มีเวลาแค่ 2 วัน ขอแค่ได้ไป
ได้แค่ไหนไม่เสียใจ แค่เสียดายอยากไปนานกว่านี้จัง
ไทเป จิ่วเฟิ่น ครั้งแรก ไฟล์ทแรกตปท แรกหลังโควิด
เที่ยวเองตามใจตัวเองสุดๆ
หลังประเทศเริ่มเปิดจากสถานการณ์โควิด ประเทศใกล้ๆ ใช้เวลาเดินทางไม่มากเกินไป เดินทางง่ายที่เราเลือกไปก็คือไต้หวัน อยากไปหลายๆ วันแต่เวลาไม่อำนวย ก็เสียดาย แต่ได้ไปไม่เสียใจ
ไต้หวัน เปิดประเทศในคนไทยเข้าแบบไม่ต้องขอวีซ่า แค่กรอกฟอร์มเข้าเมือง อาจจะเป็นแบบออนไลน์
ใบขาเข้า ทางนี้ ซึ่งล่วงหน้าได้ 30 วัน หรือไปกรอกหน้างานก็ได้ ก็สามารถอยู่ท่องเที่ยวได้ 14 วัน แต่ 0-7 วันแรกถือเป็นระยะเฝ้าระวังตัวเอง จะได้ชุดตรวจคนละ 1 กล่อง ซึ่งตรวจเองรู้ตัวเองจะไม่ได้มีการขอดูใดๆ แต่เงื่อนไขคือ 7วันแรกที่พักต้องเป็นห้องเดี่ยว (ที่พักกับผู้เดินทางมาด้วยกันเท่านั้น) และห้องน้ำในตัว พูดง่ายๆ โฮสเทลแบบดอร์มหรือแคปซูลนี้ 7 วันแรกยังไม่ได้
หลังจากตระเตรียมตัว จองตั๋ว จองที่พัก แลกเงิน หาซิม เก็บกระเป๋า ก็ถึงเวลาที่รอคอย สนามบินสุวรรณภูมิ
บินอินเตอร์ไฟล์ทฟูลเซอวิสครั้งแรก กับ EVA air เพราะปกติเป็นสายประหยัด ตอนนี้ก็อยากประหยัดแต่จะเสียเวลาไปก็ไม่ได้ เช็คอินออนไลน์มาก่อนแล้ว จึงมาเข้าแถวเพื่อทำการโหลดกระเป๋า งานนี้ได้ 23 กิโล 2 ใบ แต่ไปสองวันเลยไปใบเล็กๆ แถวยาวแต่โฟลวไวมาก มาถึงเคาเตอร์ป้ายแปะหราว่าไฟล์ทดีเลย์ งานนี้ไม่มีส่งอะไรบอก เช็คตอนเช้าก็ยังไม่มี มาเจออีกทีดีเลย์ประมาณชั่วโมงนึงหน้าเคาเตอร์นี่เลย เพื่อปลอบใจเขาได้ให้คูปองอาหารร้านในสนามบินมากินรอ
หลังจาก ดร็อปกระเป๋า ก็ไปผ่านขั้นตอน security check สุวรรณภูมิตอนนี้มีบอกเลยว่าแต่ละช่อง คิวประมาณไหน เลือกประตูได้เลย ผ่านมาใช้เวลาไม่นาน
หลังผ่านมาก็หาอะไรกิน 1 อิ่มงบ 350 บาทในสนามบิน รามยอนกับน้ำให้มันพอดีๆ
นี่แหละเกือบ 350 บาท
ยังไม่ได้เวลา นอนรอซะเลย ที่หน้าเกตหลับไปงีบหนึ่ง ตื่นมา แสบมือเหมือนจะซันเบิร์นเฉยเลย
บอร์ดดิ้ง
ที่นั่งกว้างดีเลย ที่พิงหัวนุ่ม จอมีดูหนังฟังเพลง เทคออฟปุ๊บนั่งเป็นหลับ จนอาหารมาเสิร์ฟ มีให้รีเควสล่วงหน้าถ้าต้องชนิดพิเศษ เช่น มัง หรือแพ้อะไรต่างๆ ถ้าเมนูปกติจะมีให้เลือกสองอย่าง รถเข็นน้ำมีน้ำผลไม้ น้ำเปล่า ชากาแฟต่างๆ
ดีเลย์ทำให้เจอช่วงพระอาทิตย์ตก
แลนดิ้ง ที่สนามบินเถาหยวน T2
แจกชุดตรวจ ตรวจสอบของที่ห้ามนำเข้า เรากรอกออนไลน์มาแล้วเดินไปต่อคิวได้เลย แต่อนิจจา พบว่าบอร์ดดิ้งพาสหาย เดชะบุญไม่ต้องดูแล้ว ผ่านตม มา ยืนแป๊บเดียวได้รับกระเป๋า
