ควันหลงไปดูงานมอเตอร์โชว์ ครั้งนี้ ต้องบอกเลยว่าคนเยอะมาก และคิดว่าตัวเองไปงานเร็วพอสมควรแล้ว (บ่าย 1) งานเปิดเที่ยงตรง และ เป็นวันธรรมดาแต่กว่าจะจอดรถได้ก็ไปชั้นสูงๆ แล้ว บ่นพอเป็นพิธีเสร็จแล้วก็มาลุยกันต่อ งานรอบนี้ก็เหมือนทุกปีที่มีรถหลากหลายเข้ามาให้ดู แต่ที่ผมสนใจจะไปดูและหลายคนคงคิดเหมือนกันคือ ไปดูรถ EV ที่หลายๆ ค่ายขนมาโชว์ แม้ว่าในวันนั้นช่วงเช้าจะตื่นเต้นกับการเปิดตัวของ Tesla ที่เปิดตัวที่ราคาออกมาต่ำกว่านำเข้าเกินครึ่ง และอีกสิ่งนึงที่ผมสนใจและคาดหวังว่าในงานนี้จะมีก็คือรถ Mini Truck ที่พ่อค้าแม่ค้าเริ่มนิยมกันสำหรับเอาไปเปิดร้านค้าขายอาหารเครื่องดื่ม
รอบนี้ผมก็เดินชมรถต่างๆ หลายค่ายแล้วก็มาดูรถที่เราสนใจจริงๆ นั่นก็คือรถ Mini Truck ว่ามีค่ายไหนเอามาให้ชมบ้าง วันนั้นที่เจอหลักๆ มีแค่ 2 ค่าย คือ Mine by E@ anywhere (เห็นในงานเค้าเขียนงี้) กับ อีกค่ายคือ Suzuki มีแค่ 2 ค่าย ในใจก็คิดว่าไม่มีเจ้าอื่นเข้ามาเล่นตลาดนี้กันเลยหรอ มีแค่ 2 ค่ายแค่เนี่ยะ โอเคร ก็เลยถ่ายรูปมาพอสมควรเพื่อการพิจารณาในการเลือกซื้อ
ขอรีวิวเจ้าแรกก่อน Mine by E@ anywhere หรือ จากบริษัท EA พลังงานบริสุทธิ์ ที่เป็นบริษัททำพลังงานทางเลือก (กลับมาหาข้อมูลเพิ่มเติม)
สเปกของรถ Mine โดยสังเขป
เป็นรถไฟฟ้า 100%
ระยะทางวิ่งได้ 210 กม. ต่อการชาร์จเต็ม ชาร์จเต็มใช้เวลา 5 ชม. รองรับชาร์จเร็ว DC Ultra fast charge Max. 70 kW (15 นาที วิ่งได้ 100 กม.)
แบตเตอรี่ Lithium-ion (NMC) ความจุ 30 kWh
บรรทุกหนักได้ 1,000 กก. หรือ 1 ตัน
ใต้ท้องรถช่วงแบตเตอรี่สูง 360 มม. (อันนี้ส่วนตัวชอบ มันสูงดีเหมาะกับกันน้ำท่วมบ้านเรา)
ส่วนสมรรถนะระบบขับเคลื่อน
ขับเคลื่อนล้อหลัง มอเตอร์บนเพลา
ระบบเกียร์ Single Speed
กำลังสูงสุด 200 นิวตัน-เมตร
ความเร็วสูงสุด 100 กม./ชม.
