ผมทำงานให้กับบรษัทแห่งหนึ่ง สัญญาที่เซ็นตอนผ่านทดลองงานระยะแรก(7วัน) คือเงินเดือน Start 15,000 บาท ครบ 3 เดือนปรับเป็น 16,000-16,500 บาท
ช่วงเดือนที่ 3 (ช่วง มี.ค.65) ผมติดโควิด ทำให้ต้องหยุดงาน 10 วัน ซึ่งทางบริษัทหักเงินเดือนผม 10 วันนี้ เป็นมูลค่า 5,000 บาท โดยแจ้งว่าจะจ่ายให้รวมกับเงินเดือนเดือนถัดไป เมื่อได้รับใบรับรองแพทย์แล้ว ซึ่งเงินเดือนเดือนถัดไปก็เพิ่มขึ้น 5,000 บาทจริงตามที่แจ้ง เป็นประมาณ 20,000 บาท
พอจบช่วงเดือนที่ 3 (สิ้นเดือน มี.ค.65) ถึงกำหนดประเมินงาน ทางบริษัทแจ้งว่าผมผลงานไม่ชัดเจน + ติดโควิดส่งผลกระทบกับงาน ขอประเมินอีกครั้งหลังผ่านไปอีก 30 วัน คือยืดการทดลองงานไปอีก 1 เดือน จะประเมินอีกครั้ง
ก่อนจบช่วงเดือนที่ 4 มีการนำเอกสารมาให้เซ็นรับทรายเงินเดือนหลังประเมินอีกครั้ง เห็นตัวเลขผ่านๆคือ 16,500 บาท เราก็ทำใจ ว่าคงได้เท่านี้แหละ ก็ทำงานต่อไป ปรากฏว่า สิ้นเดือนเดือนที่ 4 เงินเดือนเพิ่มขึ้นมา ก็ยังเป็นประมาณ 20,000 บาท ตอนนั้นเราก็แปลกใจ ถามรุ่นที่ในแผนกเค้าก็แสดงความยินดีกับการขึ้นเงินเดือนที่เกินคาดหมายมาก แต่ก็ยังแปลกใจอยู่ดี เลยอยากตรวจสอบว่าเงินเดือนขึ้นจริงไหม หรือว่าโอนผิด แต่ด้วยความที่บริษัทไม่ให้สลิปเงินเดือนกับพนักงาน หากอยากได้พนักงานต้องยื่นหนังสือขอสลิปเงินเดือนเท่านั้น
บวกกับ ช่วงนั้นเป็นช่วงที่หัวหน้าในแผนกลาออก แล้วหาคนมาแทนตำแหน่งไม่ได้หลายเดือน งานของตำแหน่งที่ว่างมันจึงตกมาอยู่ที่เรา งานที่ทำอยู่ตอนนั้นจึงเกิน scope ของตำแหน่งที่สมัครมาแต่แรกเยอะมาก แต่พอทำๆไป งานนอก scope ที่เคยเป็นของคนอื่นแต่เราทำได้ มันก็กลายเป็นของเราไปเลยยาวๆ แต่เราก็สู้เต็มที่ เพราะคิดว่าอย่างน้อยเค้าก็คงเห็นความสามารถเราเลยขึ้นเงินเดือนให้ตั้งขนาดนั้น
หลังจากนั้น เงินเดือนก็เข้าทุกเดือนคือที่ประมาณ 20,000 บาท บวกลบตามอัตราค่าประกันสังคมหลักร้อยซึ่งเราไม่ได้ติดใจอะไร คดิว่ามันคงนิ่งแล้วและนี่แหละเป็นเงินเดือนจริงๆของเรา
ผ่านไปเกือบปี ด้วยปัญหาหลายๆอย่าง ในระบบซึ่งทำงานยากขึ้นเรื่อยๆ คนทยอยกันลาออก แล้วหาคนแทนไม่ได้ ระบบมันเริ่มรวนและงานเริ่มโหลด สร้างแรงกดดันให้คนที่อยู่มากขึ้นเรื่อยๆ มาถึงจุดหนึ่ง เราตัดสินใจที่จะไม่ไปต่อกับที่นี่แล้ว ต่อให้จะได้เงินเดือน 20,000 ก็ตาม
