ยวผู้ติดเชื้อลดลง ย้ำปีใหม่ใช้ชีวิตได้ตามปกติ ต้องฉีดให้ครบ 4 เข็ม ยาและเตียงมีเพียงพอรองรับ
เมื่อวันที่ 27 ธ.ค. นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวภายหลังประชุมติดตามสถานการณ์ กรณีโรคโควิด 19 ว่า สถานการณ์โรคโควิด 19 ของประเทศ ในสัปดาห์ที่ 51 (18-24 ธันวาคม 2565) มีผู้ป่วยเข้ารักษาในโรงพยาบาล 2,900 ราย เฉลี่ย 414 รายต่อวัน แนวโน้มผู้ป่วยลดลงต่อเนื่องมา 4 สัปดาห์ ผู้ป่วยปอดอักเสบมี 621 ราย ผู้ป่วยใส่ท่อช่วยหายใจ 413 ราย และผู้เสียชีวิต 89 ราย เฉลี่ย 12 รายต่อวัน แนวโน้มยังคงตัว ที่สำคัญคือผู้เสียชีวิตยังคงเป็นกลุ่ม 608 เกือบ 100% ปัจจัยหลักมาจากการไม่ได้รับวัคซีน ได้รับวัคซีนไม่ครบ ไม่ได้รับเข็มกระตุ้น หรือได้รับเข็มกระตุ้นมานานเกิน 3 เดือน ทั้งนี้ สถานการณ์ภาพรวมพื้นที่ กทม. ปริมณฑล และจังหวัดท่องเที่ยว พบผู้ติดเชื้อโควิด 19 ลดลง ขณะที่จังหวัดรองมีแนวโน้มผู้ติดเชื้อคงตัว
นพ.โอภาสกล่าวต่อว่า สำหรับช่วงเทศกาลปีใหม่ 2566 ที่จะมีกิจกรรมรวมกลุ่มคนจำนวนมากนั้น ประชาชนสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ โดยกระทรวงสาธารณสุขได้ย้ำมาตรการ ได้แก่..👇
1.การฉีดวัคซีนให้ครบ 4 เข็ม โดยจะเพิ่มสถานที่ฉีดวัคซีน โดยเฉพาะ กทม. ปริมณฑล และจังหวัดท่องเที่ยว
2.การรักษาได้ทันเวลา โดยผู้ป่วยกลุ่ม 608 ที่ไม่ได้รับวัคซีน หรือได้รับมาแล้วเกิน 6 เดือน จะพิจารณาให้ภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป (Long Acting Antibody : LAAB) ในกลุ่มเสี่ยงก่อนมีอาการป่วย
3.ผู้ที่ไปสถานที่เสี่ยง กิจกรรมรวมกลุ่มคนจำนวนมากในช่วง 5 วัน ให้งดใกล้ชิดผู้สูงอายุที่ไม่ได้รับวัคซีนหรือรับนานเกิน 6 เดือน
4.กลุ่ม 608 ที่ไม่ได้รับวัคซีน หรือได้รับมานานเกิน 6 เดือน ขอให้หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหาร ดื่มสุราร่วมกับผู้อื่น หรือร่วมกิจกรรมที่มีคนจำนวนมากโดยไม่สวมหน้ากากอนามัย และ
5.สวมหน้ากากอนามัยในสถานที่สาธารณะ โรงพยาบาล ห้างสรรพสินค้า และขนส่งสาธารณะ ทั้งนี้ จะมีการเฝ้าระวังโรคในสถานพยาบาลและสถานที่เสี่ยงอย่างต่อเนื่อง คาดการณ์ว่าปี 2566 จะพบการระบาดของโรคในลักษณะการระบาดตามฤดูกาลเหมือนกับโรคไข้หวัดใหญ่
สำหรับยารักษาและเตียงรับผู้ป่วยในโรงพยาบาล ข้อมูลวันที่ 25 ธันวาคม 2565 มียาฟาวิพิราเวียร์คงเหลือ 1.53 ล้านเม็ด ยาโมลนูพิราเวียร์ 17.62 ล้านเม็ด ส่วนอัตราการครองเตียงอยู่ที่ 12.2% โดยเตียงระดับ 3 อัตราการครองเตียงอยู่ที่ 40.5% ถือว่ายังมีเพียงพอรองรับสถานการณ์
https://mgronline.com/qol/detail/9650000123028
ชาวจีนวางแผนเที่ยวต่างประเทศ หลังคลายล็อกโควิดเพิ่ม
ชาวจีนแห่เข้าเว็บไซต์บริการท่องเที่ยว วางแผนการเดินทาง หลังรัฐบาลทยอยผ่อนคลายมาตรการโควิด และยกเลิกคำสั่งกักตัวผู้เดินทางเข้าประเทศ เริ่ม 8 ม.ค.นี้
เมื่อวานนี้ (26 ธ.ค.) คณะกรรมาธิการสุขภาพแห่งชาติจีน หรือ NHC ประกาศว่า จะยกเลิกมาตรการบังคับให้ผู้ที่เดินทางเข้าประเทศต้องกักตัวเฝ้าระวังอาการโควิด-19 ตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม เป็นต้นไป รวมถึงจะผ่อนคลายแผนการจัดการการระบาดโควิด-19 ของประเทศจากระดับ A ที่มีความเข้มงวดสูงสุด ลงมาเป็นระดับ B เนื่องจากอาการป่วยจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 นั้นรุนแรงน้อยลงแล้ว และน่าจะค่อย ๆ กลายมาเป็นการติดเชื้อทางเดินหายใจแบบธรรมดาในอนาคตอันใกล้