คืนที่1
มุ่งสู่จิ่วเฟิน
ทีแรกก็ลุ้นอยู่แล้วว่า จะเดินทางไปทันไหม ด้วยความที่มาถึงก็เย็นแล้ว ดีเลย์อีกยิ่งค่ำหนัก ไม่เคยมาด้วยไม่รู้ต้องงมซักเท่าไร
ออกจาก arrival มามองหา ATM ก่อน เพราะแลกเงินมาแค่ 2000 เหรียญ ตั้งใจมากดเงินที่แลกไว้ด้วย SCB planet ซึ่งมีโปรฟรีค่าธรรมเนียมการกด ในตู้ที่ร่วมรายการ
T2 หันไปก็เจอเลย ตู้ของ megabank กดง่ายๆ มีภาษาให้เลือกเยอะ ภาษาไทยก็มี ข้อควรรู้คือ 1. แลกเงินในบัตรเป็นสกุลที่ต้องการก่อน 2. ดูในแอพว่า ไม่ได้ระงับการใช้งานที่ต่างประเทศ 3. ตั้ง PINบัตรก่อนที่เมืองไทย (ต้องใช้ OTP) 4. กดโดยเลือก account เป็น credit กดง่ายได้จริง
เดินตามป้ายไปยังรถ MRT airport แถวนี้ไม่เจอ family หรือ7-eleven ที่เราจะไปซื้อ easy card เลย มี Hi-life ตรงMRT เลยเอาไว้ก่อน ใช้ VISA แตะเข้าได้เลย แอบเหมือน MRT เมืองไทยเลยนะ
รถขบวนสนามบิน มี2แบบขบวนด่วนที่จอดเฉพาะสถานี (express) และ ทั่วไป commuter แต่จอดชานชาลาเดียวกันให้ดูป้ายข้างรถและป้ายแสดงเวลามาถึงให้ดูได้เลย ชุมทางจากสนามบินเข้าเมืองส่วนมากก็จะไปลงที่ Taipei main station express ใช้เวลา 39 นาที commuter ใช้เวลา 53 นาที เรานั่ง express 150 NT
ที่นั่งกว้าง ไวไฟชาร์จแบทมี ที่เก็บสัมภาระมี
จุดหมายที่เราจะไปในวันนี้คือ Jiufen เพราะเราจองที่พักไว้ที่นั้นนน ปกติวิธีเดินทางอย่างง่ายและใช้เวลาน้อยก็มักจะเป็นรถบัส ขึ้นในไทเปมี 2 สาย คือ 1062 ต้นทางที่ MRT Zhongxiao Fuxing station แต่รถหมดประมาณ 5 โมงกว่า ส่วนสายที่เป็นความหวังของเราคือ 965 ต้นทางที่ MRT FuZhong station จุดขึ้นรถยอดนิยมคือ MRT Ximen (อีกวิธีคือ รถไฟจากสถานีรุ่ยฟางต่อบัส)
ทีแรกก็จะไปขึ้นที่ Ximen อยู่หรอก แต่พอนั่งรถไฟมาแล้วมันก็ทุ่มกว่า กว่าจะงมอะไรอีกกลัวรถหมด จึงตัดสินใจไปขึ้นที่ MRT beimen แทน ไม่ต้องเพิ่มเวลาเดินทาง
ลงที่ Taipei main station แต่เดินออกมาจะมีทางเชื่อมไป MRTbeimen ซึ่งสิ่งที่ must buy เลยก็คือ Easy card เนื่องจากรถบัส รับแค่เงินสดกับบัตร ic card เท่านั้น ซึ่งเงินสดจะไม่มีการทอน ไอเราเพิ่งกดตังมาก็มีแต่แบงค์ 1000 จากการดูมา Easy card นี้มีรูปแบบลวดลายแฟนซีมากมาย แต่ทางไปสถานี beimen อันเงียบเหงา มีเพียงลาย basic original ใน Family mart เท่านั้น TTTT