หลังจากยื่นใบลาออกครบ 30 วัน (นับจากวันที่หัวหน้าแผนก เจ้าของบริษัท และนิติกรรับทราบ) เรายุติการทำงานตามที่เขียนไปในใบลาออก แม้เค้าจะไม่ยอมเซ็นอนุมัตลาออกในใบลาออกของเรา แต่ ณ วันนั้นมีคนมาแทนในตำแหน่งของเราแล้วถึง 2 คน และเราทำการส่งมอบงานทั้งหมดที่เป็นข้อมูล และสอนกระบวนการทำงานในตำแหน่งของทั้งสองคนไปแล้วพอประมาณ ก็คิดว่าไม่มีอะไรติดค้างแล้ว
หลังจากออกมาได้ประมาณ 1 อาทิตย์ น้องนิติกรที่ทำควบตำแหน่ง HR แจ้งว่าทางบริษัทโอนเงินเดือนให้ผมเกินเป็นยอด 5,500 บาท/เดือน เพราะลืมเอาค่าชดเชยโควิด 10 วันที่ได้ตั้งแต่เดือน มี.ค. ออกจากรายการ ทั้งสิ้น 8 เดือน รวมเป็นเงิน 44,000 บาท ทางบริษัทจะหักจากเงินเดือนเดือนสุดท้ายและเงินประกันของเราทั้งหมด ยังเหลือที่เราต้องจ่ายให้บริษัทเพิ่มอีก 23,000 บาท เราก็ตกใจ น้องบอกว่าตามเอกสาร บริษัทประเมินเงินเดือนสุดท้ายให้ผมที่ 15,000 บาท เท่านั้น
เรายอมรับ ว่าเราผิดเอง ที่คิดไปเองว่าเค้าเพิ่มเงินเดือนให้จากแทนที่จะได้ 16,500 บาท เป็น 20,000 เพราะงานที่เราทำมันเกินภาระของตำแหน่งไปเยอะมาก โดยที่ไม่มีเอกสารอะไรรับรองเลย ถ้าเป็นกรณีปกติ เข้าใจว่าทากฏหมายน่าจะนับเป็นลาภอันมิควรได้ ต้องคืน
แต่ทางบริษัทมีท่าทีกำกวมมาตั้งแต่ต้น ไม่แจ้งอย่างชัดเจนว่าประเมินเงินเดือนหลังทดลองงานให้ผมเท่านี้ ซึ่งถ้าผมรู้ชัดเจน ผมคงขอลาออกตั้งแต่เดือนที่ 4 แล้ว เพราะงานมันหนัก และเกินขอบเขตของตำแหน่งไปมากจริงๆ ยอมทำเพราะคิดว่าได้เงินเดือน 20,000 ตามยอดที่เข้าในบัญชีมาทุกเดือนๆ สุดท้ายมาบอกว่าเงินเดือนจริงๆ ได้แค่ 15,000 ตามเงินเดือน Start มาตลอด 1 ปี ส่วนที่เกินมาขอเรียกคืนเป็นหนี้ก้อนโต ขนาดลาออกตอนครบปี ยังได้หนี้ 44,000 นี่ถ้าทำไปเรื่อยๆ 2ปี 3ปี คงมีหนี้ติดตัวเป็นแสนแบบงงๆ
อยากรู้ว่าเพื่อนๆคิดยังไง และผมควรทำยังไงต่อไปครับ เครียดมาก ผมตัวคนเดียว มีภาระที่บ้านที่ต้องส่ง พยายามเก็บเงินมาตลอดหลายเดือนที่ผ่านมายังเก็บไม่ค่อยได้เลย พอลาออกต้องมาเป็นหนี้อีก
ถ้าพอจะมีหนทางที่ผมพอจะทำอะไรได้ขอคำแนะนำหน่อยครับ แต่ถ้าไม่ได้แล้วจริงๆ ต้องคืน ผมก็คงต้องทำตามนั้น และจะขอเผยแพร่เรื่องนี้ให้เป็นอุทหรณ์ให้กับเด็กๆจบใหม่ที่กำลังหางานทำอยู่ตอนนี้ด้วยครับ
