ภาพประกอบโดย คุณ Zionzany
ร้านแลกวิญญาณ บทนำ
‘ร้านแลกวิญญาณ’ นั่นเป็นชื่อเรียกของร้านปริศนาที่ถูกเล่าขานต่อ ๆ กันมา ในหมู่ผู้ที่ชื่นชอบและให้ความสนใจเกี่ยวกับเรื่องลี้ลับเหนือธรรมชาติทั้งหลาย
ไม่มีใครรู้ว่าจริง ๆ แล้วผู้ใดเป็นคนตั้งให้ และมันถูกเรียกขานด้วยชื่อนี้มาตั้งแต่เมื่อใด แน่นอนว่า...ยิ่งไม่มีแม้สักคน ที่รู้ว่าร้านแห่งปีศาจร้ายร้านนี้มีตัวตนอยู่ หรือแท้จริงแล้ว มันก็เป็นเพียงแค่ตำนานอีกบทหนึ่ง จากเรื่องเล่าขานสยองขวัญอันมากมายนับไม่ถ้วน ที่มีให้เห็นให้ได้ยินอยู่ทั่วไปเท่านั้น
“จุดเริ่มต้นนั้นนานแสนนานมาแล้ว”
และเพราะเช่นนั้น ประโยคเริ่มต้นเรื่องราวอันแปลกพิสดารประโยคนี้ จึงคล้ายเป็นดั่งกฎเหล็ก หรือคือลูกกุญแจที่ใช้สำหรับปลดสลัก เพื่อไขเปิดเข้าไปสู่ดินแดนต้องห้ามเบื้องหลังประตูบานนั้น
ร้านที่ไม่มีใครให้รายละเอียดหรือข้อมูลใด ๆ เกี่ยวกับมันได้
ร้านที่ไม่สามารถระบุตำแหน่งที่ตั้ง ไม่มีวันตามหาพบ และไม่อาจเข้าไปเยี่ยมเยือนได้ด้วยความตั้งใจของตนเอง
ร้าน...ที่ไม่รู้ว่ามีขึ้น และดำรงอยู่ด้วยเหตุผลใด
ในสายธาราเย็นเยียบและเมฆหมอกแห่งความตาย มันแทรกซึมอยู่ในทุกอณูของความมืดมิดสุดหยั่ง แหวกว่ายอยู่ระหว่างโลกกึ่งจริงกึ่งฝัน ล่องลอยอยู่ในช่องว่างของมิติและกาลเวลา
เมื่อใดที่เสียงกรีดร้องอันกระหายโหยทรงพลังมากพอ มันจะปรากฏตัวและทำให้ความปรารถนาดำมืดอันแรงกล้าจากก้นบึ้งของจิตใจนั้นเป็นจริง
บางครั้ง...ร้านแลกวิญญาณก็แฝงตัว กลมกลืนอยู่กับอาคารบ้านเรือน ที่มีให้เห็นได้ทั่วไปอย่างเกลื่อนกลาด เหมือนกับว่ามันไม่ต้องการให้ใครสังเกตเห็น
บางคราว...ที่ใจกลางของความเวิ้งว้างว่างเปล่า รูปทรงสูงสง่าอันพิลึกพิลั่นที่ตั้งตระหง่านอยู่อย่างโดดเด่นสะดุดตาตรงรอยต่อของผืนดินและขอบฟ้า ก็ราวกับว่ามันกำลังกวักมือเรียก ท้าทายใครก็ตามที่ได้เห็นให้เดินเข้าไปหา
ทว่าในบางคืน...มันก็กลับเร้นกาย ซ่อนตัวอยู่ในเงามืดของซอกหลืบอันรกร้างเงียบเชียบ ใจกลางมหานครแห่งแสงสีที่ไม่เคยหลับใหล เพื่อรอคอยใครสักคนที่อาจจะบังเอิญผ่านมา
และพร้อมที่จะต้อนรับ เมื่อใครคนนั้นเดินผ่านบานประตูของมันเข้าไป
ท้องฟ้าอิ่มชื้นและดูหนักหน่วงในช่วงเวลาที่เลยค่อนคืน ถูกปกคลุมไปด้วยเมฆฝนทะมึนแดงฉาน จนดูคล้ายกับว่าความมืดมิดที่บนนั้น กำลังถูกอาบย้อมไปด้วยสีสันของเลือด
ประกายแสงแปลบปลาบต่อเนื่องที่ปรากฏขึ้นตรงนั้นทีตรงนี้ที ยิ่งช่วยเสริมเติมแต่งภาพจินตนาการแห่งความโหดร้าย ให้น่าหวาดหวั่นขึ้นไปอีกเป็นทบทวี
