คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 6

สถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิด 19 รายสัปดาห์
ระหว่างวันที่ 18 -24 ธันวาคม 2565
ผู้ป่วยรักษาตัวในโรงพยาบาล (รายสัปดาห์)
จำนวน 2,900 ราย : เฉลี่ยรายวัน จำนวน 414 ราย/วัน
ผู้เสียชีวิต (รายสัปดาห์)
จำนวน 89 ราย : เฉลี่ยรายวัน จำนวน 12 ราย/วัน
---------------------
หายป่วยสะสม 2,498,373 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565)
เสียชีวิตสะสม 11,896 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565)
---------------------
ผู้ป่วยปอดอักเสบ 621 ราย
ผู้ป่วยใส่ท่อช่วยหายใจ 413 ราย
https://web.facebook.com/permalink.php?story_fbid=pfbid035KbhJQgRiJQKTLqug3u1QxApzrznjeHCsnJtnqTASkvmeEue9jirKtEf9XCnF1c2l&id=100068069971811

ประชาชนควรได้รับวัคซีนอย่างน้อย 4 เข็ม เพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกัน โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง 608
หากท่านรับวัคซีนเข็มสุดท้ายนานเกิน 4 เดือน ให้รับวัคซีนเข็มกระตุ้น
ที่มา : กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข
https://web.facebook.com/informationcovid19/posts/pfbid0fPRuwX9Je1UBtBhmDcV7adtoas2kvmVdX1mQoedaKMTxRqj7ofvNu2CMxJbCcWR2l

สธ. เผย วัคซีนโควิดที่มีในไทย กระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ดี ย้ำ !! ฉีดเข็มกระตุ้น หากได้รับวัคซีนเกิน 3 เดือน ไม่ต้องรอรุ่นใหม่
นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า สถานการณ์โรคโควิด 19 ของประเทศไทยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นแบบเริ่มชะลอตัวลง และจะพบการระบาดในลักษณะ Small Wave โดยกลุ่มที่เสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด 19 สูงสุดเป็น กลุ่ม 608 (ร้อยละ 95) ทั้งหมดเป็นผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีนเลย หรือไม่ได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้น หรือได้รับเข็มกระตุ้นนานเกิน 3 เดือน ซึ่งการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันจึงมีความสำคัญ จากกรณีที่มีการกล่าวอ้างผลวิจัยว่า “วัคซีนเข็มกระตุ้นเกิน 3 เข็ม ไม่ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน และไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อ” นั้น ขัดกับข้อเท็จจริงของผลการศึกษาประสิทธิผลการฉีดวัคซีนในประเทศไทยที่พบว่า วัคซีนเข็มที่ 4 สามารถป้องกันการป่วยรุนแรงและเสียชีวิตได้ดีมากกว่าการรับวัคซีนเพียง 3 เข็มมานานหลายเดือน เห็นได้จากอัตราการเสียชีวิต ซึ่งผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีน หรือได้รับวัคซีนมาแล้วเป็นเวลานาน และผู้ที่ได้รับวัคซีนตามกำหนด รวมทั้งเข็มกระตุ้น ส่วนใหญ่อาการไม่รุนแรงเมื่อติดโควิด ดังนั้น เป้าหมายหลักของกระทรวงสาธารณสุขในการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นคือผู้ที่ได้วัคซีน 3 เข็มมาเกิน 4 เดือนแล้ว
ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุข จึงเร่งรณรงค์ฉีดวัคซีนโควิด 19 เพื่อลดการป่วยอาการรุนแรงและเสียชีวิต และเน้นสื่อสารให้ประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง 608 ทราบถึงความสำคัญของการฉีดวัคซีนอย่างน้อยคนละ 4 เข็ม เพื่อเพิ่มระดับภูมิคุ้มกันให้สูงเพียงพอ
ที่มา : กระทรวงสาธารณสุข
https://web.facebook.com/informationcovid19/posts/pfbid032sWvGjmduLVfnVpFAkaMUqSknqCnMaudDYpd259euUrogRpAU3YBiYuteQasQNtfl

