“แม่เงา” ชื่อนี้เข้ามาในความคิดของผมเมื่อไม่นานมานี้ เป็นชื่อที่ไม่คุ้นหูมากนัก ผมพยายามหาข้อมูลก็พบว่ามันเป็น ลำน้ำแห่งหนึ่งที่อยู่ในจังหวัดแม่ฮ่องสอน จังหวัดที่ขึ้นชื่อว่ามีภูเขาสลับซับซ้อน และธรรมชาติที่สวยงาม หลังจากหาข้อมูลไปอีกผมพบว่าเราสามารถพายเรือไปในลำน้ำแห่งนี้ได้ ผมจินตนาการไปถึงความฝัน ที่จะล่องเรือที่พาตัวเราและอุปกรณ์ยังชีพของเราใส่เรือลำเล็กล่องไปในแม่น้ำ เข้าไปในป่า พอตกค่ำก็หาที่แวะพัก กางเต้นท์ ทำอาหารง่ายๆ นั่งมองดาวอยู่กับสรรพสิ่งรอบตัว ในห้วงนั้นจิตวิญญานของเราคงได้สัมผัสกับความสงบ แม้เป็นช่วงเวลาสั้นๆเพียงใดก็ตาม
เราเริ่มทำจัดการจัดเตรียมอุปกรณ์ ทำการนัดแนะกับชาวบ้านผู้ที่จะนำทางผมและเพื่อนร่วมทางเข้าไปในครั้งนี้ ข้อมูลต่างๆ สามารถหาได้จากเพจ (FB:เส้นทางเดินป่าระยะไกลชุมชนขุนน้ำเงา) ชาวบ้านที่นี้ใจดีและเป็นมิตรมาก
ถึงวันเดินทาง เราออกเดินทางจากกรุงเทพ ในช่วงกลางเดือนธันวาที่อากาศเย็นๆเริ่มผ่านมาให้เราได้สัมผัส ไปยัง อช แม่เงา
อำเภอ สบเมย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ผ่านภูเขาอันสลับซับซ้อน สัญญานโทรศัพท์ที่มาๆหายๆ และความ
เจริญที่ค่อยๆหายไปจากเบิ้องหลังของเรา เวลาประมาณ 5 โมงเย็นกับการเดินทาง 10 ชม ผมก็มาถึง อช. แม่เงา
เราจัดการตระเตรียม กางเต้นท์ ทำอะไรง่ายๆทาน ซึมซับกับความสุขที่อยู่ตรงหน้า เข้านอนพร้อมกับความวังเวงนิดหน่อย
เนื่องจากวันที่เรามาแทบจะไม่มีคนมาพักแรมที่นี้กันเลย
(บรื้นๆๆๆๆๆ เวลาประมาณเที่ยงคืนผมสะดุ้งตื่นเพราะ เสียงรถสิบล้อขนดินที่วิ่งทะลุผ่ากลางถนนของอุทยาน ซึ่งอยู่ห่างจากเต้นท์ผมไม่เกิน 10 ม. ช่างเป็น อช. ที่แปลกประหลาดจริงๆ)
เราตื่นกันเช้า จัดแจงเก็บของออกมาที่จุดนัดพบบริเวณหน้าอุทยาน มาถึงเราพบกับเรือ แคนนูของเราถูกตระเตรียมขึ้นรถไว้แล้ว ความตื่นเต้นของผมเพิ่มมากขึ้นทุกขณะเมื่อพบว่าสิ่งที่เรารอคอย มาสองทิตย์หลังจากการคิดในครั้งนั้น จะเกิดขึ้นแล้ว
ฟืน สิ่งที่ใช้ในการหุงหาอาหาร และให้ความอบอุ่นที่นี้ แม้ตอนนี้จะเป็นศตวรรษใดก็ตาม ความสวยงามของทุกอย่างมีเสมอ ไม่ควรมีใครถูกตัดสินว่าล้าหลัง ใช่หรือไม่