รู้สึกเหมือนว่าตัวเองโดนนายจ้างหลอก
ช่วงเดือนที่ 3 (ช่วง มี.ค.65) ผมติดโควิด ทำให้ต้องหยุดงาน 10 วัน ซึ่งทางบริษัทหักเงินเดือนผม 10 วันนี้ เป็นมูลค่า 5,000 บาท โดยแจ้งว่าจะจ่ายให้รวมกับเงินเดือนเดือนถัดไป เมื่อได้รับใบรับรองแพทย์แล้ว ซึ่งเงินเดือนเดือนถัดไปก็เพิ่มขึ้น 5,000 บาทจริงตามที่แจ้ง เป็นประมาณ 20,000 บาท
พอจบช่วงเดือนที่ 3 (สิ้นเดือน มี.ค.65) ถึงกำหนดประเมินงาน ทางบริษัทแจ้งว่าผมผลงานไม่ชัดเจน + ติดโควิดส่งผลกระทบกับงาน ขอประเมินอีกครั้งหลังผ่านไปอีก 30 วัน คือยืดการทดลองงานไปอีก 1 เดือน จะประเมินอีกครั้ง
ก่อนจบช่วงเดือนที่ 4 มีการนำเอกสารมาให้เซ็นรับทรายเงินเดือนหลังประเมินอีกครั้ง เห็นตัวเลขผ่านๆคือ 16,500 บาท เราก็ทำใจ ว่าคงได้เท่านี้แหละ ก็ทำงานต่อไป ปรากฏว่า สิ้นเดือนเดือนที่ 4 เงินเดือนเพิ่มขึ้นมา ก็ยังเป็นประมาณ 20,000 บาท ตอนนั้นเราก็แปลกใจ ถามรุ่นที่ในแผนกเค้าก็แสดงความยินดีกับการขึ้นเงินเดือนที่เกินคาดหมายมาก แต่ก็ยังแปลกใจอยู่ดี เลยอยากตรวจสอบว่าเงินเดือนขึ้นจริงไหม หรือว่าโอนผิด แต่ด้วยความที่บริษัทไม่ให้สลิปเงินเดือนกับพนักงาน หากอยากได้พนักงานต้องยื่นหนังสือขอสลิปเงินเดือนเท่านั้น
บวกกับ ช่วงนั้นเป็นช่วงที่หัวหน้าในแผนกลาออก แล้วหาคนมาแทนตำแหน่งไม่ได้หลายเดือน งานของตำแหน่งที่ว่างมันจึงตกมาอยู่ที่เรา งานที่ทำอยู่ตอนนั้นจึงเกิน scope ของตำแหน่งที่สมัครมาแต่แรกเยอะมาก แต่พอทำๆไป งานนอก scope ที่เคยเป็นของคนอื่นแต่เราทำได้ มันก็กลายเป็นของเราไปเลยยาวๆ แต่เราก็สู้เต็มที่ เพราะคิดว่าอย่างน้อยเค้าก็คงเห็นความสามารถเราเลยขึ้นเงินเดือนให้ตั้งขนาดนั้น
หลังจากนั้น เงินเดือนก็เข้าทุกเดือนคือที่ประมาณ 20,000 บาท บวกลบตามอัตราค่าประกันสังคมหลักร้อยซึ่งเราไม่ได้ติดใจอะไร คดิว่ามันคงนิ่งแล้วและนี่แหละเป็นเงินเดือนจริงๆของเรา
ผ่านไปเกือบปี ด้วยปัญหาหลายๆอย่าง ในระบบซึ่งทำงานยากขึ้นเรื่อยๆ คนทยอยกันลาออก แล้วหาคนแทนไม่ได้ ระบบมันเริ่มรวนและงานเริ่มโหลด สร้างแรงกดดันให้คนที่อยู่มากขึ้นเรื่อยๆ มาถึงจุดหนึ่ง เราตัดสินใจที่จะไม่ไปต่อกับที่นี่แล้ว ต่อให้จะได้เงินเดือน 20,000 ก็ตาม
