คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 13
สธ.ร่วมมือบริษัทเอกชน เปิดจุด Walk-in ฉีดวัคซีนโควิด ประชาชนอายุตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไป
ตั้งแต่วันนี้ – 26 ธ.ค. 65 เวลา 10.00 น. – 18.00 น.
ณ สยามพารากอน และ ไอคอนสยาม เพิ่มภูมิคุ้มกัน ข้ามผ่านปีใหม่ปลอดภัย
ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ประธานเปิดกิจกรรมโครงการ “สยามรวมใจ เติมความสุข เติมภูมิคุ้มกัน” กล่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์โควิด 19 ของไทยมีแนวโน้มพบผู้ป่วยเพิ่มขึ้น กระทรวงสาธารณสุขจึงเร่งรณรงค์ฉีดวัคซีนโควิด 19 เพื่อลดอาการป่วยรุนแรงและเสียชีวิต ประกอบกับช่วงนี้ประชาชนมีความต้องการรับวัคซีนเพิ่มขึ้นเพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันและมีกิจกรรมช่วงเทศกาลปีใหม่อย่างปลอดภัย โดยกิจกรรมนี้เป็นความร่วมมือของภาครัฐและเอกชนในการเปิดหน่วยบริการฉีดวัคซีนนอกสถานพยาบาล ภายใต้โครงการ สยามรวมใจเติมความสุข เติมภูมิคุ้มกัน เพื่ออำนวยความสะดวกในการฉีดวัคซีนโควิด 19 เข็มกระตุ้นให้แก่ประชาชนทั่วไป และสื่อสารให้ประชาชนทราบถึงความสำคัญของการฉีดวัคซีนอย่างน้อยคนละ 4 เข็ม เพื่อเพิ่มระดับภูมิคุ้มกันให้สูงพอ โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง 608 จำเป็นต้องได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นตามระยะเวลาที่กำหนด เพื่อช่วยลดความสูญเสียที่อาจจะเกิดขึ้น
สำหรับความร่วมมือกับภาคเอกชนครั้งนี้ มีกรมควบคุมโรคเป็นหน่วยงานกลางจัดสรรวัคซีนทั้งไฟเซอร์และแอสตร้าเซนเนกาให้บริการประชาชนฟรี โดยเปิดหน่วยบริการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นนอกสถานพยาบาลให้กับประชาชนอายุตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไป ณ ห้องประชุม 10 ทรูไอคอนฮอลล์ ชั้น 7 ไอคอนสยาม และห้องประชุม 5-6 รอยัล พารากอน ฮอลล์ ชั้น 5 ศูนย์การค้าสยามพารากอน ฝั่งนอร์ท เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชน สามารถ Walk-in เพื่อรับบริการฉีดวัคซีนได้ทุกวัน เวลา 10.00 น. – 18.00 น. ตั้งแต่วันนี้ – 26 ธันวาคม 2565 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่ call center ไอคอนสยาม โทร 1338 และสยามพารากอน โทร 02-610-8333
ที่มา : กระทรวงสาธารณสุข
https://web.facebook.com/informationcovid19/posts/pfbid03qkzk9RHqXveASuWHBicbpbH8stLdgKf3uAtCrcUdhjFuTwc8PEof7adRvBnW8tBl
สธ. เตรียมพร้อมรับมือ "โรคโปลิโอ" หลังพบผู้ป่วยเพิ่มขึ้น 22 ประเทศ
ย้ำ !! เร่งรัดให้วัคซีนในเด็กอย่างครอบคลุม