บนผืนโลกอันสลัวเลือนด้วยพายุฝน ที่โหมกระหน่ำต่อเนื่องลงมาอย่างไม่หยุดหย่อน หลอดแสงจันทร์บนยอดเสาไฟฟ้าที่ตั้งตัวยืนหยัดสู้กับสภาพอากาศ กำลังติด ๆ ดับ ๆ เหมือนทำหน้าที่อย่างเกียจคร้าน
ตรงช่องว่างระหว่างเสาทั้งสองต้น บริเวณจุดที่อับที่สุด ซึ่งแสงสว่างกระจายตัวครอบคลุมไปไม่ถึง...ลึกเข้าไปในความมืดมัวซัวและน่าอึดอัดภายในตรอกซอกซอย ที่แทบจะละลายกลายเป็นเนื้อเดียวกันกับฝั่งของเหล่าภูตผีปีศาจ
ชายคนหนึ่งซึ่งเพิ่งเลิกราจากการบั่นทอนสติด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ กำลังยืนประจันหน้าอยู่กับร้านอันแปลกประหลาดร้านหนึ่ง ที่เขาไม่รู้จักและคิดว่าตนเองไม่เคยสังเกตเห็นมาก่อน
ร้านปริศนาที่เดาอะไรไม่ออกสักอย่าง ฝังกายแนบเนียนอยู่กับกำแพงและก้อนอิฐ กลมกลืนจนคล้ายกับเป็นส่วนหนึ่งของสภาพแวดล้อมโดยรอบ
สิ่งที่โดดเด่นและพอจะทำให้ผู้มาเยือนไม่มองผ่าน และเข้าใจได้ว่าที่แห่งนี้คือร้าน จึงเป็นเพียงตัวอักษรเรืองแสงสีฟ้าที่อ่านไม่ออก ซึ่งติดประดับไว้อยู่ตรงหน้าประตูไม้สภาพโบราณเท่านั้น
เพียงแค่ไม่กี่วินาที...ความลังเลไม่แน่ใจอย่างคนกล้า ๆ กลัว ๆ ในทีแรก ก็มลายหายไป เสี้ยววินาทีต่อจากนั้น อารมณ์แห่งแรงปรารถนาและความกระหายใคร่รู้ จึงถูกปลุกกระตุ้นให้พลุ่งพล่านจนไม่อาจสะกดข่มไว้ได้ไหว
ท่ามกลางความหนาวเหน็บ เปียกปอน และฤทธิ์สุรา มืออันสั่นเทาค่อย ๆ ยื่นออกไปทางเบื้องหน้า
ทันทีที่สัมผัสอันเย็นเยียบและน่าสะอิดสะเอียนส่งผ่านมาถึง บานประตูโบราณที่ดูทั้งหนาและหนัก ก็พลันดีดตัวไปอีกฝั่งอย่างง่ายดาย ราวกับถูกแรงอันมหาศาลผลักให้เปิดออก
สายลมจากภายในร้านหอบพัดเอากลิ่นอับชื้นชวนขนลุก เข้าปะทะและคลอเคลียประสาทการรับรู้
แม้เส้นขนทั่วร่างจะพร้อมใจกันตั้งชันขึ้น ด้วยจิตใต้สำนึกนั้นสัมผัสได้ถึงความสยดสยองที่แทรกซึมอยู่ ทว่าหัวใจที่กำลังเต้นรัวในอก ก็กลับเร่งเร้าให้เท้าทั้งสองขยับรุดหน้าต่อไป
เมื่อสติอันไม่พร้อมสมบูรณ์สั่งให้ร่างกระป้อกระแป้ เดินผ่านเขตแดนต้องห้ามเข้าไปเรียบร้อยแล้ว พลันเสียงกรีดร้องเล็กแหลมหลากอารมณ์อันโหยหวนเย็นยะเยือก ก็ดังแว่วขึ้นอย่างไร้ทิศทางและแหล่งที่มา
ราวห้วงอารมณ์แห่งความอาฆาตแค้น ความทุกข์ทรมาน และความยินดีปรีดาเหล่านั้น ถูกปลดปล่อยออกมาอย่างบ้าคลั่ง และปราศจากการควบคุมหรือความยับยั้งชั่งใจใด ๆ
โดยปราศจากผู้ใดแตะต้อง...ประตูโบราณอันเข้มขลังทรงพลัง ก็ค่อย ๆ ขยับตัวและปิดลงอีกครั้งหนึ่ง
