ผมเป็น SLE + โรคหัวใจ

ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าผม เพิ่งมารู้ว่าตัวเองเป็นโรคหัวใจ เมื่อ กลางปี 2565 ที่ผ่านมานี้เอง สาเหตุเคยเขียนไว้ในกระทู้ก่อนๆ แล้ว คือ ผลของการไม่ออกกำลังกาย ความเครียด นอนดึก กินอาหารที่ไม่มีประโยชน์ ทานเหล้า และสูบบุหรี่ ทุกปีที่บริษัทจะมีการตรวจสุขภาพประจำปี คุณหมอก็บอกว่า หัวใจเต้นผิดจังหวะ แต่เราไม่รู้สึกถึงความผิดปกติอะไรก็เลยไม่ได้สนใจ   และวันที่เกิดเรื่องคือ ไปทานกาแฟ ซึ่งปกติเป็นคนไม่ทานกาแฟ เพราะนอนไม่หลับ 
พอวันนั้นทานก็ทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ ในส่วนนี้ขอข้ามไปเลยละกันนะครับ คือไปตรวจแล้วเจอ ลิ้นหัวใจรั่ว , หัวใจโต , หัวใจบีบตัวไม่ดี , และหลอดเลือดแดงใหญ่ที่ออกจากหัวใจโป่งพอง จากความดันโลหิตที่สูงมาตั้งแต่สมัยวัยรุ่น 

ในกระทู้นี้ผมขอโฟกัสไปที่ SLE เป็นหลัก ส่วนโรคหัวใจจะอยู่ในกระทู้ก่อนๆ ของผม ซึ่งผมก็ทานยารักษาโรคหัวใจมาตลอด จนมีอยู่ วันนึงอยู่ๆ ก็รู้สึกเจ็บบริเวณ ขาหนีบขึ้นมา แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรคิดว่าก็คงเกิดจากการเดิน หรือ นั่งเป็นเวลานานๆ ก็ไม่ได้ใส่ใจ จนกระทั่ง เข้าวันที่ 3 อาการเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ เริ่มเจ็บชนิดที่ว่า ต้องคอยเอามือมากดมานวดตลอดเวลา นอนตอนกลางคืน ต้องจัดท่านอนดีๆ ไม่งั้นถ้าขาข้างนั้นเผลอ พลาดตกเตียงลงไป คือจบชีวิตเลย เพราะมันจะเจ็บเหมือนกล้ามเนื้อฉีกขาด เหมือนโดนมีดปลายแหลมเสียบก็มิป่าน 

ผมทนอยู่ 5 วันเลยไปหาหมอ คุณหมอก็ยังไม่ได้วินิจฉัยอะไร บอกว่า คงเกิดจากการนั่งนานๆ เดียวฉีดยาแก้อักเสบให้ พอกลับมาก็ไม่หายครับ ความเจ็บปวดมันยังอยู่ ก็ทนไปเรื่อยๆ  กินยารักษาโรคหัวใจ + ยาแก้อักเสบ รวมกัน จนเข้าวันที่ 14-15 ของการเจ็บปวด อยู่ๆ อาการปวดที่ข้อสะโพก ก็หายไปครับ และรู้อะไรไหม   มันย้ายฝั่ง! ใช่ครับฟังไม่ผิด มันย้ายจากซ้ายไปขวา พอมันเริ่มย้ายไปขวา มันก็ค่อยๆ เริ่มปวดทีละ 1 เลเวลไปเรื่อยๆ เหมือนข้างซ้ายเลย 

นอนไม่ได้ปวดทรมาน พยายามดูคลิปจาก Youtube และทำกายภาพด้วยตนเอง รักษาเบื้องต้น เพราะตอนนั้นยังไม่รู้ว่าเป็น SLE คิดว่าเป็น กระดูกทับเส้นประสาท กล้ามเนื้ออักเสบ  และต่อจากข้อสะโพกซ้าย โยกไป ขวา ตอนนี้ข้อเท้าขวา เริ่มมีอาการบวมเหมือนลูกมะนาว เริ่มปวด เริ่มบวมแดงร้อน ผมเห็นท่าไม่ดีเลยกลับไปหาหมอ อีกครั้ง คราวนี้ได้พบคุณหมอ รูมาตอย คุณหมอก็วินิจฉัยว่า อาจจะเป็นเก๊า จึงทำการตรวจเลือด พอผลออกมา ก็คือปกติ ไม่ได้เป็น คุณหมอเลยบอกว่า อาจจะเก๊าเทียม ก็ให้ยากลับบ้านมากินพร้อมทั้งฉีดยาแก้อักเสบเข้าเส้น 