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ขณะนี้เริ่มมีรายงานพบผู้ป่วยโรคโปลิโอซึ่งทำให้เกิดอาการกล้ามเนื้ออ่อนปวกเปียกเฉียบพลันในหลายประเทศ หลังจากไม่พบผู้ป่วยโรคนี้มาเป็นระยะเวลานานหลายปี ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขกำลังจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพราะเป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวังลำดับที่ 21 ตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 โดยมีรายงานพบผู้ป่วยโปลิโอสายพันธุ์ธรรมชาติ จำนวน 30 ราย ในปากีสถาน อัฟกานิสถาน และโมซัมบิก และผู้ป่วยโปลิโอสายพันธุ์วัคซีนกลายพันธุ์ จำนวน 577 ราย ใน 22 ประเทศ รวมถึงอินโดนีเซียที่พบผู้ป่วย 4 รายทำให้ประเทศไทยต้องเร่งรัดการดำเนินงานเพื่อเตรียมความพร้อมรับมือ แม้ว่าเราจะไม่มีผู้ป่วยโรคโปลิโอมานานกว่า 25 ปีแล้ว โดยรายสุดท้ายคือในปี 2540
ทั้งนี้ คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ เห็นชอบข้อเสนอมาตรการเร่งรัดเตรียมพร้อมรับมือความเสี่ยงการระบาดของโรคโปลิโอในต่างประเทศ หลังพบผู้ป่วยโปลิโอเพิ่มขึ้นใน 22 ประเทศ ย้ำเร่งรัดให้วัคซีนในเด็กอย่างครอบคลุม พร้อมแต่งตั้งอนุกรรมการขับเคลื่อนการกวาดล้างโรคโปลิโอ หัด และหัดเยอรมัน และเห็นชอบยกเว้นค่าใช้จ่ายออกหนังสือรับรองวัคซีนโควิดแบบอิเล็กทรอนิกส์ ปี 2566
ที่มา : กระทรวงสาธารณสุข
https://web.facebook.com/informationcovid19/posts/pfbid02qmq6r3AUtviqSYwVf6GdN7o9RZEV6dMpgX5rKXg3Nr76nzQFR7uu5FS9U76ZGMHfl
สธ.ร่วมมือบริษัทเอกชน เปิดจุด Walk-in ฉีดวัคซีนโควิด ประชาชนอายุตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไป
ตั้งแต่วันนี้ – 26 ธ.ค. 65 เวลา 10.00 น. – 18.00 น.
ณ สยามพารากอน และ ไอคอนสยาม เพิ่มภูมิคุ้มกัน ข้ามผ่านปีใหม่ปลอดภัย
ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ประธานเปิดกิจกรรมโครงการ “สยามรวมใจ เติมความสุข เติมภูมิคุ้มกัน” กล่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์โควิด 19 ของไทยมีแนวโน้มพบผู้ป่วยเพิ่มขึ้น กระทรวงสาธารณสุขจึงเร่งรณรงค์ฉีดวัคซีนโควิด 19 เพื่อลดอาการป่วยรุนแรงและเสียชีวิต ประกอบกับช่วงนี้ประชาชนมีความต้องการรับวัคซีนเพิ่มขึ้นเพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันและมีกิจกรรมช่วงเทศกาลปีใหม่อย่างปลอดภัย โดยกิจกรรมนี้เป็นความร่วมมือของภาครัฐและเอกชนในการเปิดหน่วยบริการฉีดวัคซีนนอกสถานพยาบาล ภายใต้โครงการ สยามรวมใจเติมความสุข เติมภูมิคุ้มกัน เพื่ออำนวยความสะดวกในการฉีดวัคซีนโควิด 19 เข็มกระตุ้นให้แก่ประชาชนทั่วไป และสื่อสารให้ประชาชนทราบถึงความสำคัญของการฉีดวัคซีนอย่างน้อยคนละ 4 เข็ม เพื่อเพิ่มระดับภูมิคุ้มกันให้สูงพอ โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง 608 จำเป็นต้องได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นตามระยะเวลาที่กำหนด เพื่อช่วยลดความสูญเสียที่อาจจะเกิดขึ้น