จบตอน
ร้านแลกวิญญาณ บทนำ
‘ร้านแลกวิญญาณ’ นั่นเป็นชื่อเรียกของร้านปริศนาที่ถูกเล่าขานต่อ ๆ กันมา ในหมู่ผู้ที่ชื่นชอบและให้ความสนใจเกี่ยวกับเรื่องลี้ลับเหนือธรรมชาติทั้งหลาย
ไม่มีใครรู้ว่าจริง ๆ แล้วผู้ใดเป็นคนตั้งให้ และมันถูกเรียกขานด้วยชื่อนี้มาตั้งแต่เมื่อใด แน่นอนว่า...ยิ่งไม่มีแม้สักคน ที่รู้ว่าร้านแห่งปีศาจร้ายร้านนี้มีตัวตนอยู่ หรือแท้จริงแล้ว มันก็เป็นเพียงแค่ตำนานอีกบทหนึ่ง จากเรื่องเล่าขานสยองขวัญอันมากมายนับไม่ถ้วน ที่มีให้เห็นให้ได้ยินอยู่ทั่วไปเท่านั้น
“จุดเริ่มต้นนั้นนานแสนนานมาแล้ว”
และเพราะเช่นนั้น ประโยคเริ่มต้นเรื่องราวอันแปลกพิสดารประโยคนี้ จึงคล้ายเป็นดั่งกฎเหล็ก หรือคือลูกกุญแจที่ใช้สำหรับปลดสลัก เพื่อไขเปิดเข้าไปสู่ดินแดนต้องห้ามเบื้องหลังประตูบานนั้น
ร้านที่ไม่มีใครให้รายละเอียดหรือข้อมูลใด ๆ เกี่ยวกับมันได้
ร้านที่ไม่สามารถระบุตำแหน่งที่ตั้ง ไม่มีวันตามหาพบ และไม่อาจเข้าไปเยี่ยมเยือนได้ด้วยความตั้งใจของตนเอง
ร้าน...ที่ไม่รู้ว่ามีขึ้น และดำรงอยู่ด้วยเหตุผลใด
ในสายธาราเย็นเยียบและเมฆหมอกแห่งความตาย มันแทรกซึมอยู่ในทุกอณูของความมืดมิดสุดหยั่ง แหวกว่ายอยู่ระหว่างโลกกึ่งจริงกึ่งฝัน ล่องลอยอยู่ในช่องว่างของมิติและกาลเวลา
เมื่อใดที่เสียงกรีดร้องอันกระหายโหยทรงพลังมากพอ มันจะปรากฏตัวและทำให้ความปรารถนาดำมืดอันแรงกล้าจากก้นบึ้งของจิตใจนั้นเป็นจริง
บางครั้ง...ร้านแลกวิญญาณก็แฝงตัว กลมกลืนอยู่กับอาคารบ้านเรือน ที่มีให้เห็นได้ทั่วไปอย่างเกลื่อนกลาด เหมือนกับว่ามันไม่ต้องการให้ใครสังเกตเห็น
บางคราว...ที่ใจกลางของความเวิ้งว้างว่างเปล่า รูปทรงสูงสง่าอันพิลึกพิลั่นที่ตั้งตระหง่านอยู่อย่างโดดเด่นสะดุดตาตรงรอยต่อของผืนดินและขอบฟ้า ก็ราวกับว่ามันกำลังกวักมือเรียก ท้าทายใครก็ตามที่ได้เห็นให้เดินเข้าไปหา
ทว่าในบางคืน...มันก็กลับเร้นกาย ซ่อนตัวอยู่ในเงามืดของซอกหลืบอันรกร้างเงียบเชียบ ใจกลางมหานครแห่งแสงสีที่ไม่เคยหลับใหล เพื่อรอคอยใครสักคนที่อาจจะบังเอิญผ่านมา
และพร้อมที่จะต้อนรับ เมื่อใครคนนั้นเดินผ่านบานประตูของมันเข้าไป
ท้องฟ้าอิ่มชื้นและดูหนักหน่วงในช่วงเวลาที่เลยค่อนคืน ถูกปกคลุมไปด้วยเมฆฝนทะมึนแดงฉาน จนดูคล้ายกับว่าความมืดมิดที่บนนั้น กำลังถูกอาบย้อมไปด้วยสีสันของเลือด
ประกายแสงแปลบปลาบต่อเนื่องที่ปรากฏขึ้นตรงนั้นทีตรงนี้ที ยิ่งช่วยเสริมเติมแต่งภาพจินตนาการแห่งความโหดร้าย ให้น่าหวาดหวั่นขึ้นไปอีกเป็นทบทวี