อินเดีย เข้ม!!! ผู้เดินทางจากจีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ฮ่องกง และไทย กรอกฟอร์ม Air Suvidha ผ่านระบบออนไลน์ และตรวจ RT-PCR ป้องกันผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่อาจเดินทางมาจากประเทศต้นทาง
สนข. Hindustan Times รายงานอ้างนาย Mansukh Laxman Mandaviya รัฐมนตรีสาธารณสุขของอินเดีย ระบุว่า ตั้งแต่ 24 ธ.ค. 65 เป็นต้นไป บุคคลที่เดินทางจากจีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ฮ่องกง และไทย มายังอินเดีย จะต้องกรอกแบบฟอร์ม Air Suvidha ผ่านระบบออนไลน์ก่อนเดินทาง เพื่อแจ้งสถานะสุขภาพในปัจจุบัน และตรวจหาเชื้อ COVID-19 รูปแบบ RT-PCR ที่สนามบินของอินเดีย หากพบว่าติดเชื้อจะต้องเข้าสู่กระบวนการกักตัว ทั้งนี้ มาตรการดังกล่าวเกิดขึ้นจากความกังวลของอินเดียต่อประเทศข้างต้นที่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งจีนที่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่มากขึ้น ภายหลังจีนผ่อนคลายนโยบาย
ที่มา : สำนักข่าวกรองแห่งชาติ
https://web.facebook.com/informationcovid19/posts/pfbid02qTA48KfRVxKtEozWVv6Lq9rhVrxgiW1Cw5uB7JRQCsDq3nLY5iSkbesFargSzXzfl

ศูนย์ฉีดวัคซีน COVID-19 ณ อาคารกีฬาเวสน์ 1 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) เขตดินแดง
เปิดให้บริการ เดือน มกราคม 2566
เฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์
เวลา 08.00 - 16.00 น.
สำหรับผู้มีอายุ 5 ปีขึ้นไป ทุกสัญชาติ
ผู้ประสงค์รับวัคซีนสามารถเข้ารับบริการได้
โดยจองผ่านแอปฯ QueQ และรับ Walk in
ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ผู้มีโรคประจำตัว 7 กลุ่มโรค และหญิงตั้งครรภ์ควรเข้ารับบริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 เพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน ลดความรุนแรงของอาการและลดการเสียชีวิต
ที่มา : สำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร
https://web.facebook.com/informationcovid19/posts/pfbid02g2896PqR8u5Ucy6hY1gitU2VzpziXscUVzNYZsnrjd1erAH6tqhRXztDwiiTscT7l