สำหรับความร่วมมือกับภาคเอกชนครั้งนี้ มีกรมควบคุมโรคเป็นหน่วยงานกลางจัดสรรวัคซีนทั้งไฟเซอร์และแอสตร้าเซนเนกาให้บริการประชาชนฟรี โดยเปิดหน่วยบริการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นนอกสถานพยาบาลให้กับประชาชนอายุตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไป ณ ห้องประชุม 10 ทรูไอคอนฮอลล์ ชั้น 7 ไอคอนสยาม และห้องประชุม 5-6 รอยัล พารากอน ฮอลล์ ชั้น 5 ศูนย์การค้าสยามพารากอน ฝั่งนอร์ท เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชน สามารถ Walk-in เพื่อรับบริการฉีดวัคซีนได้ทุกวัน เวลา 10.00 น. – 18.00 น. ตั้งแต่วันนี้ – 26 ธันวาคม 2565 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่ call center ไอคอนสยาม โทร 1338 และสยามพารากอน โทร 02-610-8333
ที่มา : กระทรวงสาธารณสุข
https://web.facebook.com/informationcovid19/posts/pfbid03qkzk9RHqXveASuWHBicbpbH8stLdgKf3uAtCrcUdhjFuTwc8PEof7adRvBnW8tBl
สธ. เตรียมพร้อมรับมือ "โรคโปลิโอ" หลังพบผู้ป่วยเพิ่มขึ้น 22 ประเทศ
ย้ำ !! เร่งรัดให้วัคซีนในเด็กอย่างครอบคลุม
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ขณะนี้เริ่มมีรายงานพบผู้ป่วยโรคโปลิโอซึ่งทำให้เกิดอาการกล้ามเนื้ออ่อนปวกเปียกเฉียบพลันในหลายประเทศ หลังจากไม่พบผู้ป่วยโรคนี้มาเป็นระยะเวลานานหลายปี ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขกำลังจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพราะเป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวังลำดับที่ 21 ตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 โดยมีรายงานพบผู้ป่วยโปลิโอสายพันธุ์ธรรมชาติ จำนวน 30 ราย ในปากีสถาน อัฟกานิสถาน และโมซัมบิก และผู้ป่วยโปลิโอสายพันธุ์วัคซีนกลายพันธุ์ จำนวน 577 ราย ใน 22 ประเทศ รวมถึงอินโดนีเซียที่พบผู้ป่วย 4 รายทำให้ประเทศไทยต้องเร่งรัดการดำเนินงานเพื่อเตรียมความพร้อมรับมือ แม้ว่าเราจะไม่มีผู้ป่วยโรคโปลิโอมานานกว่า 25 ปีแล้ว โดยรายสุดท้ายคือในปี 2540
ทั้งนี้ คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ เห็นชอบข้อเสนอมาตรการเร่งรัดเตรียมพร้อมรับมือความเสี่ยงการระบาดของโรคโปลิโอในต่างประเทศ หลังพบผู้ป่วยโปลิโอเพิ่มขึ้นใน 22 ประเทศ ย้ำเร่งรัดให้วัคซีนในเด็กอย่างครอบคลุม พร้อมแต่งตั้งอนุกรรมการขับเคลื่อนการกวาดล้างโรคโปลิโอ หัด และหัดเยอรมัน และเห็นชอบยกเว้นค่าใช้จ่ายออกหนังสือรับรองวัคซีนโควิดแบบอิเล็กทรอนิกส์ ปี 2566
ที่มา : กระทรวงสาธารณสุข
https://web.facebook.com/informationcovid19/posts/pfbid02qmq6r3AUtviqSYwVf6GdN7o9RZEV6dMpgX5rKXg3Nr76nzQFR7uu5FS9U76ZGMHfl
แสดงความคิดเห็น
🇹🇭🧡มาลาริน🧡🇹🇭ปักเข็มพรุ่งนี้วันแรก!! เปิดโครงการวิจัยวัคซีนโควิด-19 ของ อภ. ตั้งเป้าชาวนครพนม รู้ผลกลางปีหน้า