วนไปวนมาเกือบ 2 ทุ่มเลยซื้อมาก่อน ค่าบัตร 100 NT (ขายขาด) และต้องเติมเงินใส่ตามจำนวนที่ต้องการ เดินออก Exit 2 ขึ้นมาเจอป้ายรถเมล์ใหญ่ๆ มีกรอบยืนระบุไว้เลยว่า รถเบอร์ 965 ยืนตรงไหน เราเช็คเวลารถบัสจะมาหรือยังจาก App Taipei bus timetable ซึ่งตรงดีมาก ตอนนั้นรถน่าจะเหลือแค่ไม่กี่เที่ยวสุดท้าย รถหมด 3 ทุ่มกว่า
ป้ายรถเมล์ MRT Beimen ขึ้นมาเจอเลย
ออกมาพบว่าอากาศหนาววววว กว่าที่คิด ดีนะเอาดาวน์แจ็คเกตมาด้วย
รถมาแล้ว
ถ้าสถานีที่มีกรอบขีดไว้จะโบกไม่โบก ถ้าคนขับเห็นยืนก็จอดนะ ขึ้นรถแตะบัตร จะโชว์เงินคงเหลือ แล้วไปนั่ง ป้ายตัววิ่งและเสียงจะประกาศว่า ถึงสถานีไหน พอจะลง ต้องกดกริ่งก่อนถึงป้าย และแตะบัตรลงด้วย
ลงก็กดกริ่ง
นั่งก็หลับๆ มองวิวไม่ค่อยเห็นละมืด แต่พอรถขึ้นเขาก็เมาๆควักยาดมมาดมได้ผลมาก ในที่สุดก็มาถึงป้าย Jiufen old street
ซึ่งลงมาจะงงๆ นิดหนึ่ง เพราะไม่มีอะไรเลย มืดๆ เงียบๆ เดินขึ้นไปหน่อยเป็นแฟมิลี่มาร์ท แม้แต่เซเว่นก็ยังไม่เห็นเลย ตอนนั้น เปิด Map ไปหาที่พักก่อน
ที่พักเราคือ CF kite homestay กิจการเดียวกับ jiufen kite museum เริ่มจากลงบันไดข้างป้ายรถเมล์ ลงมาเจอถนน สายเล็กเดินตรอกออกถนนอีกสาย เห็นความโค้งและที่จอดรถ แต่ map พาเราไปไม่ถูกดูแล้วดูอีกก็ไม่เจอ ยืนกดอยู่ที่จอดรถ ปรากฏมีคนไต้หวันผ่านมาถามว่าจะไปไหน พอเอาบ้านเลขที่ให้เขาดู ก็เลยชี้ทางขึ้นไป เป็นซอกข้างตึกเลี้ยวมาเจอหน้าตึกทีปิดสนิทและมืดร้างคน จนปัญญาเลยเติมตังโรมมิ่ง โทรเบอร์ในใบจอง เบอร์ไม่เปิดใช้ ต้องหาใหม่จากเว็บที่พัก เจ้าของค่อยรับ
ความจริงที่พักนี้ เวลา checkin จะถึงแค่ 21.00 แต่ตั้งแต่แรกก็ไม่ชัวร์ว่าจะมาทันไหมเลย request กับที่พักขอ late checkin ถึง 22.00 พอโทรไปคือเราก็พยายามอธิบายว่า เราอยู่หน้าตึก แต่ owner ก็อะไรซักอย่าง คือในโทรศัพท์เราก็ฟังไม่ค่อยออก สุดท้ายเลยบอกว่าอะ อยู่ที่จอดรถ แล้วเราก็เดินลงไปใหม่ซึ่ง จข ก็บอกจะมารับให้อยู่ตรงนั้น
รอสักพักเลย พอมาถึง owner ดูเหนื่อย สาเหตุเนื่องจากว่า แกบอก
ไหนเราว่าจะมา 4 ทุ่มไง ชั้นเลยเข้าไทเปก่อน เราโทรหาพี่ก็ 21.43 แล้วนะ งมๆ ไปก็ 4 ทุ่มพอดีไงพี่
เค้าก็พาเราขึ้นทางเดิมนั่นแหละ ตึกเดิมที่ปิดร้าง ปรากฏชั้นล่าง 1-2 เป็นพิพิธภัณฑ์ว่าว ที่ปิดไฟมืดเลยไม่เห็นรายละเอียดอะไร และที่พักนั้นอยู่ชั้น 5 น้ำร้อนน้ำเย็นที่นี่จะให้กดจากตู้กลางมีกาน้ำร้อนให้ owner พาเราไปอธิบายการเดินรอบๆ นี้ก่อน แนะนำเส้นทางในนี้ว่างั้น แต่พอเรายังไม่เคยเดิน พูดตรงๆ นึกภาพไม่ออกซักนิด ก็เออออตามพี่เขาไปก่อน