โดยก่อนจะถึงวันที่ 8 มกราคมนี้ ผู้ที่เดินทางเข้าประเทศจีนยังต้องกักตัวภายในพื้นที่ที่รัฐบาลจัดไว้เป็นเวลา 5 วันก่อนจะไปแยกตัวที่บ้านตนเองอีก 3 วัน
แต่หลังการยกเลิกมาตรการดังกล่าวแล้ว ผู้ที่เดินทางมาจีนยังต้องทำการตรวจหาการติดเชื้อด้วยระบบ PCR ภายใน 48 ชั่วโมงก่อนออกเดินทางจากประเทศต้นทาง
ส่วนการเดินทางออกนอกประเทศนั้น คณะกรรมาธิการฯ ระบุว่า กระบวนการอนุญาตให้ประชาชนในจีนเดินทางออกนอกประเทศจะกลับมาทำการอีกครั้งในไม่ช้าเช่นกัน
ซึ่งหลังจากที่มีรายงานข่าวการผ่อนคลายมาตรการควบคุมพรมแดน ชาวจีนก็พากันเข้าเว็บไซต์บริการด้านการท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก
ข้อมูลจากเว็บไซต์ “ซีทริป” (Ctrip) แสดงให้เห็นว่า ยอดค้นหาจุดหมายปลายทางนอกประเทศยอดนิยมเพิ่มขึ้น 10 เท่า ภายในครึ่งชั่วโมง หลังจากที่ข่าวออกมา โดยมาเก๊า ฮ่องกง ญี่ปุ่น ไทย เกาหลีใต้ มียอดค้นหามากที่สุด
เช่นเดียวกับ ข้อมูลจากเว็บไซต์ “ชวู่หน่าร์ (Qunar)” อีกหนึ่งแพลตฟอร์มด้านการท่องเที่ยว ระบุว่า ภายใน 15 นาที หลังข่าวออก ยอดค้นหาเที่ยวบินระหว่างประเทศเพิ่มขึ้น 7 เท่า มากที่สุดคือเที่ยวบินไปไทย ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้
หอการค้าชี้จีนยกเลิกคุมโควิดส่งผลดีไทย
ด้านนายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า กรณีประเทศจีนได้ประกาศยกเลิกมาตรการกักกันโรคโควิด-19 นักเดินทาง โดยจะเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 8 มกราคมนี้ มองว่า จะมีผลดีต่อประเทศไทยและเศรษฐกิจไทยในทุกด้านถือว่าเป็นข่าวดีและสุดยอดอย่างมาก เนื่องจากเป็นที่ทราบแม้จีนจะเปิดประเทศช้า แต่เชื่อว่าแนวทางเลิกมาตรการกักกันโควิด-19 ครั้งนี้ จะทำให้นักท่องเที่ยวชาวจีนสามารถออกไปท่องเที่ยวทั่วโลกได้มากขึ้น โดยเฉพาะประเทศไทยที่เริ่มมีอากาศหนาวเย็นและเป็นเมืองที่ชาวจีนต้องการเข้ามาท่องเที่ยวเป็นอันดับ 1 ของโลก และไม่เพียงคนจีนเท่านั้น หลายเชื้อชาติสนใจเข้ามาท่องเที่ยวในไทยเพิ่มขึ้น โดยเห็นว่าไทยมีจุดสนใจเที่ยวมากกว่าประเทศอื่น
คาดนทท.จีนเพิ่ม 5 ล้านคน แนะทุกฝ่ายเตรียมพร้อม
ทั้งนี้ คาดว่าหลังจากจีนยกเลิกมาตรการกักกันโควิด เชื่อว่าในปี 2566 จะมีนักท่องเที่ยวชาวจีนจะเข้ามาเที่ยวในไทยเกินกว่า 5 ล้านคน และยิ่งปัญหาโควิด-19 เบาลงคาดว่านักท่องเที่ยวจีนจะเข้ามาไทยมากกว่านี้แน่นอน
แต่สิ่งที่ภาคเอกชนยังกังวลคือ การเตรียมการต้อนรับของไทยมีความพร้อมแค่ไหน เพราะในเวลานี้แม้เศรษฐกิจไทยเริ่มกลับมาดีขึ้นในช่วงปลายไตรมาส 3 จนถึงไตรมาสที่ 4 แต่โดยภาพรวมความพร้อมของภาคธุรกิจ เช่น โรงแรม สถานที่พักบุคคลกรและอื่นๆ ของไทยยังไม่กลับมาเต็มที
ดังนั้น หากนักท่องเที่ยวหลายชาติกลับมาเที่ยวในไทย แต่คนไทยยังไม่มีความพร้อมเต็มที่จะมีปัญหาได้ ภาครัฐบาลจะต้องเร่งหาทางแก้ไขและเตรียมความพร้อมเป็นการด่วน
https://www.pptvhd36.com/news/%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8/187328
ติดตามข่าวโควิดกันต่อนะคะ...