ได้เวลาออกเดินทาง ผมขึ้นนั่งด้านข้างคนขับ รถของเราเดินทางผ่านสะพาน ที่จะเป็นจุดที่เป็นจุดสิ้นสุดการเดินทางของเรา
นั่นหมายเราต้องนั่งรถผ่านเส้นทาง สูงชัน และทุรกันดาร ขึ้นไปตามลำน้ำผ่านหมู่บ้านชาวเขา ประมาณ 50 กิโล ไปที่จุดเริ่มต้น
ระหว่างทาง บทสนทนาต่างๆเกิดขึ้นมากมาย ผมได้เข้าใจถึงความเป็นมาและเป็นไปของที่แห่งนี้ ผู้คนที่นี้ ผ่านมุมมองของคนธรรมดา ที่มีต่อคนธรรมดาคนนึง ช่างเป็นการนั่งรถที่ขรุขระ น่ากลัว และน่าจดจำจริงๆ
หลังจากเวลาผ่านไปประมาณ 2 ชม เรา เดินทางมาถึงบ้านสบโขง เป็นจุดที่เราจะได้เริ่มเข้าไปอยู่ในธรรมชาติกันแล้ว
เริ่มยกเรือลงจากท้ายกระบะ เจ้าแคนูของพวกเราทั้ง 5 ลำ ก็พร้อมจะลงน้ำไปในที่ๆเค้าเก่งที่สุดแล้ว
หลังจากตระเตรียมของลงเรือเสร็จผมก็มาลองเล่น แพไม้ไผ่ของที่นี้ดูสักหน่อย
ฃ
ทุกคนเตรียมตัวกันจนพร้อม เวลาประมาณบ่ายกว่าๆเราก็เริ่มออกเดินทางกัน
เราเริ่มพายกันออกมาได้ไม่นาน เพื่อนร่วมทางของเราก็ล่มบ้าง ลงไปว่ายน้ำกัน บ้างเนื่องจากคุ้งน้ำบางอันค่อนข้างเชี่ยว บวกกับความไม่ชำนาญในการพายเรือแคนู ซึ่งเป็นเรือที่ค่อนข้างเอาใจยากและผยศ พอสมควร
เราทำการช่วยเหลือกันในการกู้เรือ วิดน้ำ ตามเก็บของที่ไหลไปตามน้ำซักพัก ทุกคนก็เริ่มชินกับเรือมากขึ้น
ผ่านมาเจอที่ดักปลาดูแปลกตา คล้ายเป็นการเข้าสู่โลกที่เราไม่คุ้นเคยซักเท่าไหร่
มาจอดรอเพื่อนร่วมทาง เลยถ่ายรูปช๊อตดีๆไว้
เป็นเรือที่ดี แต่ไม่สามารถวางใจได้เลย แค่เผลอนิดเดียวคุณก็ลงไปว่ายอยู่ในน้ำได้แล้ว
การมาอยู่ที่นี้เหมือนกับโลกที่ไร้ผู้คน เราเจอสะพานที่ชาวบ้านใช้สัญจร แต่ก็ยังไม่พบใครเลยตั้งแต่เราออกเรือมา
บรรยากาศยามบ่ายแก่ๆกับเสียงนกร้อง
เวลาประมาณ หกโมงดวงอาทิตย์จากไปแล้ว พวกเรามาถึงที่ ตั้งแค้มป์กันในคืนแรง ด้วยความอ่อนล้า จากแขนที่เกร็งพายเรือจอมพยศตลอดเวลา ทุกคนอาบน้ำกันบริเวณที่เราจอดเรือ ด้วยแสงไฟจากไฟฉายดวงน้อยบนหัว บรรยากาศมืดสนิท กองไฟกองใหญ่ถูกจุดขึ้น ผมเอาเชือกที่เตรียมมาขึงบนราวไม้ที่ถูกทำขึ้นง่าย ข้างๆกองไฟ ทุกคนนำข้าวของที่เปียกปอน จากเรือที่ล่ม ครั้งแล้วครั้งเล่ามา ผึ่งกับไฟอันโชติช่วง เพื่อที่จะได้เอาไปใช้ ให้ควาบอบอุ่นกับตนเองในคืนนี้