อธิบายละเอียดด แต่นึกมะออก
ห้องที่จองมาแบบเห็นวิวทะเลและมีหน้าต่าง ชอบห้องมากเลย เข้าไปห้องเย็นมากก น่าจะเพราะอากาศถ่ายเทดี ดีนะเตรียมเสื้อผ้ามาเผื่อ จริงๆ คิดว่าน่าจะแค่ 15-20 องศา มาถึง 10 องศา ยังดีน้ำอาบมีน้ำร้อน ต้องค่อยๆ ปรับเลยไม่งั้นร้อนมาก
โดนใจใช่เลย
ที่แท้ ตรงล้อบบี้ที่ชั้น 5 ถึงจะเป็นหน้าร้านที่แท้จริงของโฮมสเตย์ เดินออกมาจะเป็นลาน และมีบันไดขึ้นสู่ถนน ทางนี้พอขึ้นมาถึงถนนโค้งแล้ว (ถ้าเดินตามถนนนี้ไป จะเป็นวัด Dian tan จะเลี้ยววัดขึ้นบันไดข้างวัดก็โผล่ตรงป้ายรถเมล์ก็ได้) ก็ขึ้นบันไดไปอีกที ก็จะโผล่ข้างแฟมิลี่ที่เดิม แต่สารภาพว่าตอนนี้ ไม่เห็นว่าตรงไหนคือ Jiufen old steet จริงๆ เลยพับแผนที่จะไปเดิน ถึงเดินก็ปิดหมดแล้วล่ะตอนนั้น4 ทุ่มกว่า
ลงทางนี้เจอที่พักแบบใกล้ๆ ง่ายๆ
จากหน้าต่างยามค่ำคืน
ซื้อขนมกินหน่อย family seven นี้แตะบัตรVISAจ่ายได้เลย
นมมะละกอ
ข้าวปั้นและครีมพัฟที่เลื่องลือ
เนื้อที่หมด
[CR] ไปคนเดียว ไม่เปลี่ยวใจ ครั้งแรกที่ไต้หวัน 2วัน 2 คืน ก็ไปดิ TAIPEI-JIUFEN 2022
ไต้หวัน เปิดประเทศในคนไทยเข้าแบบไม่ต้องขอวีซ่า แค่กรอกฟอร์มเข้าเมือง อาจจะเป็นแบบออนไลน์ ใบขาเข้า ทางนี้ ซึ่งล่วงหน้าได้ 30 วัน หรือไปกรอกหน้างานก็ได้ ก็สามารถอยู่ท่องเที่ยวได้ 14 วัน แต่ 0-7 วันแรกถือเป็นระยะเฝ้าระวังตัวเอง จะได้ชุดตรวจคนละ 1 กล่อง ซึ่งตรวจเองรู้ตัวเองจะไม่ได้มีการขอดูใดๆ แต่เงื่อนไขคือ 7วันแรกที่พักต้องเป็นห้องเดี่ยว (ที่พักกับผู้เดินทางมาด้วยกันเท่านั้น) และห้องน้ำในตัว พูดง่ายๆ โฮสเทลแบบดอร์มหรือแคปซูลนี้ 7 วันแรกยังไม่ได้
หลังจากตระเตรียมตัว จองตั๋ว จองที่พัก แลกเงิน หาซิม เก็บกระเป๋า ก็ถึงเวลาที่รอคอย สนามบินสุวรรณภูมิ
บินอินเตอร์ไฟล์ทฟูลเซอวิสครั้งแรก กับ EVA air เพราะปกติเป็นสายประหยัด ตอนนี้ก็อยากประหยัดแต่จะเสียเวลาไปก็ไม่ได้ เช็คอินออนไลน์มาก่อนแล้ว จึงมาเข้าแถวเพื่อทำการโหลดกระเป๋า งานนี้ได้ 23 กิโล 2 ใบ แต่ไปสองวันเลยไปใบเล็กๆ แถวยาวแต่โฟลวไวมาก มาถึงเคาเตอร์ป้ายแปะหราว่าไฟล์ทดีเลย์ งานนี้ไม่มีส่งอะไรบอก เช็คตอนเช้าก็ยังไม่มี มาเจออีกทีดีเลย์ประมาณชั่วโมงนึงหน้าเคาเตอร์นี่เลย เพื่อปลอบใจเขาได้ให้คูปองอาหารร้านในสนามบินมากินรอ
