Cr: นิติภูมิธณัฐ
นึกยังไงไม่ทราบ เช้าของวันนี้ พันตำรวจโทวัลลภ ณ นคร อดีตรองผู้กำกับ สน.ประเวศ กรุงเทพฯ โทรศัพท์มาคุยถึง 2 รอบ ทั้ง 2 รอบคุยเรื่องกรรม
หลังจากเกษียณราชการ รองฯ วัลลภ ก็ประกอบอาชีพทนายความ และต้องขึ้นศาลว่าความทุกสัปดาห์
ความที่เคยเป็นทั้งตำรวจและเป็นทั้งทนายความ ทำให้รองฯ วัลลภ มองคดีต่างๆ ได้อย่างลึกกว่าธรรมดา
แกบอกว่า คดีส่วนใหญ่เป็นเรื่องของกรรม โดยปกติลูกความจะไม่เล่าเรื่องส่วนตัวให้คนทั่วไปทราบ แต่จะเล่าให้ทนายความทราบเพื่อจะได้แก้ปัญหาอย่างถูกต้อง
ด้วยจรรยาบรรณของทนายความ รองฯ วัลลภจึงไม่ได้เอ่ยชื่อใครให้ผมฟัง เอ่ยเพียงเหตุการณ์
แต่มี 2 เรื่องที่ไม่เกี่ยวกับคดีความ เพียงแต่แกนำมาเล่าให้ฟังเฉยๆ
สมัยก่อน หลายสิบปีมาแล้ว มีตำรวจ สน.แห่งหนึ่ง จับผู้ต้องหาได้ และมีเรื่องกันรุนแรง ตำรวจนำผู้ต้องหาไปวางพาดทางรถไฟ เพื่อจะเค้นให้ผู้ต้องหาสารภาพ ไม่ทราบว่าพลาดอย่างไร รถไฟเหยียบผู้ต้องหาจนขาขาดไปข้างหนึ่ง
ปีต่อมา ภรรยาของตำรวจผู้นั้นก็คลอดลูก ปรากฏว่าไม่มีขาข้างหนึ่ง และเป็นขาข้างเดียวกับขาที่ผู้ต้องหาขาด
รองฯ สนใจเรื่องนี้ที่เล่าสืบต่อกัน จึงไปติดตามถามข้อเท็จจริง ก็ปรากฏว่าเป็นความจริงทุกประการ
ส่วนอีกเรื่องหนึ่งซึ่งเกิดไม่นานมานี้ เพื่อนทนายความคนหนึ่งปวดหลังอย่างมาก รุนแรงและทุรนทุรายขนาดทำงานไม่ได้ เมื่อมีโอกาสทำบุญกับพระธุดงค์ ก็เลยเล่าอาการของตนเองให้ฟัง
พระธุดงค์หลับตาพักหนึ่ง ก็ลืมตาพูดกับโยมทนายว่า นานมาแล้ว โยมเคยเอาลวดไปผูกกระดองเต่าตัวเล็กๆ และปล่อยไปในแอ่งที่เป็นป่าเล็กๆ อยู่หลังบ้านโยม
ปัจจุบันเต่าตัวนี้ยังอยู่
แต่ได้รับความทรมานจากลวดที่รัดกระดอง เพราะเต่าตัวโตมากแล้ว กระดองถูกรัดอยู่ส่วนหนึ่ง
โยมลองไปค้นหาดู เมื่อเจอเต่าให้เอาลวดออก
ทนายความมั่นใจว่า สาเหตุการเจ็บป่วยของตนมาจากเรื่องกรรมอย่างแน่นอน จึงทุ่มทุนถางป่าค้นหาเต่าในหนองและในป่าหลังบ้าน โดยเชื่อคำพูดของพระว่าเต่ายังอยู่
ใช้เวลาค้นบ้าง ไม่ค้นบ้างอยู่หลายเดือน ก็พบเต่าตัวดังกล่าว ซึ่งขณะนี้โตมากแล้ว
ทันทีที่นำลวดที่รัดกระดองออก อาการเจ็บปวดหลังอย่างทรมานแสนสาหัสของทนายคนที่ว่า ก็หายไปอย่างปลิดทิ้ง
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ทนายความผู้นี้มีความเชื่อในเรื่องกรรม ลดการรับคดีความลง รับว่าความให้เฉพาะผู้ที่ตนคิดว่าถูกต้อง และได้รับความเดือดเนื้อร้อนใจจากคดีความที่เกิดขึ้นเท่านั้น.
