Call me by your name
(and I’ll call you by mine)
เขาว่ากันว่า ก่อนหน้านี้มนุษย์ถูกสร้างให้มีร่างกายติดกัน มีทั้งคู่ชายชาย หญิงชาย และหญิงหญิง มนุษย์เรามีสี่แขน สี่ขา แต่เมื่อมนุษย์เริ่มก่อการกบฏ เทพเจ้าซุสจึงทำการผ่าร่างทั้งสองของมนุษย์ออกจากกัน มนุษย์ทั้งหลายเร่ร่อนไปมาตามลำพัง และเฝ้าตามหาอีกครึ่งหนึ่งของตนที่ขาดหายไป
และเมื่อรักนำพาคนทั้งสองมาเจอกัน กลับมาเป็นอีกครึ่งหนึ่งของกันและกัน เราจึงเรียกเขาด้วยชื่อเรา และเขาก็เรียกเราด้วยชื่อเขา, call me by your name, and I'll call you by mine. นั่นหมายถึงเรากับเขาถือเป็นคนๆ เดียวกันแล้ว ทั้งในด้านร่างกายและจิตวิญญาณ
เราชอบตำนานนี้มากๆ มันโรแมนติก เต็มไปด้วยความเข้าใจในรัก โดยไร้ซึ่งการตัดสิน การแบ่งแยก ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นใคร เราก็เชื่อว่าถ้าเขาเป็นอีกครึ่งนึงของเราที่จากกันไปจริงๆ ยังไงความจริงข้อนี้มันก็ไม่เปลี่ยน
และเดือนธันวาคมนี้ ก็เป็นวันครบรอบที่ call me by your name ได้เข้ามาฉายในบ้านเรา การได้มีโอกาสดูหนังเรื่องนี้ถือเป็นสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตเลยก็ว่าได้ เราขอยกให้ cmbyn เป็นหนังที่ให้นิยามคำว่ารักออกมาได้ดีที่สุดอีกเรื่องนึง อยากแนะนำให้ทุกคนได้ดูกัน
หนังเล่าถึงครอบครัวของเอลิโอ ที่มีนักศึกษาฝึกงานอย่างโอลิเวอร์เข้ามาใช้ชีวิตด้วยในช่วงฤดูร้อน ระหว่างนั้นเองความผูกพันของคนทั้งสองก็เริ่มก่อตัวขึ้นมาทีละน้อย และความสัมพันธ์ในฤดูร้อนครั้งนั้นจะคงอยู่ในหัวใจของพวกเขาไปตลอดกาล
จริงๆ แล้วเรื่องราวมันมีอยู่แค่นี้ แต่ความสวยงามมันอยู่ระหว่างทางที่หนังค่อยๆ ให้คนดูเก็บเกี่ยวไปทีละน้อย ทั้งในแง่ของคำพูด สายตา ท่าทางที่คนทั้งคู่มีให้กัน เราชอบทุกอย่าง ทุกโมเม้นต์ที่เกิดขึ้นในหนัง มันเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ส่งมาถึงหัวใจของคนดู เรามองเห็นความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้น แม้จะไม่มีใครแสดงออกมาอย่างชัดเจน แม้จะไม่มีคำบอกรักออกจากปากซักคำ
เราชอบบรรยากาศ ความเป็นอิตาลียิ่งทำให้ความโรแมนติกมันมากขึ้น แต่ด้วยความเป็นเมืองเล็กๆ ไม่พลุกพล่าน ไม่ได้มีกิจกรรมอะไรให้ทำมากนักมันก็ทำให้เรารู้สึกเหงา เคว้งคว้าง แล้วพอความเหงามันมารวมตัวกับความโรแมนติก มันยิ่งดึงมู้ดเราให้พุ่งขึ้นเรื่อยๆ บรรยากาศของความรู้สึกมันปลกคลุมทั่วไปหมดเลยจริงๆ
ทุกบทสนทนาที่ตัวละครส่งให้กัน มันดูเป็นแค่การคุยกันเรื่องนั้นเรื่องนี้ทั่วไป แต่พอมาอยู่ในหนังแล้วมันกลับดูมีความหมาย กลายเป็นสัญญาณ เป็นแรงดึงดูด เป็นเคมีบางอย่างที่ทำให้เราเชื่อว่าเขาทั้งสองต้องการกันและกันและเป็นของกันอย่างแท้จริง ทุกอย่างมันดูมีเสน่ห์โดยปราศจากความพยายามอย่างสิ้นเชิง ทำให้เราอยากฟังคนทั้งคู่คุยกันแบบนี้ไปเรื่อยๆ มองสายตาที่ทั้งคู่ส่งถึงกันแบบนี้ตลอดไป