หลังจาก ดร็อปกระเป๋า ก็ไปผ่านขั้นตอน security check สุวรรณภูมิตอนนี้มีบอกเลยว่าแต่ละช่อง คิวประมาณไหน เลือกประตูได้เลย ผ่านมาใช้เวลาไม่นาน
หลังผ่านมาก็หาอะไรกิน 1 อิ่มงบ 350 บาทในสนามบิน รามยอนกับน้ำให้มันพอดีๆ
บอร์ดดิ้ง
ที่นั่งกว้างดีเลย ที่พิงหัวนุ่ม จอมีดูหนังฟังเพลง เทคออฟปุ๊บนั่งเป็นหลับ จนอาหารมาเสิร์ฟ มีให้รีเควสล่วงหน้าถ้าต้องชนิดพิเศษ เช่น มัง หรือแพ้อะไรต่างๆ ถ้าเมนูปกติจะมีให้เลือกสองอย่าง รถเข็นน้ำมีน้ำผลไม้ น้ำเปล่า ชากาแฟต่างๆ
ดีเลย์ทำให้เจอช่วงพระอาทิตย์ตก
ออกจาก arrival มามองหา ATM ก่อน เพราะแลกเงินมาแค่ 2000 เหรียญ ตั้งใจมากดเงินที่แลกไว้ด้วย SCB planet ซึ่งมีโปรฟรีค่าธรรมเนียมการกด ในตู้ที่ร่วมรายการ
T2 หันไปก็เจอเลย ตู้ของ megabank กดง่ายๆ มีภาษาให้เลือกเยอะ ภาษาไทยก็มี ข้อควรรู้คือ 1. แลกเงินในบัตรเป็นสกุลที่ต้องการก่อน 2. ดูในแอพว่า ไม่ได้ระงับการใช้งานที่ต่างประเทศ 3. ตั้ง PINบัตรก่อนที่เมืองไทย (ต้องใช้ OTP) 4. กดโดยเลือก account เป็น credit กดง่ายได้จริง
เดินตามป้ายไปยังรถ MRT airport แถวนี้ไม่เจอ family หรือ7-eleven ที่เราจะไปซื้อ easy card เลย มี Hi-life ตรงMRT เลยเอาไว้ก่อน ใช้ VISA แตะเข้าได้เลย แอบเหมือน MRT เมืองไทยเลยนะ
รถขบวนสนามบิน มี2แบบขบวนด่วนที่จอดเฉพาะสถานี (express) และ ทั่วไป commuter แต่จอดชานชาลาเดียวกันให้ดูป้ายข้างรถและป้ายแสดงเวลามาถึงให้ดูได้เลย ชุมทางจากสนามบินเข้าเมืองส่วนมากก็จะไปลงที่ Taipei main station express ใช้เวลา 39 นาที commuter ใช้เวลา 53 นาที เรานั่ง express 150 NT
ทีแรกก็จะไปขึ้นที่ Ximen อยู่หรอก แต่พอนั่งรถไฟมาแล้วมันก็ทุ่มกว่า กว่าจะงมอะไรอีกกลัวรถหมด จึงตัดสินใจไปขึ้นที่ MRT beimen แทน ไม่ต้องเพิ่มเวลาเดินทาง
ลงที่ Taipei main station แต่เดินออกมาจะมีทางเชื่อมไป MRTbeimen ซึ่งสิ่งที่ must buy เลยก็คือ Easy card เนื่องจากรถบัส รับแค่เงินสดกับบัตร ic card เท่านั้น ซึ่งเงินสดจะไม่มีการทอน ไอเราเพิ่งกดตังมาก็มีแต่แบงค์ 1000 จากการดูมา Easy card นี้มีรูปแบบลวดลายแฟนซีมากมาย แต่ทางไปสถานี beimen อันเงียบเหงา มีเพียงลาย basic original ใน Family mart เท่านั้น TTTT
วนไปวนมาเกือบ 2 ทุ่มเลยซื้อมาก่อน ค่าบัตร 100 NT (ขายขาด) และต้องเติมเงินใส่ตามจำนวนที่ต้องการ เดินออก Exit 2 ขึ้นมาเจอป้ายรถเมล์ใหญ่ๆ มีกรอบยืนระบุไว้เลยว่า รถเบอร์ 965 ยืนตรงไหน เราเช็คเวลารถบัสจะมาหรือยังจาก App Taipei bus timetable ซึ่งตรงดีมาก ตอนนั้นรถน่าจะเหลือแค่ไม่กี่เที่ยวสุดท้าย รถหมด 3 ทุ่มกว่า