ประเดิมพรุ่งนี้!! "อนุทิน" จ่อเปิดโครงการวิจัยฉีดวัคซีนโควิด 19 ของ อภ. HXP-GPO Vac เฟส 3 ในอาสาสมัครชาวนครพนมตั้งเป้า 4 พันคน จนถึง 11 ม.ค. คาดได้อาสาสมัครตามเป้า รู้ผลกลางปีหน้า เพื่อยื่น อย. เผยเกณฑ์คุณสมบัติรับวัคซีนชนิดเดียวกัน 2 เข็ม อายุ 18 ปีอัป โรคประจำตัวต้องคงที่
เมื่อวันที่ 22 ธ.ค. ที่ศาลาประชาคม ยงใจยุทธ ศาลากลางจังหวัดนครพนม นพ.เกรียงไกร ประเสริฐ หัวหน้าโครงการวิจัยหลักระยะที่ 2 และ 3 ภายใต้โครงการวิจัยพัฒนาวัคซีนโควิด 19 HXP-GPO Vac ขององค์การเภสัชกรรม (อภ.) กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมการศึกษาวิจัยฉีดวัคซีนในอาสาสมัครระยะที่ 3 ว่า หลังจากศึกษาระยะที่ 2 ใน จ.นครพนมในอาสาสมัครที่ไม่เคยรับวัคซีน 300 คน เพื่อดูผลความปลอดภัยและผลกระตุ้นภูมิคุ้มกัน เบื้องต้นได้ผลดี จึงเริ่มศึกษาระยะที่ 3 ต่อเนื่อง โดยแบ่งเป็น 2 ช่วง คือ เริ่มวันที่ 23-29 ธ.ค. 2565 และอีกช่วงหลังปีใหม่ คือ วันที่ 5-11 ม.ค.2565 โดยมี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เป็นประธานเปิดโครงการฉีดวัคซีนในอาสาสมัครวันที่ 23 ธ.ค. ตั้งเป้าอาสาสมัครจำนวน 4,000 คน เพื่อติดตามความปลอดภัยและดูผลกระตุ้นภูมิคุ้มกัน
คุณสมบัติของอาสาสมัคร คือ มีอายุ 18 ปีขึ้นไป ไม่กำหนดอายุสูงสุด ผู้สูงอายุจึงเข้าร่วมได้ ต้องมีสุขภาพดี ถ้ามีโรคประจำตัวต้องผ่านการพิจารณาโดยแพทย์ว่าอาการคงที่ ไม่เคยมีประวัติเรื่องการติดเชื้อโควิด 19 มาก่อนใน 3 เดือน วันที่ได้รับการฉีดต้องมีผลตรวจ ATK เป็นลบ เคยรับวัคซีนโควิด 19 จำนวน 2 เข็มที่เป็นวัคซีนเดียวกัน เช่น แอสตร้าเซนเนก้า-แอสตร้าเซนเนก้า , ซิโนแวค-ซิโนแวค , ไฟเซอร์-ไฟเซอร์ หลังศึกษาเรียบร้อยจะนำผลไปขึ้นทะเบียนกับ อย. เพื่อนำมาใช้เป็นวัคซีนโควิด 19 ในไทยต่อไป คาดว่าจะมีอาสาสมัครทุกช่วงอายุ แต่วัยทำงานน่าจะเยอะที่สุด
นพ.เกรียงไกรกล่าวว่า ขณะนี้อาสาสมัครที่สนใจเข้าร่วมโครงการในพื้นที่จำนวนประมาณ 1,500 คน หลังจากเริ่มฉีดวัคซีนแล้วคาดว่า จะเริ่มมีอาสาสมัครให้ความสนใจและทยอยมาฉีดวัคซีนได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 4 พันคน สำหรับการเข้ามาร่วมอาสาสมัครรับวัคซีนที่ศาลาประชาคม ยงใจยุทธ เมื่อเข้ามาจะเจอจุดแรก คือ จุดลงทะเบียน เพื่อตรวจสอบคุณสมบัติว่าเหมาะสมผ่านเกณฑ์ จุดที่ 2 เป็นจุดที่ให้ความยินยอม โดยมีเจ้าหน้าที่ประจำ 10 ห้อง ช่วยแนะนำโครงการและขอความยินยอม ซึ่งจะต้องยินยอมและเซ็นก่อนถึงจะเข้าร่วมโครงการได้