ผมตื่นมาในเช้าวันที่ 2 ด้วยความสดชื่น พื้นที่นอนเมื่อคืนนุ่มมากเพราะเป็นการนอนบนทราย เช้านี้หมอกปกคลุมไปทั่วบริเวณ
ช่างเป็น บรรยากาศที่สวยงามและสดชื่น
ตระเตรียมของเตรียมออกเดินทางกัน
เราเริ่มออกเดินทางกัน กับบรรยากาศเย็นๆ เสียง นกร้อง หมอกจางๆ เป็นการเดินทางที่ทุกช่วงเวลาเป็นไฮไลด์ ไม่มีตอนไหนเด่น ด้อย สวยงามหรือน่าเกลียดกว่าเวลาใด
เช่นเดิม ในกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยว เราบางคนก็มีพลาดพลั้งกันบ้าง
เดินทางมาถึงจุดตั้งแคมป์ที่สอง ในเวลาบ่ายแก่ๆ
ที่ตั้งแค้มป์วันนี้สงบและสวยงาม เรามีเวลาค่อนข้างเยอะก่อนฟ้าจะมืดวันนี้ เราบางคนเล่นน้ำ บางคนงีบหลับ บางคนต้มมาม่า
กิน รับบรรยากาศ ความสุขความประทับใจที่เราหยิบยืมจากธรรมชาติรอบตัวในตอนนี้
ผมเริ่มกองก่อไฟของตัวเอง เพื่อให้ความอบอุ่นในคืนนี้
ตื่นเช้ามาเดินสำรวจบริเวณ พบกับแพที่ชาวบ้านใช้ขนถั่วลงมาขาย
วันสุดท้ายเราออกเดินทางกันค่อนข้างสายเพราะเหลือระยะทางอีกไม่ไกล แดดในวันนี้ร้อนมาก เหมือนย้ำเตือนว่าเราจะ ออกไปสู่โลกแห่งความเป็นจริงแล้ว เวลาประมาณเที่ยงเราก็มาถึง อช แม่เงา ผ่าน อช ไปไม่ไกล เราก็มาขึ้นฝั่งกันที่สะพานในตอนแรก จัดแจงเอาของขึ้นรถ และบอกลา แม่เงา ที่ๆให้เราได้มาหลบกาย และแอบอิงท่ามกลางอ้อมกอดของธรรมชาติที่สวยงาม
[CR] ล่องน้ำแม่เงา ในความทรงจำ
เราเริ่มทำจัดการจัดเตรียมอุปกรณ์ ทำการนัดแนะกับชาวบ้านผู้ที่จะนำทางผมและเพื่อนร่วมทางเข้าไปในครั้งนี้ ข้อมูลต่างๆ สามารถหาได้จากเพจ (FB:เส้นทางเดินป่าระยะไกลชุมชนขุนน้ำเงา) ชาวบ้านที่นี้ใจดีและเป็นมิตรมาก
ถึงวันเดินทาง เราออกเดินทางจากกรุงเทพ ในช่วงกลางเดือนธันวาที่อากาศเย็นๆเริ่มผ่านมาให้เราได้สัมผัส ไปยัง อช แม่เงา
อำเภอ สบเมย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ผ่านภูเขาอันสลับซับซ้อน สัญญานโทรศัพท์ที่มาๆหายๆ และความ
เจริญที่ค่อยๆหายไปจากเบิ้องหลังของเรา เวลาประมาณ 5 โมงเย็นกับการเดินทาง 10 ชม ผมก็มาถึง อช. แม่เงา
เราจัดการตระเตรียม กางเต้นท์ ทำอะไรง่ายๆทาน ซึมซับกับความสุขที่อยู่ตรงหน้า เข้านอนพร้อมกับความวังเวงนิดหน่อย