เชิญชวนประชาชน และกลุ่ม 608 ฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น “เที่ยวปีใหม่ อุ่นใจ”
น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2566 นี้ คาดว่าจะมีประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาจำนวนมาก ขณะที่สถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทยยังคงพบผู้ป่วยใหม่เพิ่มขึ้น จึงเชิญชวนให้ประชาชน ผู้ที่ได้รับวัคซีนมาแล้วเกิน 4 เดือน ให้มารับวัคซีนเข็มกระตุ้นเพิ่มภูมิคุ้มกัน ก่อนจะถึงเทศกาลปีใหม่ เพื่อป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 และสร้างความอุ่นใจให้คนในครอบครัวและคนรอบข้าง ว่าจะได้รับความปลอดภัย ลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ โดยสามารถเข้ารับวัคซีนที่โรงพยาบาลของรัฐที่อยู่ใกล้บ้าน
ทั้งนี้ กลุ่ม 608 หรือผู้สูงอายุมีอายุ 60 ปีขึ้นไปและผู้มีโรคประจำตัวในกลุ่ม 7 โรค และหญิงตั้งครรภ์ ถือเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง ควรต้องเข้ารับวัคซีนตามเกณฑ์และรับเข็มกระตุ้นเมื่อครบระยะเวลา เพื่อลดอาการป่วยหนักหรือเสียชีวิต หากเกิดการติดเชื้อ โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ที่จะต้องรอรับบุตรหลานในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ หากเกิดการติดเชื้อ การฉีดวัคซีนจะช่วยลดอาการรุนแรงและการเสียชีวิตได้เกือบ 100%
ข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขล่าสุดได้ ระบุว่า กลุ่มผู้ที่เสียชีวิตจากโควิด-19 ขณะนี้คือ กลุ่ม 608 (ร้อยละ 95) และทั้งหมดเป็นผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีนเลย หรือไม่ได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้น หรือได้รับเข็มกระตุ้นนานเกิน 3 เดือน
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ในช่วงเทศกาลปีใหม่มีหลายกิจกรรมที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ไม่ว่าจะเป็น งานเลี้ยงสังสรรค์ กิจกรรมเฉลิมฉลอง กิจกรรมรวมญาติ รวมไปถึงการท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ขอให้ประชาชนใช้ความระมัดระวัง ไม่ประมาท โดยเฉพาะการใกล้ชิดกับผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัวในกลุ่ม 7 โรค และหญิงตั้งครรภ์ ควรป้องกันตนเองด้วยการสวมใส่หน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ในสถานที่แออัด มีคนจำนวนมาก
https://web.facebook.com/NBT2HDTV/posts/pfbid02SWegrTNF1jM4mZ2whhL8oekLK36jfSjo7yR1qTBvZUjnn3XHmUvv6wsnZq4ZNCePl

สถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิด 19 รายสัปดาห์
ระหว่างวันที่ 18 -24 ธันวาคม 2565
ผู้ป่วยรักษาตัวในโรงพยาบาล (รายสัปดาห์)
จำนวน 2,900 ราย : เฉลี่ยรายวัน จำนวน 414 ราย/วัน
ผู้เสียชีวิต (รายสัปดาห์)
จำนวน 89 ราย : เฉลี่ยรายวัน จำนวน 12 ราย/วัน
---------------------
หายป่วยสะสม 2,498,373 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565)
เสียชีวิตสะสม 11,896 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565)
---------------------
ผู้ป่วยปอดอักเสบ 621 ราย
ผู้ป่วยใส่ท่อช่วยหายใจ 413 ราย
https://web.facebook.com/permalink.php?story_fbid=pfbid035KbhJQgRiJQKTLqug3u1QxApzrznjeHCsnJtnqTASkvmeEue9jirKtEf9XCnF1c2l&id=100068069971811

ประชาชนควรได้รับวัคซีนอย่างน้อย 4 เข็ม เพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกัน โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง 608
หากท่านรับวัคซีนเข็มสุดท้ายนานเกิน 4 เดือน ให้รับวัคซีนเข็มกระตุ้น
ที่มา : กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข
https://web.facebook.com/informationcovid19/posts/pfbid0fPRuwX9Je1UBtBhmDcV7adtoas2kvmVdX1mQoedaKMTxRqj7ofvNu2CMxJbCcWR2l