บนผืนโลกอันสลัวเลือนด้วยพายุฝน ที่โหมกระหน่ำต่อเนื่องลงมาอย่างไม่หยุดหย่อน หลอดแสงจันทร์บนยอดเสาไฟฟ้าที่ตั้งตัวยืนหยัดสู้กับสภาพอากาศ กำลังติด ๆ ดับ ๆ เหมือนทำหน้าที่อย่างเกียจคร้าน
ตรงช่องว่างระหว่างเสาทั้งสองต้น บริเวณจุดที่อับที่สุด ซึ่งแสงสว่างกระจายตัวครอบคลุมไปไม่ถึง...ลึกเข้าไปในความมืดมัวซัวและน่าอึดอัดภายในตรอกซอกซอย ที่แทบจะละลายกลายเป็นเนื้อเดียวกันกับฝั่งของเหล่าภูตผีปีศาจ
ชายคนหนึ่งซึ่งเพิ่งเลิกราจากการบั่นทอนสติด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ กำลังยืนประจันหน้าอยู่กับร้านอันแปลกประหลาดร้านหนึ่ง ที่เขาไม่รู้จักและคิดว่าตนเองไม่เคยสังเกตเห็นมาก่อน
ร้านปริศนาที่เดาอะไรไม่ออกสักอย่าง ฝังกายแนบเนียนอยู่กับกำแพงและก้อนอิฐ กลมกลืนจนคล้ายกับเป็นส่วนหนึ่งของสภาพแวดล้อมโดยรอบ
สิ่งที่โดดเด่นและพอจะทำให้ผู้มาเยือนไม่มองผ่าน และเข้าใจได้ว่าที่แห่งนี้คือร้าน จึงเป็นเพียงตัวอักษรเรืองแสงสีฟ้าที่อ่านไม่ออก ซึ่งติดประดับไว้อยู่ตรงหน้าประตูไม้สภาพโบราณเท่านั้น
เพียงแค่ไม่กี่วินาที...ความลังเลไม่แน่ใจอย่างคนกล้า ๆ กลัว ๆ ในทีแรก ก็มลายหายไป เสี้ยววินาทีต่อจากนั้น อารมณ์แห่งแรงปรารถนาและความกระหายใคร่รู้ จึงถูกปลุกกระตุ้นให้พลุ่งพล่านจนไม่อาจสะกดข่มไว้ได้ไหว
ท่ามกลางความหนาวเหน็บ เปียกปอน และฤทธิ์สุรา มืออันสั่นเทาค่อย ๆ ยื่นออกไปทางเบื้องหน้า
ทันทีที่สัมผัสอันเย็นเยียบและน่าสะอิดสะเอียนส่งผ่านมาถึง บานประตูโบราณที่ดูทั้งหนาและหนัก ก็พลันดีดตัวไปอีกฝั่งอย่างง่ายดาย ราวกับถูกแรงอันมหาศาลผลักให้เปิดออก
สายลมจากภายในร้านหอบพัดเอากลิ่นอับชื้นชวนขนลุก เข้าปะทะและคลอเคลียประสาทการรับรู้
แม้เส้นขนทั่วร่างจะพร้อมใจกันตั้งชันขึ้น ด้วยจิตใต้สำนึกนั้นสัมผัสได้ถึงความสยดสยองที่แทรกซึมอยู่ ทว่าหัวใจที่กำลังเต้นรัวในอก ก็กลับเร่งเร้าให้เท้าทั้งสองขยับรุดหน้าต่อไป
เมื่อสติอันไม่พร้อมสมบูรณ์สั่งให้ร่างกระป้อกระแป้ เดินผ่านเขตแดนต้องห้ามเข้าไปเรียบร้อยแล้ว พลันเสียงกรีดร้องเล็กแหลมหลากอารมณ์อันโหยหวนเย็นยะเยือก ก็ดังแว่วขึ้นอย่างไร้ทิศทางและแหล่งที่มา
ราวห้วงอารมณ์แห่งความอาฆาตแค้น ความทุกข์ทรมาน และความยินดีปรีดาเหล่านั้น ถูกปลดปล่อยออกมาอย่างบ้าคลั่ง และปราศจากการควบคุมหรือความยับยั้งชั่งใจใด ๆ
โดยปราศจากผู้ใดแตะต้อง...ประตูโบราณอันเข้มขลังทรงพลัง ก็ค่อย ๆ ขยับตัวและปิดลงอีกครั้งหนึ่ง
จบตอน