เนื่องจากวันที่เรามาแทบจะไม่มีคนมาพักแรมที่นี้กันเลย
(บรื้นๆๆๆๆๆ เวลาประมาณเที่ยงคืนผมสะดุ้งตื่นเพราะ เสียงรถสิบล้อขนดินที่วิ่งทะลุผ่ากลางถนนของอุทยาน ซึ่งอยู่ห่างจากเต้นท์ผมไม่เกิน 10 ม. ช่างเป็น อช. ที่แปลกประหลาดจริงๆ)
เราตื่นกันเช้า จัดแจงเก็บของออกมาที่จุดนัดพบบริเวณหน้าอุทยาน มาถึงเราพบกับเรือ แคนนูของเราถูกตระเตรียมขึ้นรถไว้แล้ว ความตื่นเต้นของผมเพิ่มมากขึ้นทุกขณะเมื่อพบว่าสิ่งที่เรารอคอย มาสองทิตย์หลังจากการคิดในครั้งนั้น จะเกิดขึ้นแล้ว
ฟืน สิ่งที่ใช้ในการหุงหาอาหาร และให้ความอบอุ่นที่นี้ แม้ตอนนี้จะเป็นศตวรรษใดก็ตาม ความสวยงามของทุกอย่างมีเสมอ ไม่ควรมีใครถูกตัดสินว่าล้าหลัง ใช่หรือไม่
ได้เวลาออกเดินทาง ผมขึ้นนั่งด้านข้างคนขับ รถของเราเดินทางผ่านสะพาน ที่จะเป็นจุดที่เป็นจุดสิ้นสุดการเดินทางของเรา
นั่นหมายเราต้องนั่งรถผ่านเส้นทาง สูงชัน และทุรกันดาร ขึ้นไปตามลำน้ำผ่านหมู่บ้านชาวเขา ประมาณ 50 กิโล ไปที่จุดเริ่มต้น
ระหว่างทาง บทสนทนาต่างๆเกิดขึ้นมากมาย ผมได้เข้าใจถึงความเป็นมาและเป็นไปของที่แห่งนี้ ผู้คนที่นี้ ผ่านมุมมองของคนธรรมดา ที่มีต่อคนธรรมดาคนนึง ช่างเป็นการนั่งรถที่ขรุขระ น่ากลัว และน่าจดจำจริงๆ
หลังจากเวลาผ่านไปประมาณ 2 ชม เรา เดินทางมาถึงบ้านสบโขง เป็นจุดที่เราจะได้เริ่มเข้าไปอยู่ในธรรมชาติกันแล้ว
เริ่มยกเรือลงจากท้ายกระบะ เจ้าแคนูของพวกเราทั้ง 5 ลำ ก็พร้อมจะลงน้ำไปในที่ๆเค้าเก่งที่สุดแล้ว
หลังจากตระเตรียมของลงเรือเสร็จผมก็มาลองเล่น แพไม้ไผ่ของที่นี้ดูสักหน่อย
ฃ
ทุกคนเตรียมตัวกันจนพร้อม เวลาประมาณบ่ายกว่าๆเราก็เริ่มออกเดินทางกัน
เราเริ่มพายกันออกมาได้ไม่นาน เพื่อนร่วมทางของเราก็ล่มบ้าง ลงไปว่ายน้ำกัน บ้างเนื่องจากคุ้งน้ำบางอันค่อนข้างเชี่ยว บวกกับความไม่ชำนาญในการพายเรือแคนู ซึ่งเป็นเรือที่ค่อนข้างเอาใจยากและผยศ พอสมควร
เราทำการช่วยเหลือกันในการกู้เรือ วิดน้ำ ตามเก็บของที่ไหลไปตามน้ำซักพัก ทุกคนก็เริ่มชินกับเรือมากขึ้น
ผ่านมาเจอที่ดักปลาดูแปลกตา คล้ายเป็นการเข้าสู่โลกที่เราไม่คุ้นเคยซักเท่าไหร่
มาจอดรอเพื่อนร่วมทาง เลยถ่ายรูปช๊อตดีๆไว้