กรรมในชาตินี้
นึกยังไงไม่ทราบ เช้าของวันนี้ พันตำรวจโทวัลลภ ณ นคร อดีตรองผู้กำกับ สน.ประเวศ กรุงเทพฯ โทรศัพท์มาคุยถึง 2 รอบ ทั้ง 2 รอบคุยเรื่องกรรม
หลังจากเกษียณราชการ รองฯ วัลลภ ก็ประกอบอาชีพทนายความ และต้องขึ้นศาลว่าความทุกสัปดาห์
ความที่เคยเป็นทั้งตำรวจและเป็นทั้งทนายความ ทำให้รองฯ วัลลภ มองคดีต่างๆ ได้อย่างลึกกว่าธรรมดา
แกบอกว่า คดีส่วนใหญ่เป็นเรื่องของกรรม โดยปกติลูกความจะไม่เล่าเรื่องส่วนตัวให้คนทั่วไปทราบ แต่จะเล่าให้ทนายความทราบเพื่อจะได้แก้ปัญหาอย่างถูกต้อง
ด้วยจรรยาบรรณของทนายความ รองฯ วัลลภจึงไม่ได้เอ่ยชื่อใครให้ผมฟัง เอ่ยเพียงเหตุการณ์
แต่มี 2 เรื่องที่ไม่เกี่ยวกับคดีความ เพียงแต่แกนำมาเล่าให้ฟังเฉยๆ
สมัยก่อน หลายสิบปีมาแล้ว มีตำรวจ สน.แห่งหนึ่ง จับผู้ต้องหาได้ และมีเรื่องกันรุนแรง ตำรวจนำผู้ต้องหาไปวางพาดทางรถไฟ เพื่อจะเค้นให้ผู้ต้องหาสารภาพ ไม่ทราบว่าพลาดอย่างไร รถไฟเหยียบผู้ต้องหาจนขาขาดไปข้างหนึ่ง
ปีต่อมา ภรรยาของตำรวจผู้นั้นก็คลอดลูก ปรากฏว่าไม่มีขาข้างหนึ่ง และเป็นขาข้างเดียวกับขาที่ผู้ต้องหาขาด
รองฯ สนใจเรื่องนี้ที่เล่าสืบต่อกัน จึงไปติดตามถามข้อเท็จจริง ก็ปรากฏว่าเป็นความจริงทุกประการ
ส่วนอีกเรื่องหนึ่งซึ่งเกิดไม่นานมานี้ เพื่อนทนายความคนหนึ่งปวดหลังอย่างมาก รุนแรงและทุรนทุรายขนาดทำงานไม่ได้ เมื่อมีโอกาสทำบุญกับพระธุดงค์ ก็เลยเล่าอาการของตนเองให้ฟัง
พระธุดงค์หลับตาพักหนึ่ง ก็ลืมตาพูดกับโยมทนายว่า นานมาแล้ว โยมเคยเอาลวดไปผูกกระดองเต่าตัวเล็กๆ และปล่อยไปในแอ่งที่เป็นป่าเล็กๆ อยู่หลังบ้านโยม
ปัจจุบันเต่าตัวนี้ยังอยู่
แต่ได้รับความทรมานจากลวดที่รัดกระดอง เพราะเต่าตัวโตมากแล้ว กระดองถูกรัดอยู่ส่วนหนึ่ง
โยมลองไปค้นหาดู เมื่อเจอเต่าให้เอาลวดออก
ทนายความมั่นใจว่า สาเหตุการเจ็บป่วยของตนมาจากเรื่องกรรมอย่างแน่นอน จึงทุ่มทุนถางป่าค้นหาเต่าในหนองและในป่าหลังบ้าน โดยเชื่อคำพูดของพระว่าเต่ายังอยู่
ใช้เวลาค้นบ้าง ไม่ค้นบ้างอยู่หลายเดือน ก็พบเต่าตัวดังกล่าว ซึ่งขณะนี้โตมากแล้ว
ทันทีที่นำลวดที่รัดกระดองออก อาการเจ็บปวดหลังอย่างทรมานแสนสาหัสของทนายคนที่ว่า ก็หายไปอย่างปลิดทิ้ง
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ทนายความผู้นี้มีความเชื่อในเรื่องกรรม ลดการรับคดีความลง รับว่าความให้เฉพาะผู้ที่ตนคิดว่าถูกต้อง และได้รับความเดือดเนื้อร้อนใจจากคดีความที่เกิดขึ้นเท่านั้น.