หลังจากยื่นใบลาออกครบ 30 วัน (นับจากวันที่หัวหน้าแผนก เจ้าของบริษัท และนิติกรรับทราบ) เรายุติการทำงานตามที่เขียนไปในใบลาออก แม้เค้าจะไม่ยอมเซ็นอนุมัตลาออกในใบลาออกของเรา แต่ ณ วันนั้นมีคนมาแทนในตำแหน่งของเราแล้วถึง 2 คน และเราทำการส่งมอบงานทั้งหมดที่เป็นข้อมูล และสอนกระบวนการทำงานในตำแหน่งของทั้งสองคนไปแล้วพอประมาณ ก็คิดว่าไม่มีอะไรติดค้างแล้ว
หลังจากออกมาได้ประมาณ 1 อาทิตย์ น้องนิติกรที่ทำควบตำแหน่ง HR แจ้งว่าทางบริษัทโอนเงินเดือนให้ผมเกินเป็นยอด 5,500 บาท/เดือน เพราะลืมเอาค่าชดเชยโควิด 10 วันที่ได้ตั้งแต่เดือน มี.ค. ออกจากรายการ ทั้งสิ้น 8 เดือน รวมเป็นเงิน 44,000 บาท ทางบริษัทจะหักจากเงินเดือนเดือนสุดท้ายและเงินประกันของเราทั้งหมด ยังเหลือที่เราต้องจ่ายให้บริษัทเพิ่มอีก 23,000 บาท เราก็ตกใจ น้องบอกว่าตามเอกสาร บริษัทประเมินเงินเดือนสุดท้ายให้ผมที่ 15,000 บาท เท่านั้น
เรายอมรับ ว่าเราผิดเอง ที่คิดไปเองว่าเค้าเพิ่มเงินเดือนให้จากแทนที่จะได้ 16,500 บาท เป็น 20,000 เพราะงานที่เราทำมันเกินภาระของตำแหน่งไปเยอะมาก โดยที่ไม่มีเอกสารอะไรรับรองเลย ถ้าเป็นกรณีปกติ เข้าใจว่าทากฏหมายน่าจะนับเป็นลาภอันมิควรได้ ต้องคืน
แต่ทางบริษัทมีท่าทีกำกวมมาตั้งแต่ต้น ไม่แจ้งอย่างชัดเจนว่าประเมินเงินเดือนหลังทดลองงานให้ผมเท่านี้ ซึ่งถ้าผมรู้ชัดเจน ผมคงขอลาออกตั้งแต่เดือนที่ 4 แล้ว เพราะงานมันหนัก และเกินขอบเขตของตำแหน่งไปมากจริงๆ ยอมทำเพราะคิดว่าได้เงินเดือน 20,000 ตามยอดที่เข้าในบัญชีมาทุกเดือนๆ สุดท้ายมาบอกว่าเงินเดือนจริงๆ ได้แค่ 15,000 ตามเงินเดือน Start มาตลอด 1 ปี ส่วนที่เกินมาขอเรียกคืนเป็นหนี้ก้อนโต ขนาดลาออกตอนครบปี ยังได้หนี้ 44,000 นี่ถ้าทำไปเรื่อยๆ 2ปี 3ปี คงมีหนี้ติดตัวเป็นแสนแบบงงๆ
อยากรู้ว่าเพื่อนๆคิดยังไง และผมควรทำยังไงต่อไปครับ เครียดมาก ผมตัวคนเดียว มีภาระที่บ้านที่ต้องส่ง พยายามเก็บเงินมาตลอดหลายเดือนที่ผ่านมายังเก็บไม่ค่อยได้เลย พอลาออกต้องมาเป็นหนี้อีก
ถ้าพอจะมีหนทางที่ผมพอจะทำอะไรได้ขอคำแนะนำหน่อยครับ แต่ถ้าไม่ได้แล้วจริงๆ ต้องคืน ผมก็คงต้องทำตามนั้น และจะขอเผยแพร่เรื่องนี้ให้เป็นอุทหรณ์ให้กับเด็กๆจบใหม่ที่กำลังหางานทำอยู่ตอนนี้ด้วยครับ