ต้องชื่นชมนักแสดงทั้งสองคนที่ถ่ายทอดอารมณ์ออกมาได้ดีมากๆ ทั้งตัวเอลิโอและโอลิเวอร์ (เราตกหลุมรักน้องทิโมจากเรื่องนี้เลย น้องทำออกมาได้ดีมาก) เหมือนทั้งคู่เกิดมาคู่กัน เป็นส่วนนึงของกันและกันจริงๆ อย่างในตำนาน ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างคนทั้งสองมันดูงดงามไปหมด
หนังทำให้เรารู้สึกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันไม่ใช่ความรักแบบฉาบฉวย ไม่ใช่แค่เห็น แล้วชอบ แล้วจบ ดีไม่ดีสิ่งที่เกิดขึ้นในหนังมันอาจจะเรียกได้ไม่เต็มปากว่าเป็นความรักด้วยซ้ำ แต่มันคือความรู้สึกของคนสองคนที่ส่งถึงกัน เป็นความรู้สึกดีๆ ที่อยากจะใช้ชีวิตด้วยกัน อยากจะสัมผัส อยากจะมองเห็น อยากจะอยู่เคียงข้างกันตลอดไป มันยิ่งทำให้เรารู้ว่าต่อให้จะเกิดอะไรขึ้น หรือเวลาจะผ่านไปนานซักแค่ไหน หรือแม้ว่าแต่ละคนจะพบเจอกับความสัมพันธ์ครั้งใหม่ยังไง แต่ฤดูร้อนนี้กับความรู้สึกที่เกิดขึ้นในเวลานี้จะยังคงอยู่ในใจคนทั้งคู่ไม่มีวันเลือนลาง
เหมือนกับที่ความรู้สึกที่เราได้จากหนังเรื่องนี้ที่มันไม่เคยหายไปไหน ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี แค่ได้เห็นรูป ฟังเพลง หรืออะไรซักอย่างที่ย้ำเตือนเราถึง cmbyn เพียงนิดเดียว ความรู้สึกที่เรามีต่อหนังเรื่องนี้มันก็พุ่งทะยานขึ้นมาแล้ว
ซีนจบมันกินใจมากจริงๆ เราชอบตั้งแต่ที่เอลิโอคุยกับพ่อ ลากยาวไปถึงสิ้นสุดเครดิต ตอนแรกใจมันก็แค่โหวงๆ มาตลอดทั้งเรื่อง ด้วยความครุกกรุ่นของความรัก สัมผัส ความเหงา ความเศร้า ความสวยงามของทั้งเรื่อง มู้ดมันยังนัวร์ๆ เบลอๆ อยู่ เหมือนกับหนังพาเรามองเห็นความสวยงามของเรื่องราวและความสัมพันธ์ ให้เราได้รู้ว่าสิ่งอันแสนวิเศษนี้มันได้เกิดขึ้นจริง แต่ไม่ได้หมายความว่ามันจะเกิดขึ้นได้ตลอดไป บทสรุปของหนังมันเต็มไปด้วยความเข้าใจในความสวยงามของชีวิตและความรู้สึก ทำให้เรารู้จักที่จะโอบรับความอบอุ่นของมัน เรียนรู้ที่จะเก็บมันไว้ในหัวใจ และเข้าใจที่จะปล่อยมันไป
เรียกได้ว่าเป็นซีนที่แสนเรียบง่ายแต่ทรงพลัง ที่จะเป็นอีกหนึ่ง Best Moment ของวงการภาพยนตร์ไปอีกยาวนานอย่างแน่นอน
เพลง original soundtrack คือดีมาก จริงๆ เราชอบหลายเพลง แต่ที่สุดคงต้องยกให้ mystery of love ยิ่งถ้าใครดูหนังแล้วมานั่งดูความหมายของเพลงจริงๆ มันทำให้เรารู้สึก รู้สึกมากๆ กว่าเดิมหลายเท่าตัว
Mystery of love -
https://www.youtube.com/watch?v=H-PoV9kUYG0
9/10
เพราะความรักสวยงามเสมอ
[CR] รีวิว Call me by your name หนึ่งในหนังรักที่ดีที่สุดในชีวิต