หลังจากพบคุณหมอรูมาตอย และวินิจฉัยว่าเป็นเก๊าเทียม พร้อมฉีดยาแล้ว กลับมา ทานยาต่อ เข้าวันที่ 3 ก็ยังไม่หายไม่ดีขึ้น ข้อเท้าขวาที่ปวดบวมแดงก็แย่ลง เดินไม่ได้ เดินกระเพกๆ ยิ่งช่วงเช้าลุกจากเตียงคือต้องทดสอบก่อนว่า สามารถยืนได้ไหม เพราะมันปวดมาก  ผมทำทุกวิธีทางทั้งประคบร้อนประคบเย็น แช่น้ำแข็ง นวด ก็ไม่ดีขึ้นเลย จึงกลับไปหาคุณหมอคนเดิมอีกครั้ง 

ครั้งนี้คุณหมอก็ตรวจเลือดและเห็นค่าความอักเสบในเลือด ก็เลยบอกมาบีบตามข้อนิ้วมือ ข้อแขน หัวไหล่และตามข้อของผม และถามว่าเจ็บไหม ไล่ยาวไปยันข้อเท้า ซึ่งมีแค่เฉพาะข้อเท้าขวาแค่นั้นที่ปวด  ส่วนข้อสะโพกขวา หายปวดไปแล้วครับ คุณหมอเลยให้ยากดภูมิ พร้อมทั้งให้ยา แก้อักเสบ ทั้งสเตรียรอย แต่ไม่ใช่สเตรียรอย และ Tamadol อีกตัว ครั้งนี้หลังจากทานยาชุดใหม่ไป รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลง คือ หายปวดในวันถัดไปทันทีครับ เดินได้ปกติ ใช้ชีวิตได้ ดีขึ้นเยอะ แต่อาการบวมแดงที่ข้อเท้าไม่ยอมหายไป คุณหมอบอกว่า ได้ยาชุดนี้ไป น่าจะหายแล้ว นะผมก็ดีใจและกลับมาทานยา 

หลังจากทานยาชุดใหม่ไป ครั้งละ 4 เม็ด เช้า-เย็น รู้สึกกว่าดีขึ้นแต่บวมแดงร้อนไม่หายจากข้อเท้า พออาการเริ่มดีขึ้นคุณหมอบอกให้หยุดยาได้เลย พอหยุดยาวันรุ่งขึ้นก็มีอาการอีกก็ต้องกลับไปกินยาวนไปเรื่อยๆ ผมจึงกลับไปหาคุณหมออีกรอบตามนัด คุณหมอก็แปลกใจ แล้วให้ยากดภูมิผมมาเพิ่มมาอีก 1 ตัว หลังจากทานยากดภูมิไป ผมมีอาการตัวร้อน ง่วง ไข้ขึ้น และเป็นไซนัสอักเสบ ป่วยง่าย ผมเลยหยุดยา 

พอกลับไปหาคุณหมออีกทีตามนัด คุณหมอบอกว่าน่าจะ SLE ซึ่งผมก็ไม่ค่อยตกใจเท่าไรเพราะผมค้นหาอาการของตัวเองและเปรียบเทียบกับโรคมาก่อนอยู่แล้ว เสียใจและกังวล เพราะผมมีโรคหัวใจร่วมด้วย ตอนนี้อาการที่เป็น ก็คือ ข้อเท้าขวาปวดบวมแดงร้อน  หัวเข่าซ้ายปวด  และปวดกดเจ็บบริเวณท้องน้อย 

อยากสอบถามเพื่อนๆ ว่า มีใครที่เคยเป็นแบบผมไหม SLE + โรคหัวใจ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่