สธ. เผย วัคซีนโควิดที่มีในไทย กระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ดี ย้ำ !! ฉีดเข็มกระตุ้น หากได้รับวัคซีนเกิน 3 เดือน ไม่ต้องรอรุ่นใหม่
นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า สถานการณ์โรคโควิด 19 ของประเทศไทยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นแบบเริ่มชะลอตัวลง และจะพบการระบาดในลักษณะ Small Wave โดยกลุ่มที่เสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด 19 สูงสุดเป็น กลุ่ม 608 (ร้อยละ 95) ทั้งหมดเป็นผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีนเลย หรือไม่ได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้น หรือได้รับเข็มกระตุ้นนานเกิน 3 เดือน ซึ่งการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันจึงมีความสำคัญ จากกรณีที่มีการกล่าวอ้างผลวิจัยว่า “วัคซีนเข็มกระตุ้นเกิน 3 เข็ม ไม่ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน และไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อ” นั้น ขัดกับข้อเท็จจริงของผลการศึกษาประสิทธิผลการฉีดวัคซีนในประเทศไทยที่พบว่า วัคซีนเข็มที่ 4 สามารถป้องกันการป่วยรุนแรงและเสียชีวิตได้ดีมากกว่าการรับวัคซีนเพียง 3 เข็มมานานหลายเดือน เห็นได้จากอัตราการเสียชีวิต ซึ่งผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีน หรือได้รับวัคซีนมาแล้วเป็นเวลานาน และผู้ที่ได้รับวัคซีนตามกำหนด รวมทั้งเข็มกระตุ้น ส่วนใหญ่อาการไม่รุนแรงเมื่อติดโควิด ดังนั้น เป้าหมายหลักของกระทรวงสาธารณสุขในการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นคือผู้ที่ได้วัคซีน 3 เข็มมาเกิน 4 เดือนแล้ว
ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุข จึงเร่งรณรงค์ฉีดวัคซีนโควิด 19 เพื่อลดการป่วยอาการรุนแรงและเสียชีวิต และเน้นสื่อสารให้ประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง 608 ทราบถึงความสำคัญของการฉีดวัคซีนอย่างน้อยคนละ 4 เข็ม เพื่อเพิ่มระดับภูมิคุ้มกันให้สูงเพียงพอ
ที่มา : กระทรวงสาธารณสุข
https://web.facebook.com/informationcovid19/posts/pfbid032sWvGjmduLVfnVpFAkaMUqSknqCnMaudDYpd259euUrogRpAU3YBiYuteQasQNtfl

อินเดีย เข้ม!!! ผู้เดินทางจากจีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ฮ่องกง และไทย กรอกฟอร์ม Air Suvidha ผ่านระบบออนไลน์ และตรวจ RT-PCR ป้องกันผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่อาจเดินทางมาจากประเทศต้นทาง
สนข. Hindustan Times รายงานอ้างนาย Mansukh Laxman Mandaviya รัฐมนตรีสาธารณสุขของอินเดีย ระบุว่า ตั้งแต่ 24 ธ.ค. 65 เป็นต้นไป บุคคลที่เดินทางจากจีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ฮ่องกง และไทย มายังอินเดีย จะต้องกรอกแบบฟอร์ม Air Suvidha ผ่านระบบออนไลน์ก่อนเดินทาง เพื่อแจ้งสถานะสุขภาพในปัจจุบัน และตรวจหาเชื้อ COVID-19 รูปแบบ RT-PCR ที่สนามบินของอินเดีย หากพบว่าติดเชื้อจะต้องเข้าสู่กระบวนการกักตัว ทั้งนี้ มาตรการดังกล่าวเกิดขึ้นจากความกังวลของอินเดียต่อประเทศข้างต้นที่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งจีนที่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่มากขึ้น ภายหลังจีนผ่อนคลายนโยบาย
ที่มา : สำนักข่าวกรองแห่งชาติ
https://web.facebook.com/informationcovid19/posts/pfbid02qTA48KfRVxKtEozWVv6Lq9rhVrxgiW1Cw5uB7JRQCsDq3nLY5iSkbesFargSzXzfl

