สิ่งที่เห็นระหว่างเกมส์โครเอเชียพบโมร็อกโก

ได้อับดับ 3 ประจำทัวร์นาเมนต์ไปเป็นที่เรียบร้อย สำหรับโครเอเชีย หลังเอาชนะโมร็อกโกไปได้ 2 - 1 โดยได้ประตูจาก ยอสโก้ กวาร์ดิโอล ในนาทีที่7 และ มิสลาฟ ออร์ซิช นาทีที่42 ส่วนทางฝั่งโมร็อกโกได้ประตูจาก อาชราฟ ดารี ในนาทีที่9 โดยจากชัยชนะของโครเอเชียในครั้งนี้ ส่งผลให้พวกเขาคว้าอับดับ 3 ฟุตบอลโลก เป็นครั้งที่ 2 ต่อจากปี 1998 ด้วย และจากนี้ผมขออธิบายรายละเอียดของเกมส์ จากสิ่งที่ผมได้เห็นครับ

1.การจัดตัวผู้เล่น
- ทางโครเอเชีย เปลี่ยนผู้เล่น 5 คน จากเกมส์ที่แพ้อาเจนติน่า 3 - 0 พร้อมเปลี่ยนระบบการเล่นเป็น 4 - 4 - 2 โดยการเปลี่ยนผู้เล่นในครั้งนี้ อาจเนื่องมาจาก ต้องการพักผู้เล่นบางส่วน ที่ขาดความฟิตจากการกรำศึกหนัก จากรอบที่ผ่านๆมา โดยที่ผู้เล่นที่ถูกเปลี่ยนลงมา ได้แก่ โจซิป สตานิซิช , โจซิป ซูตาโล่ , ลอฟโล มาเยอร์ , มิสลาฟ ออร์ซิช และ มาร์โก ลิวายา

- ส่วนฝั่งโมร็อกโก เปลี่ยนผู้เล่น 3 ตำแหน่ง พร้อมปรับระบบการเล่นกลับมาเป็น 4 - 3 - 3 หลักจากเกมส์ที่แพ้ฝรั่งเศส 2 - 0 ใช้ระบบการเล่น 5 - 4 - 1 โดยผู้เล่นที่ถูกเปลี่ยนลงมาในเกมส์นี้ได้แก่ อัตติอัต อัลลาห์ แทน นุสแซร์ มาสราอุย , อับเดลฮามิด ซาบิรี แทน โรแม็ง ซาอิส และ บิลัล เอล คานนูส แทน อัซเซดีน โอนาฮี

2.ระบบการเล่น
ทางฝั่งโครเอเชีย กลับมาใช้วิธีการที่พวกเขาถนัด คือ การเจาะช่องว่างระหว่างฟูลแบ็คและเซ็นเตอร์ โดยผู้ที่เริ่มเซ็ตบอลจากแดนกลางได้แก่ ลูก้า โมดริช และคนที่ทำหน้าที่ลำเลียงบอลขึ้นสู่แนวรุก คือ มาเตโอ โควาซิช เพียงแต่เกมส์นี้ ในครึ่งแรกไม่ค่อยได้ผลมากนัก เนื่องจากเบอร์ 8 อย่าง โควาซิช ไม่สามารถพาบอลขึ้นสู่แดนบนได้ รวมถึงคาตำแหน่งของตัวเองไว้ที่แดนกลางมากเกินไป จึงทำให้บอลไม่สามารถเลยครึ่งสนามไปได้ ส่งผลให้เบอร์ 6 ในเกมส์นี้อย่าง ลูก้า โมดริช ต้องพยายามแทงขึ้นหน้าให้กองหน้าโดยตรง ในหลายๆจังหวะ

อีกทั้งฟูลแบ็ค ของโครเอเชียอย่าง อิวาน เปริซิช และ โจซิป สตานิซิช ยังชอบดันขึ้นหน้า ไม่ค่อยซัพพอร์ตแดนกลาง ทำให้เวลาโควาซิช ได้บอล ต้องโดดเดี่ยว ในหลายๆครั้ง และต้องเลือกวางยาวให้ฟูลแบ็คที่ดันสูง หรือปีก 2 ข้าง อย่าง มิสลาฟ ออร์ซิช และ ลอฟโล มาเยอร์ เป็นสาเหตุให้โครเอเชีย โดนย้อนทางตลอดเกมส์ครึ่งแรก

และอีกหนึ่งสาเหตุ ที่บอลไม่สามารถขึ้นไปข้างหน้าได้ คือ หน้าตัวซัพพอร์ตอย่าง มาร์โก ลิวายา ไม่ลงมาเชื่อมเกมส์ตรงกลางกับ โควาซิช ทำให้เกิดช่องว่างขนาดใหญ่ ระหว่างมิดฟิลด์และแดนหน้า เกมส์นี้ในครึ่งแรก เราจึงได้เห็นมิดฟิลด์ 2 คน ถูกตัดขาดจากแดนหน้าอย่างสมบูรณ์