(and I’ll call you by mine)
เขาว่ากันว่า ก่อนหน้านี้มนุษย์ถูกสร้างให้มีร่างกายติดกัน มีทั้งคู่ชายชาย หญิงชาย และหญิงหญิง มนุษย์เรามีสี่แขน สี่ขา แต่เมื่อมนุษย์เริ่มก่อการกบฏ เทพเจ้าซุสจึงทำการผ่าร่างทั้งสองของมนุษย์ออกจากกัน มนุษย์ทั้งหลายเร่ร่อนไปมาตามลำพัง และเฝ้าตามหาอีกครึ่งหนึ่งของตนที่ขาดหายไป
และเมื่อรักนำพาคนทั้งสองมาเจอกัน กลับมาเป็นอีกครึ่งหนึ่งของกันและกัน เราจึงเรียกเขาด้วยชื่อเรา และเขาก็เรียกเราด้วยชื่อเขา, call me by your name, and I'll call you by mine. นั่นหมายถึงเรากับเขาถือเป็นคนๆ เดียวกันแล้ว ทั้งในด้านร่างกายและจิตวิญญาณ
เราชอบตำนานนี้มากๆ มันโรแมนติก เต็มไปด้วยความเข้าใจในรัก โดยไร้ซึ่งการตัดสิน การแบ่งแยก ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นใคร เราก็เชื่อว่าถ้าเขาเป็นอีกครึ่งนึงของเราที่จากกันไปจริงๆ ยังไงความจริงข้อนี้มันก็ไม่เปลี่ยน
และเดือนธันวาคมนี้ ก็เป็นวันครบรอบที่ call me by your name ได้เข้ามาฉายในบ้านเรา การได้มีโอกาสดูหนังเรื่องนี้ถือเป็นสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตเลยก็ว่าได้ เราขอยกให้ cmbyn เป็นหนังที่ให้นิยามคำว่ารักออกมาได้ดีที่สุดอีกเรื่องนึง อยากแนะนำให้ทุกคนได้ดูกัน
หนังเล่าถึงครอบครัวของเอลิโอ ที่มีนักศึกษาฝึกงานอย่างโอลิเวอร์เข้ามาใช้ชีวิตด้วยในช่วงฤดูร้อน ระหว่างนั้นเองความผูกพันของคนทั้งสองก็เริ่มก่อตัวขึ้นมาทีละน้อย และความสัมพันธ์ในฤดูร้อนครั้งนั้นจะคงอยู่ในหัวใจของพวกเขาไปตลอดกาล
จริงๆ แล้วเรื่องราวมันมีอยู่แค่นี้ แต่ความสวยงามมันอยู่ระหว่างทางที่หนังค่อยๆ ให้คนดูเก็บเกี่ยวไปทีละน้อย ทั้งในแง่ของคำพูด สายตา ท่าทางที่คนทั้งคู่มีให้กัน เราชอบทุกอย่าง ทุกโมเม้นต์ที่เกิดขึ้นในหนัง มันเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ส่งมาถึงหัวใจของคนดู เรามองเห็นความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้น แม้จะไม่มีใครแสดงออกมาอย่างชัดเจน แม้จะไม่มีคำบอกรักออกจากปากซักคำ
เราชอบบรรยากาศ ความเป็นอิตาลียิ่งทำให้ความโรแมนติกมันมากขึ้น แต่ด้วยความเป็นเมืองเล็กๆ ไม่พลุกพล่าน ไม่ได้มีกิจกรรมอะไรให้ทำมากนักมันก็ทำให้เรารู้สึกเหงา เคว้งคว้าง แล้วพอความเหงามันมารวมตัวกับความโรแมนติก มันยิ่งดึงมู้ดเราให้พุ่งขึ้นเรื่อยๆ บรรยากาศของความรู้สึกมันปลกคลุมทั่วไปหมดเลยจริงๆ
ทุกบทสนทนาที่ตัวละครส่งให้กัน มันดูเป็นแค่การคุยกันเรื่องนั้นเรื่องนี้ทั่วไป แต่พอมาอยู่ในหนังแล้วมันกลับดูมีความหมาย กลายเป็นสัญญาณ เป็นแรงดึงดูด เป็นเคมีบางอย่างที่ทำให้เราเชื่อว่าเขาทั้งสองต้องการกันและกันและเป็นของกันอย่างแท้จริง ทุกอย่างมันดูมีเสน่ห์โดยปราศจากความพยายามอย่างสิ้นเชิง ทำให้เราอยากฟังคนทั้งคู่คุยกันแบบนี้ไปเรื่อยๆ มองสายตาที่ทั้งคู่ส่งถึงกันแบบนี้ตลอดไป