ศูนย์ฉีดวัคซีน COVID-19 ณ อาคารกีฬาเวสน์ 1 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) เขตดินแดง
เปิดให้บริการ เดือน มกราคม 2566
เฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์
เวลา 08.00 - 16.00 น.
สำหรับผู้มีอายุ 5 ปีขึ้นไป ทุกสัญชาติ
ผู้ประสงค์รับวัคซีนสามารถเข้ารับบริการได้
โดยจองผ่านแอปฯ QueQ และรับ Walk in
ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ผู้มีโรคประจำตัว 7 กลุ่มโรค และหญิงตั้งครรภ์ควรเข้ารับบริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 เพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน ลดความรุนแรงของอาการและลดการเสียชีวิต
ที่มา : สำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร
https://web.facebook.com/informationcovid19/posts/pfbid02g2896PqR8u5Ucy6hY1gitU2VzpziXscUVzNYZsnrjd1erAH6tqhRXztDwiiTscT7l

เชิญชวนประชาชน และกลุ่ม 608 ฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น “เที่ยวปีใหม่ อุ่นใจ”
น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2566 นี้ คาดว่าจะมีประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาจำนวนมาก ขณะที่สถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทยยังคงพบผู้ป่วยใหม่เพิ่มขึ้น จึงเชิญชวนให้ประชาชน ผู้ที่ได้รับวัคซีนมาแล้วเกิน 4 เดือน ให้มารับวัคซีนเข็มกระตุ้นเพิ่มภูมิคุ้มกัน ก่อนจะถึงเทศกาลปีใหม่ เพื่อป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 และสร้างความอุ่นใจให้คนในครอบครัวและคนรอบข้าง ว่าจะได้รับความปลอดภัย ลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ โดยสามารถเข้ารับวัคซีนที่โรงพยาบาลของรัฐที่อยู่ใกล้บ้าน
ทั้งนี้ กลุ่ม 608 หรือผู้สูงอายุมีอายุ 60 ปีขึ้นไปและผู้มีโรคประจำตัวในกลุ่ม 7 โรค และหญิงตั้งครรภ์ ถือเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง ควรต้องเข้ารับวัคซีนตามเกณฑ์และรับเข็มกระตุ้นเมื่อครบระยะเวลา เพื่อลดอาการป่วยหนักหรือเสียชีวิต หากเกิดการติดเชื้อ โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ที่จะต้องรอรับบุตรหลานในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ หากเกิดการติดเชื้อ การฉีดวัคซีนจะช่วยลดอาการรุนแรงและการเสียชีวิตได้เกือบ 100%
ข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขล่าสุดได้ ระบุว่า กลุ่มผู้ที่เสียชีวิตจากโควิด-19 ขณะนี้คือ กลุ่ม 608 (ร้อยละ 95) และทั้งหมดเป็นผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีนเลย หรือไม่ได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้น หรือได้รับเข็มกระตุ้นนานเกิน 3 เดือน
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ในช่วงเทศกาลปีใหม่มีหลายกิจกรรมที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ไม่ว่าจะเป็น งานเลี้ยงสังสรรค์ กิจกรรมเฉลิมฉลอง กิจกรรมรวมญาติ รวมไปถึงการท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ขอให้ประชาชนใช้ความระมัดระวัง ไม่ประมาท โดยเฉพาะการใกล้ชิดกับผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัวในกลุ่ม 7 โรค และหญิงตั้งครรภ์ ควรป้องกันตนเองด้วยการสวมใส่หน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ในสถานที่แออัด มีคนจำนวนมาก