เป็นเรือที่ดี แต่ไม่สามารถวางใจได้เลย แค่เผลอนิดเดียวคุณก็ลงไปว่ายอยู่ในน้ำได้แล้ว
การมาอยู่ที่นี้เหมือนกับโลกที่ไร้ผู้คน เราเจอสะพานที่ชาวบ้านใช้สัญจร แต่ก็ยังไม่พบใครเลยตั้งแต่เราออกเรือมา
บรรยากาศยามบ่ายแก่ๆกับเสียงนกร้อง
เวลาประมาณ หกโมงดวงอาทิตย์จากไปแล้ว พวกเรามาถึงที่ ตั้งแค้มป์กันในคืนแรง ด้วยความอ่อนล้า จากแขนที่เกร็งพายเรือจอมพยศตลอดเวลา ทุกคนอาบน้ำกันบริเวณที่เราจอดเรือ ด้วยแสงไฟจากไฟฉายดวงน้อยบนหัว บรรยากาศมืดสนิท กองไฟกองใหญ่ถูกจุดขึ้น ผมเอาเชือกที่เตรียมมาขึงบนราวไม้ที่ถูกทำขึ้นง่าย ข้างๆกองไฟ ทุกคนนำข้าวของที่เปียกปอน จากเรือที่ล่ม ครั้งแล้วครั้งเล่ามา ผึ่งกับไฟอันโชติช่วง เพื่อที่จะได้เอาไปใช้ ให้ควาบอบอุ่นกับตนเองในคืนนี้
ผมตื่นมาในเช้าวันที่ 2 ด้วยความสดชื่น พื้นที่นอนเมื่อคืนนุ่มมากเพราะเป็นการนอนบนทราย เช้านี้หมอกปกคลุมไปทั่วบริเวณ
ช่างเป็น บรรยากาศที่สวยงามและสดชื่น
ตระเตรียมของเตรียมออกเดินทางกัน
เราเริ่มออกเดินทางกัน กับบรรยากาศเย็นๆ เสียง นกร้อง หมอกจางๆ เป็นการเดินทางที่ทุกช่วงเวลาเป็นไฮไลด์ ไม่มีตอนไหนเด่น ด้อย สวยงามหรือน่าเกลียดกว่าเวลาใด
เช่นเดิม ในกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยว เราบางคนก็มีพลาดพลั้งกันบ้าง
เดินทางมาถึงจุดตั้งแคมป์ที่สอง ในเวลาบ่ายแก่ๆ
ที่ตั้งแค้มป์วันนี้สงบและสวยงาม เรามีเวลาค่อนข้างเยอะก่อนฟ้าจะมืดวันนี้ เราบางคนเล่นน้ำ บางคนงีบหลับ บางคนต้มมาม่า
กิน รับบรรยากาศ ความสุขความประทับใจที่เราหยิบยืมจากธรรมชาติรอบตัวในตอนนี้
ผมเริ่มกองก่อไฟของตัวเอง เพื่อให้ความอบอุ่นในคืนนี้
ตื่นเช้ามาเดินสำรวจบริเวณ พบกับแพที่ชาวบ้านใช้ขนถั่วลงมาขาย
วันสุดท้ายเราออกเดินทางกันค่อนข้างสายเพราะเหลือระยะทางอีกไม่ไกล แดดในวันนี้ร้อนมาก เหมือนย้ำเตือนว่าเราจะ ออกไปสู่โลกแห่งความเป็นจริงแล้ว เวลาประมาณเที่ยงเราก็มาถึง อช แม่เงา ผ่าน อช ไปไม่ไกล เราก็มาขึ้นฝั่งกันที่สะพานในตอนแรก จัดแจงเอาของขึ้นรถ และบอกลา แม่เงา ที่ๆให้เราได้มาหลบกาย และแอบอิงท่ามกลางอ้อมกอดของธรรมชาติที่สวยงาม
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้