ส่วนฝั่งโมร็อกโก เกมส์นี้ก็ยังใช้รูปแบบที่พวกเขาถนัด คือ การดึงผู้เล่นฝั่งตรงข้ามให้สละตำแหน่งเข้ามารุมบีบ จากนั้นเมื่อเกิดพื้นที่ว่าง ก็จะรีบแทงไปยังที่ว่างนั้นให้บุคคลที่สามตามไปเก็บบอล เพื่อสร้างเกมส์รุก หรือทำประตูต่อไป

ซึ่งวิธีการนี้ ในครึ่งแรก ถือว่าเล่นงานฝั่งโครเอเชียได้ดีทีเดียว เนื่องจากแบ็คสองข้างของทีมตราหมากรุกดันสูง ทำให้เกิดช่องว่างบริเวณริมเส้นเยอะมาก บวกกับจุดเด่นของพวกเขาคือการโจมตีทางริมเส้น จึงสร้างความยากลำบากให้กับแนวรับโครเอเชียเป็นอย่างมาก

เข้าครึ่งหลัง ซลัตโก้ ดาลิช คงเล็งเห็นจุดอ่อนในเกมส์รับ และเกมส์รุก ของโครเอเชีย จึงอาจมีการปรับหมากเล็กน้อย เกมส์เลยดูดีขึ้น โดยครึ่งหลัง ฟูลแบ็คของโครเอเชีย ไม่ดันสูงเหมือนเดิม และกลับมาประจำตำแหน่งมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยซัพพอร์ตแดนกลางมากขึ้นอีก ทำให้เวลาโควาซิชได้บอล เลยมีตัวเลือกเพิ่มขึ้นในการขึ้นเกมส์รุก และกองหน้าตัวซัพพอร์ตอย่าง มาร์โก ลิวายา ยังลงมาเชื่อมเกมส์และพักบอลในแดนกลาง ทำให้ช่องว่างระหว่างมิดฟิลด์ และแดนหน้าลดลง เกมส์รุกของโครเอเชียจึงกลับมามีความสมดุลอีกครั้ง

และทางฝั่งโมร็อกโก เมื่อครึ่งหลัง โครเอเชียถอยฟูลแบ็คกลับลงมาปิดช่องว่าง ทำให้เกมส์รุกของพวกเขาตื้อตัน และถูกบีบให้เปิดบอลเข้าไปในเขตโทษ แต่เมื่อเปิดเข้าไป ก็ไม่ถึง เอ็น - เนซีรี เนื่องจากถูกเซ็นเตอร์ฝั่งโครเอเชีย ที่มีความสูงใหญ่อย่าง ซูตาโล่ และ กวาร์ดิโอล ตามเก็บได้หมด
โดยช่วงท้ายเกมส์โครเอเชียลงมาตั้งโซน เล่นเกมส์รับเต็มรูปแบบ ทำให้โมร็อกโกที่ตื้อตันอยู่แล้ว เจอเกมส์รับที่โครเอเชียแพ็คไว้ขนาดนี้ ก็ยิ่งเจาะไม่เข้าหนักกว่าเดิม จนกระทั่งจบเกมส์จึงเป็นฝ่ายโครเอเชียที่คว้าอันดับ 3 ไปได้ในฟุตบอลโลกครั้งนี้

ซึ่งผู้เล่นที่ผมชื่นชอบมากๆ ของโครเอเชียในเกมส์นี้ หรือจะเรียกว่าตลอดทัวร์นาเมนต์เลยก็ได้ คือ ลูก้า โมดริช เพราะด้วยวัยที่ปัจจุบันอายุ 37 ปีแล้ว ยังสามารถเล่นเกมส์ที่ใช้พลังงานเยอะขนาดนี้ได้ และลงสนามติดต่อกันทุกนัดด้วย แถมเจ้าตัวยังสามารถเล่นได้ทุกบทบาทในแดนกลาง ไม่ว่าจะเป็น เบอร์6 เบอร์8 หรือบ็อกซ์ทูบ็อกซ์ เรียกได้ว่า การมีโมดริชอยู่ในทีมนั้น ถือว่าเป็นโชคดีมากๆ สำหรับต้นสังกัดและโครเอเชีย เพราะมีไม่กี่คนบนโลกใบนี้ ที่จะสามารถเล่นได้ทุกบทบาทในแดนกลาง เหมือนที่เจ้าตัวทำได้