โหมดการขับขี่ได้ 2 โหมด Drive คือ Normal และ แบบ Eco
โดยภายนอกตัวรถดูใหญ่โอ่อ่าพอตัวเลยครับ โดยในงานมีรถพร้อมที่ตกแต่งมาเป็นตัวอย่างแค่ 3 แบบ
แต่สามารถตกแต่งได้หลายแบบตามในรูปเพิ่มเติมจากใน Line ที่แอดไป
รีวิวกันต่อในส่วนภายนอกและภายใน
ไฟหน้าดูสวยงามหน้าตาน่ารัก ตัวรถวัสดุแข็งแรงพอสมควร หัวชาร์จแบบ CCS2 ที่สะดวกต่อการชาร์จ สามารถหาชาร์จตามสถานีทั่วไปได้ เพราะหัวชาร์จแบบ AC และ DC ในหัวเดียวกันทำให้ง่ายต่อการเลือกใช้กับที่เสียบชาร์ทตามสถานี
รถยกสูงจากพื้นพอสมควร ลดความเสี่ยงน้ำท่วมที่เกิดบ่อยในบ้านเรา
แผงคอนโทรลตรงกลางถามพนักงานแจ้งว่าเป็นระบบ Android ไม่ได้เปิดทดลองจริงไม่รู้ว่าเป็นใช้อะไรได้บ้าง ส่วนที่เป็นคอนโทรลหน้าก็โชว์เรื่องทั่วไป พวกเกจวัดน้ำมัน, วัดความเร็ว อันนี้ก็ไม่ได้เปิดโชว์เช่นกัน
รูปแบบการสตาร์ทเครื่องเป็นระบบกุญแจ
แอร์เป็นระบบปรับอุณหภูมิ อัตโนมัติ มีช่องเสียบ USB type A มาให้ 2 ช่อง มีลำโพงมาให้ 2 ตัว คิดว่าน่าจะพอเหมาะกับรถบรรทุกแล้ว
ส่วนเกียร์เป็นแบบปุ่มกดสมัยใหม่แบบรถ EV ใช้กัน มีที่วางแก้วน้ำ 2 แก้วตรงกลางและวางของได้เล็กน้อยเหนือเบรกมือ
ส่วนเบาะคิดว่าเบาะนุ่มกว่า Mini Truck ของอีกเจ้า นั่งสบายเหมาะกับการขับขี่ระยะสั้นก็ได้ระยะไกลก็ได้
มาดูส่วนของกระบะหลัง มีพื้นที่ใช้สอยเยอะพอสมควรเข้าไปยืน หันซ้ายขวาได้คล่องตัว
รีวิวที่ดีต้องมีราคา ตัวรถมีทั้งหมด 2 ราคาด้วยกัน
รุ่นสีมาตรฐานราคา 748,500 บาท
รุ่นสี Pastel edition ราคา 766,500 บาท
ส่วนการบริการหลังการขาย ถามพี่พนักงาน สามารถเข้าศูนย์บริการ Cockpit ได้ทั่วประเทศ อย่างนี้สิแหล่มไม่ใช่ต้องมานั่งกังวลว่าเสียแล้วซ่อมไหน หรือเช็คสภาพที่ไหนได้บ้าง
ปิดท้ายบูทนี้ตอนนั้นไปได้จังหวะ เค้ามีกิจกรรมให้เข้าร่วมพอดี ก็จัดเลย เข้าร่วมกิจกรรมกับเค้าสักหน่อย ได้แก้วน้ำมา 1 ใบ
เรามาดู Mini Truck ของอีกยี่ห้อ Suzaki
โดยรถเจ้านี้เป็นรถใช้น้ำมัน
สเปกรถตัวนี้
จำนวนที่นั่ง 2 คน
ความจุถังน้ำมัน 43 ลิตร
น้ำหนักบรรทุก 945 กิโลกรัม เกือบ 1 ตัน
เครื่องยนต์ 1,462 ซีซี
ขับเคลื่อน 2 ล้อ
ระบบเกียร์ Manual แบบเกียร์กระปุกทั่วไปเลย
ระบบเครื่องเสียง เครื่องเล่นวิทยุ และ MP3 ลำโพง 2 ตำแหน่ง มีระบบแอร์มาให้ 4 จุด แผงคอนโทรลก็เหมือนรถปกติไว้แจ้งเตือนทั่วไป
นั่งได้ 2 ที่นั่ง เบาะบางและแข็งไปหน่อย
รีวิวที่ดีต้องมีราคาอีกเช่นเคย โดยรวมจะมีราคาอยู่ที่ 670,000 บาท
เปรียบเทียบความคุ้มค่า
จากตารางก็พอจะเห็นภาพ
เท่าที่ดูมาวันนี้ที่น่าสนใจก็คือรถ EV ของ Mine by E@ anywhere ที่ตอนนี้ค่ายรถต่างๆ ที่เล่นตลาด Mini Truck มีไม่กี่รายในตอนนี้ และ มี Mine เป็นค่ายเดียวที่เป็นรถ EV สำหรับ Mini Truck หากใครต้องการประหยัดเติมเชื้อเพลิงครั้งนึงสบายกระเป๋า หรือรักโลก อยากเพื่อที่จะลดมลพิษทางอากาศลง Mine By E@ anywhere ก็เป็นรถที่น่าสนใจ
ยลโฉม Mini Truck ไฟฟ้า จากงานมอเตอร์โชว์
รอบนี้ผมก็เดินชมรถต่างๆ หลายค่ายแล้วก็มาดูรถที่เราสนใจจริงๆ นั่นก็คือรถ Mini Truck ว่ามีค่ายไหนเอามาให้ชมบ้าง วันนั้นที่เจอหลักๆ มีแค่ 2 ค่าย คือ Mine by E@ anywhere (เห็นในงานเค้าเขียนงี้) กับ อีกค่ายคือ Suzuki มีแค่ 2 ค่าย ในใจก็คิดว่าไม่มีเจ้าอื่นเข้ามาเล่นตลาดนี้กันเลยหรอ มีแค่ 2 ค่ายแค่เนี่ยะ โอเคร ก็เลยถ่ายรูปมาพอสมควรเพื่อการพิจารณาในการเลือกซื้อ
ขอรีวิวเจ้าแรกก่อน Mine by E@ anywhere หรือ จากบริษัท EA พลังงานบริสุทธิ์ ที่เป็นบริษัททำพลังงานทางเลือก (กลับมาหาข้อมูลเพิ่มเติม)
เป็นรถไฟฟ้า 100%
ระยะทางวิ่งได้ 210 กม. ต่อการชาร์จเต็ม ชาร์จเต็มใช้เวลา 5 ชม. รองรับชาร์จเร็ว DC Ultra fast charge Max. 70 kW (15 นาที วิ่งได้ 100 กม.)