https://web.facebook.com/NBT2HDTV/posts/pfbid02SWegrTNF1jM4mZ2whhL8oekLK36jfSjo7yR1qTBvZUjnn3XHmUvv6wsnZq4ZNCePl
แสดงความคิดเห็น
🇹🇭💛มาลาริน💛🇹🇭โควิดไทยระหว่าง18-24ธ.ค.ป่วยเข้าร.พ.2,900คน เสียชีวิต89คน/หมอ ยง เผยผลวิจัย รับ4เข็มเสียชีวิตน้อยมาก
https://www.thebangkokinsight.com/news/politics-general/covid-19/1014731/
หมอ ยง” เผยผลวิจัย รับ 4 เข็มเสียชีวิตน้อยมาก ยันปัจจุบันอย่างต่ำต้อง 3 เข็ม
หมอ ยง” แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านไวรัสวิทยา ระบุปัจจุบันต้องได้รับวัคซีนอย่างน้อย 3 เข็ม เผยผลการศึกษาเข็ม 4 แทบไม่มีผู้เสียชีวิต
วันนี้ (26 ธ.ค.) เฟซบุ๊ก "Yong Poovorawan" หรือ ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ออกมาโพสต์ข้อความเกี่ยวกับวัคซีนโควิด ชี้ว่า ผู้ที่รับ 3 เข็มขึ้นไปมีอาการเจ็บป่วยหรือเสียชีวิตลดลง ทั้งนี้ “หมอ ยง” ได้ระบุข้อความว่า....👇
“โควิด-19 เราให้วัคซีนเกือบ 2 ปีแล้ว
ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ ชัดเจนอย่างยิ่ง วัคซีนสามารถลดความรุนแรงของโรค ลดการป่วยตายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้
ประสิทธิภาพของวัคซีนจะเกิดขึ้น จะต้องได้วัคซีนอย่างน้อย 3 เข็มขึ้นไป และเมื่อกาลเวลายิ่งห่าง เข็มที่ 4 จึงมีความจำเป็น เพราะระดับภูมิต้านทานลดต่ำตามกาลเวลา
ขณะนี้เราให้วัคซีนไปประมาณ 150 กว่าล้านโดส และยังมีจำนวนมากที่ได้รับวัคซีนไม่ครบ 3 เข็ม
ในทางปฏิบัติไม่ต้องคำนึงถึงผู้ที่เคยติดเชื้อมาก่อนหรือไม่ ขอให้ทุกคนควรได้รับวัคซีนอย่างน้อย 3 เข็ม
ในผู้ที่มีร่างกายอ่อนแอเปราะบาง เช่นนอนติดเตียง สูงอายุมากๆ มีโรคประจำตัวเรื้อรัง โรคไต โรคมะเร็ง โรคปอด โรคหัวใจ หรือกินยากดภูมิต้านทาน ควรได้รับวัคซีนต่อไป จะเป็นเข็ม 4 หรือเข็ม 5 ก็ได้ เพื่อรักษาระดับภูมิต้านทานที่ลดลง ป้องกันความรุนแรงของโรค
ในคนที่แข็งแรงดีเช่นเด็ก หนุ่มสาว จะฉีด 3 เข็มก็ไม่ว่ากัน
จากการศึกษาในสถานการณ์จริงที่เชียงใหม่ และหลายสถานที่ มีข้อมูลชัดเจนอัตราการเสียชีวิตขึ้นอยู่กับจำนวนเข็มของวัคซีนที่ฉีด ในผู้ที่ฉีดวัคซีนครบ 4 เข็ม แทบจะไม่มีผู้ที่เสียชีวิตเลย ตรงข้ามผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่ หรือมีอาการหนัก จะเป็นผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีน หรือได้รับวัคซีนไม่ครบ 3 เข็ม
ในกรณีที่ร่างกายอ่อนแอมากๆ และหรือกินยากดภูมิต้านทาน ภูมิต้านทานสำเร็จรูป LABB ก็มีให้ใช้ในการใช้ป้องกันโรคหรือรักษา โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งที่ค่ายาแพงมาก ขวดละประมาณ 30,000 บาท ถ้าใช้รักษาต้องใช้ถึง 2 ขวด ทางกระทรวงสาธารณสุขจัดให้ฟรีอยู่แล้วในผู้มีข้อบ่งชี้ดังกล่าว
ชีวิตที่ต้องเดินหน้าไปกับโรคโควิด ก็ต้องรู้จักปกป้องตนเองไม่ให้เกิดอันตรายร้ายแรง และเป็นภาระกับระบบสาธารณสุข”
https://mgronline.com/onlinesection/detail/9650000122418
ติดตามข่าวโควิดกันต่อนะคะ....