3.ผู้เล่นที่ทำได้ต่ำกว่ามาตรฐาน
- ลอฟโล มาเยอร์ จริงๆก็ไม่อยากโทษเจ้าตัวมากนัก เนื่องจากถูกจับมาเล่นในตำแหน่งที่ไม่ถนัด แต่ด้วยความที่เกมส์นี้ เจ้าตัวถูกจับมาเล่นริมเส้น ทำให้เกมส์รุกด้านขวาแทบจะบอดสนิท เพราะไม่มีสกิลในการเอาตัวรอดเลย เมื่อบอลมาถึงตัว ก็ต้องรีบแปะกลับคืนแบ็ค หรือมิดฟิลด์ เพราะไม่สามารถเอาตัวรอดเองได้ แถมยังเชื่องช้า มักจะช้าไปจังหวะหนึ่งเสมอ เมื่อเพื่อนสร้างเกมส์รุกมาให้

- มาเตโอ โควาซิช เกมส์นี้เมื่อไม่มีโบรโซวิช และเจ้าตัวต้องถูกจับมาเล่นเป็นเบอร์8 แทนโมดริช ที่วันนี้ลงไปสร้างเกมส์จากข้างหลังแทนโบรโซวิช ถือว่ายังสอบไม่ผ่าน เนื่องจากเจ้าตัวยังติดการเล่นเป็นลูกหาบ ให้ 2 คนดังกล่าวมากเกินไป เพราะการเคลื่อนที่ของเจ้าตัว ไม่สามารถสร้างประโยชน์แก่แนวรุกได้ แถมการออกบอลแต่ละครั้ง การเลือกจ่ายของเจ้าตัว ก็ยังไม่ได้เลือกจ่ายให้แก่ผู้เล่นที่ได้เปรียบที่สุด และยังชอบคาตำแหน่งตัวเองอยู่กลางสนามเสมอ เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่มิดฟิลด์และแดนหน้า ถูกตัดขาดออกจากกันในครึ่งแรก

- บิลัล เอล คานนูส เกมส์นี้เจ้าตัวถูกเปลี่ยนลงมาทำหน้าที่แทน โอนาฮี แต่ก็ไม่สามารถทดแทนได้เลย ทั้งการพาบอลขึ้นหน้า การเคลื่อนที่ หรือการออกบอล ทำให้ อัมราบัต และ ซาบิรี่ ต้องขึ้นมาช่วยทำเกมส์รุกอยู่ในหลายๆจังหวะ ซึ่งสุดท้ายก็ต้องส่งโอนาฮี กลับลงมาทำหน้าที่แทนในเกมส์รุกช่วงท้ายเกมส์ เพื่อจะเอาประตูตีเสมอ

**ถือว่ายังรักษามาตรฐานของตัวเองไว้ได้ในทัวร์นาเมนต์นี้ สำหรับโครเอเชีย หลังจากเอาชนะโมร็อกโกและจบอันดับ 3 ได้ แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงสำหรับพวกเขาคือ การถ่ายเลือดใหม่ เพราะปัจจุบันก็ยังไม่มีผู้เล่นคนไหน ที่ดูมีแนวโน้มจะก้าวขึ้นมาแทนที่ผู้เล่นแกนหลักอย่าง โมดริช โบรโซวิช และเปริซิช ได้ แถมเมื่อหมดยุคศูนย์หน้าอย่าง มาริโอ มานด์ซูคิช ก็ยังไม่มีใครขึ้นมาอุดรอยรั่วตรงนี้ได้ อีกทั้งผลงานที่เข้าตาของกุนซืออย่าง ซลัตโก้ ดาลิช ก็มีความสุ่มเสี่ยงที่พวกเขา จะเสียกุนซือรายนี้ไป ให้แก่ทีมต่างๆในยุโรปอีก เรียกว่าถ้าพวกเขายังอยากรักษามาตรฐานในฟุตบอลระดับสูงต่อไปให้ได้ ต้องถ่ายเลือดใหม่ให้ทันก่อนที่ฟุตบอลโลก2026 จะเริ่มขึ้นใน 4 ปีข้างหน้านี้

**ส่วนฝั่งโมร็อกโก สามารถเรียกได้ว่านื่คือยุคทองของพวกเขาอย่างแท้จริง เพราะการที่จะมีนักเตะระดับ ซีเย็ค และ ฮาคิมี่ เกิดขึ้นมาพร้อมๆกัน ถ้าว่ากันตามตรง ถือว่าเป็นเรื่องยาก การจบอันดับ 4 จึงมีความหมายมากๆ สำหรับพวกเขา และจากนี้ไป ผู้เล่นชุดนี้จะถือเป็นชุดประวัติศาสตร์ ที่ถูกกล่าวถึงไปอีกนานแน่นอน

ผมได้เขียนบทวิเคราะห์นี้ลงใน Pantip ควบคู่ไปกับเพจ Facebook ถ้าใครอ่านแล้วชอบบทความนี้สามารถติดตามที่เพจได้ครับ อัพเดทงานใหม่เรื่อยๆครับ https://www.facebook.com/profile.php?id=100088002469902&mibextid=ZbWKwL
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่