แบตเตอรี่ Lithium-ion (NMC) ความจุ 30 kWh
บรรทุกหนักได้ 1,000 กก. หรือ 1 ตัน
ใต้ท้องรถช่วงแบตเตอรี่สูง 360 มม. (อันนี้ส่วนตัวชอบ มันสูงดีเหมาะกับกันน้ำท่วมบ้านเรา)
ส่วนสมรรถนะระบบขับเคลื่อน
ขับเคลื่อนล้อหลัง มอเตอร์บนเพลา
ระบบเกียร์ Single Speed
กำลังสูงสุด 200 นิวตัน-เมตร
ความเร็วสูงสุด 100 กม./ชม.
โหมดการขับขี่ได้ 2 โหมด Drive คือ Normal และ แบบ Eco
รูปแบบการสตาร์ทเครื่องเป็นระบบกุญแจ
ส่วนเกียร์เป็นแบบปุ่มกดสมัยใหม่แบบรถ EV ใช้กัน มีที่วางแก้วน้ำ 2 แก้วตรงกลางและวางของได้เล็กน้อยเหนือเบรกมือ
รีวิวที่ดีต้องมีราคา ตัวรถมีทั้งหมด 2 ราคาด้วยกัน
รุ่นสีมาตรฐานราคา 748,500 บาท
รุ่นสี Pastel edition ราคา 766,500 บาท
ส่วนการบริการหลังการขาย ถามพี่พนักงาน สามารถเข้าศูนย์บริการ Cockpit ได้ทั่วประเทศ อย่างนี้สิแหล่มไม่ใช่ต้องมานั่งกังวลว่าเสียแล้วซ่อมไหน หรือเช็คสภาพที่ไหนได้บ้าง
ปิดท้ายบูทนี้ตอนนั้นไปได้จังหวะ เค้ามีกิจกรรมให้เข้าร่วมพอดี ก็จัดเลย เข้าร่วมกิจกรรมกับเค้าสักหน่อย ได้แก้วน้ำมา 1 ใบ
เรามาดู Mini Truck ของอีกยี่ห้อ Suzaki
โดยรถเจ้านี้เป็นรถใช้น้ำมัน
จำนวนที่นั่ง 2 คน
ความจุถังน้ำมัน 43 ลิตร
น้ำหนักบรรทุก 945 กิโลกรัม เกือบ 1 ตัน
เครื่องยนต์ 1,462 ซีซี
ขับเคลื่อน 2 ล้อ
ระบบเกียร์ Manual แบบเกียร์กระปุกทั่วไปเลย
เท่าที่ดูมาวันนี้ที่น่าสนใจก็คือรถ EV ของ Mine by E@ anywhere ที่ตอนนี้ค่ายรถต่างๆ ที่เล่นตลาด Mini Truck มีไม่กี่รายในตอนนี้ และ มี Mine เป็นค่ายเดียวที่เป็นรถ EV สำหรับ Mini Truck หากใครต้องการประหยัดเติมเชื้อเพลิงครั้งนึงสบายกระเป๋า หรือรักโลก อยากเพื่อที่จะลดมลพิษทางอากาศลง Mine By E@ anywhere ก็เป็นรถที่น่าสนใจ