จุดที่ 3 เป็นการตรวจร่างกาย ดูสัญญาณชีพ วัดไข้ วัดอุณหภูมิ วัดความดัน ตรวจคัดกรอง ATK เป็นลบ พบแพทย์ตรวจยืนยันว่าอาสาสมัครสุขภาพแข็งแรงเข้าร่วมโครงการได้ จุดที่ 4 เป็นขั้นตอนการฉีดวัคซีนมีจำนวน 5 ห้อง มีพยาบาลฉีดวัคซีนประจำจุดและหลังห้องฉีดวัคซีนจะมีแพทย์ที่ดูแลความปลอดภัยและมีพยาบาลที่ดูแลเรื่องความปลอดภัยโดยเฉพาะ และจุดที่ 5 จุดสังเกตอาการ 30 นาทีหลังฉีด เพื่อดูว่ามีอาการข้างเคียงอะไรหรือไม่ จากนั้นจะแนะนำเรื่องการติดตามอาการข้างเคียงเป็นระยะเวลา 1 ปี ซึ่งการศึกษาในระยะที่ 2 พบว่าเป็นอาการที่เกิดขึ้นได้เหมือนวัคซีนอื่นโดยทั่วไป เช่น ปวด บวมและแดงบริเวณที่ฉีด พบประมาณ 20% อาการเกิดอยู่ที่ระดับเล็กน้อย อาการไข้ก็เจอน้อยด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ สามารถเข้าร่วมโครงการได้อีกที่คือ อ.นาแก จ.นครพนม
ด้าน ดร.ภญ.พรทิพย์ วิรัชวงศ์ ผอ.ฝ่ายชีววัตถุ และรักษาการผู้จัดการโรงงานผลิต(วัคซีน) ชีววัตถุ อภ. กล่าวว่า วัคซีน HXP-GPO Vac สามารถผลิตได้ที่โรงงานวัคซีนของ อภ. ที่ อ.ทับกวาง จ.สระบุรี สำหรับการติดตามข้อมูลการวิจัยระยะที่ 3 จะมีการติดตามเป็นเวลา 1 ปี แต่จะเจาะเลือดตรวจช่วงหลังฉีด 14 วัน และจะติดตามต่อหลังจากนั้น 3 เดือน และ 6 เดือนว่าภูมิคุ้มกันจะอยู่ในระดับอย่างไร เมื่อเทียบกันกับวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า แต่ที่จะใช้เป็นข้อมูลยื่นขึ้นทะเบียน อย.จะใช้ข้อมูลเปรียบเทียบในช่วง 14 วัน ซึ่งจะต้องไม่ด้อยกว่าวัคซีนที่เปรียบเทียบ
"เรารับอาสาสมัครในช่วง 1 เดือนหรือภายในปลาย ม.ค. 2566 จากนั้นจะมีการเจาะเลือดใน 14 วัน คือ ก.พ. จัดส่งตัวอย่างไปทดสอบผลการกระตุ้นภูมิคุ้มกันในเลือด เนื่องจากตัวอย่างค่อนข้างเยอะจะต้องใช้เวลา อยู่ที่ประมาณ 3 เดือน คิดว่าช่วงกลางปี 2566 จะได้ข้อมูลครบเรียบร้อย แต่จะต้องนำมาผ่านการวิเคราะห์และผ่านคณะกรรมการต่างๆ ก่อนจะสรุปเพื่อยื่น อย." ดร.ภญ.พรทิพย์กล่าว
ดร.ภญ.พรทิพย์กล่าวว่า ส่วนที่เปรียบเทียบกับวัคซีนแอสตร้าฯ เนื่องจากวัคซีน HXP-GPO Vac ไม่มีวัคซีนแพลตฟอร์มเดียวกันในท้องตลาด ซึ่งตามหลักการการเปรียบเทียบต้องใช้แพลตฟอร์มเดียวกัน ซึ่งปรึกษาหารือกับ อย.และผู้เชี่ยวชาญต่างๆ ในการเลือกวัคซีนเปรียบเทียบ จึงมีการเปรียบเทียบกับวัคซีนแอสตร้าฯ ส่วนเรื่องวัคซีนรุ่นใหม่ยังจะต้องรอผลการศึกษาในเฟสที่ 2 และจะศึกษาในเฟสที่ 3 ต่อไป เพื่อดูว่าสามารถจัดการกับเชื้อที่มีการกลายพันธุ์ไปได้มากน้อยแค่ไหน
ถามว่าหากไม่ครบ 4,000 คนจะยื่น อย.ได้หรือไม่ นพ.เกรียงไกรกล่าวว่า จ.นครพนมร่วมด้วยช่วยกันรณรงค์ คาดว่า 4 พันคนน่าจะได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ตรงนี้ไม่น่ากังวลมาก
ด้าน ดร.ภญ.พรทิพย์กล่าวว่า ถ้าไม่ได้ตามเป้าหมายจะต้องปรึกษากับทาง อย.เพราะมีการวาง protocol ไว้ในการคำนวณตามมาตรฐาน ถ้าจำนวนลดลงก็คิดว่าเป็นเรื่องใหญ่ แต่ทางจังหวัดก็แจ้งมาว่าผลการสำรวจเบื้องต้นคาดว่าจะทำได้ตามแผนที่วางไว้
https://mgronline.com/qol/detail/9650000121461
ติดตามข่าวโควิดกันต่อนะคะ....