ต้องชื่นชมนักแสดงทั้งสองคนที่ถ่ายทอดอารมณ์ออกมาได้ดีมากๆ ทั้งตัวเอลิโอและโอลิเวอร์ (เราตกหลุมรักน้องทิโมจากเรื่องนี้เลย น้องทำออกมาได้ดีมาก) เหมือนทั้งคู่เกิดมาคู่กัน เป็นส่วนนึงของกันและกันจริงๆ อย่างในตำนาน ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างคนทั้งสองมันดูงดงามไปหมด
หนังทำให้เรารู้สึกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันไม่ใช่ความรักแบบฉาบฉวย ไม่ใช่แค่เห็น แล้วชอบ แล้วจบ ดีไม่ดีสิ่งที่เกิดขึ้นในหนังมันอาจจะเรียกได้ไม่เต็มปากว่าเป็นความรักด้วยซ้ำ แต่มันคือความรู้สึกของคนสองคนที่ส่งถึงกัน เป็นความรู้สึกดีๆ ที่อยากจะใช้ชีวิตด้วยกัน อยากจะสัมผัส อยากจะมองเห็น อยากจะอยู่เคียงข้างกันตลอดไป มันยิ่งทำให้เรารู้ว่าต่อให้จะเกิดอะไรขึ้น หรือเวลาจะผ่านไปนานซักแค่ไหน หรือแม้ว่าแต่ละคนจะพบเจอกับความสัมพันธ์ครั้งใหม่ยังไง แต่ฤดูร้อนนี้กับความรู้สึกที่เกิดขึ้นในเวลานี้จะยังคงอยู่ในใจคนทั้งคู่ไม่มีวันเลือนลาง
เหมือนกับที่ความรู้สึกที่เราได้จากหนังเรื่องนี้ที่มันไม่เคยหายไปไหน ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี แค่ได้เห็นรูป ฟังเพลง หรืออะไรซักอย่างที่ย้ำเตือนเราถึง cmbyn เพียงนิดเดียว ความรู้สึกที่เรามีต่อหนังเรื่องนี้มันก็พุ่งทะยานขึ้นมาแล้ว
ซีนจบมันกินใจมากจริงๆ เราชอบตั้งแต่ที่เอลิโอคุยกับพ่อ ลากยาวไปถึงสิ้นสุดเครดิต ตอนแรกใจมันก็แค่โหวงๆ มาตลอดทั้งเรื่อง ด้วยความครุกกรุ่นของความรัก สัมผัส ความเหงา ความเศร้า ความสวยงามของทั้งเรื่อง มู้ดมันยังนัวร์ๆ เบลอๆ อยู่ เหมือนกับหนังพาเรามองเห็นความสวยงามของเรื่องราวและความสัมพันธ์ ให้เราได้รู้ว่าสิ่งอันแสนวิเศษนี้มันได้เกิดขึ้นจริง แต่ไม่ได้หมายความว่ามันจะเกิดขึ้นได้ตลอดไป บทสรุปของหนังมันเต็มไปด้วยความเข้าใจในความสวยงามของชีวิตและความรู้สึก ทำให้เรารู้จักที่จะโอบรับความอบอุ่นของมัน เรียนรู้ที่จะเก็บมันไว้ในหัวใจ และเข้าใจที่จะปล่อยมันไป
เรียกได้ว่าเป็นซีนที่แสนเรียบง่ายแต่ทรงพลัง ที่จะเป็นอีกหนึ่ง Best Moment ของวงการภาพยนตร์ไปอีกยาวนานอย่างแน่นอน
เพลง original soundtrack คือดีมาก จริงๆ เราชอบหลายเพลง แต่ที่สุดคงต้องยกให้ mystery of love ยิ่งถ้าใครดูหนังแล้วมานั่งดูความหมายของเพลงจริงๆ มันทำให้เรารู้สึก รู้สึกมากๆ กว่าเดิมหลายเท่าตัว
Mystery of love - https://www.youtube.com/watch?v=H-PoV9kUYG0
9/10
เพราะความรักสวยงามเสมอ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้