ซึ่งลงมาจะงงๆ นิดหนึ่ง เพราะไม่มีอะไรเลย มืดๆ เงียบๆ เดินขึ้นไปหน่อยเป็นแฟมิลี่มาร์ท แม้แต่เซเว่นก็ยังไม่เห็นเลย ตอนนั้น เปิด Map ไปหาที่พักก่อน
ที่พักเราคือ CF kite homestay กิจการเดียวกับ jiufen kite museum เริ่มจากลงบันไดข้างป้ายรถเมล์ ลงมาเจอถนน สายเล็กเดินตรอกออกถนนอีกสาย เห็นความโค้งและที่จอดรถ แต่ map พาเราไปไม่ถูกดูแล้วดูอีกก็ไม่เจอ ยืนกดอยู่ที่จอดรถ ปรากฏมีคนไต้หวันผ่านมาถามว่าจะไปไหน พอเอาบ้านเลขที่ให้เขาดู ก็เลยชี้ทางขึ้นไป เป็นซอกข้างตึกเลี้ยวมาเจอหน้าตึกทีปิดสนิทและมืดร้างคน จนปัญญาเลยเติมตังโรมมิ่ง โทรเบอร์ในใบจอง เบอร์ไม่เปิดใช้ ต้องหาใหม่จากเว็บที่พัก เจ้าของค่อยรับ
ความจริงที่พักนี้ เวลา checkin จะถึงแค่ 21.00 แต่ตั้งแต่แรกก็ไม่ชัวร์ว่าจะมาทันไหมเลย request กับที่พักขอ late checkin ถึง 22.00 พอโทรไปคือเราก็พยายามอธิบายว่า เราอยู่หน้าตึก แต่ owner ก็อะไรซักอย่าง คือในโทรศัพท์เราก็ฟังไม่ค่อยออก สุดท้ายเลยบอกว่าอะ อยู่ที่จอดรถ แล้วเราก็เดินลงไปใหม่ซึ่ง จข ก็บอกจะมารับให้อยู่ตรงนั้น
รอสักพักเลย พอมาถึง owner ดูเหนื่อย สาเหตุเนื่องจากว่า แกบอกไหนเราว่าจะมา 4 ทุ่มไง ชั้นเลยเข้าไทเปก่อน เราโทรหาพี่ก็ 21.43 แล้วนะ งมๆ ไปก็ 4 ทุ่มพอดีไงพี่
เค้าก็พาเราขึ้นทางเดิมนั่นแหละ ตึกเดิมที่ปิดร้าง ปรากฏชั้นล่าง 1-2 เป็นพิพิธภัณฑ์ว่าว ที่ปิดไฟมืดเลยไม่เห็นรายละเอียดอะไร และที่พักนั้นอยู่ชั้น 5 น้ำร้อนน้ำเย็นที่นี่จะให้กดจากตู้กลางมีกาน้ำร้อนให้ owner พาเราไปอธิบายการเดินรอบๆ นี้ก่อน แนะนำเส้นทางในนี้ว่างั้น แต่พอเรายังไม่เคยเดิน พูดตรงๆ นึกภาพไม่ออกซักนิด ก็เออออตามพี่เขาไปก่อน
ที่แท้ ตรงล้อบบี้ที่ชั้น 5 ถึงจะเป็นหน้าร้านที่แท้จริงของโฮมสเตย์ เดินออกมาจะเป็นลาน และมีบันไดขึ้นสู่ถนน ทางนี้พอขึ้นมาถึงถนนโค้งแล้ว (ถ้าเดินตามถนนนี้ไป จะเป็นวัด Dian tan จะเลี้ยววัดขึ้นบันไดข้างวัดก็โผล่ตรงป้ายรถเมล์ก็ได้) ก็ขึ้นบันไดไปอีกที ก็จะโผล่ข้างแฟมิลี่ที่เดิม แต่สารภาพว่าตอนนี้ ไม่เห็นว่าตรงไหนคือ Jiufen old steet จริงๆ เลยพับแผนที่จะไปเดิน ถึงเดินก็ปิดหมดแล้วล่ะตอนนั้น4 ทุ่มกว่า
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้