ผู้กำกับ David Leitch อาจสร้างชื่อจากหนัง action ที่ตัวเองร่วมกำกับ (แต่ไม่ได้เครดิต) อย่าง John Wick ภาคแรก
แต่เมื่อเขาแยกตัวเองมากำกับเดี่ยวอย่าง Atomic Blonde และ Dead Pool 2 สิ่งที่โดดเด่นกลับไม่ใช่ฉาก action อันเป็นงานถนัด
หนังของ Leitch มี action ที่ดี แต่มันไม่ได้ถูกตะบี้ตะบันยัดเข้ามา ฉาก action เหล่านี้ถูกใส่มาในจังหวะที่พอเหมาะพอดีเพื่อรับใช้การเล่าเรื่อง โดยไม่กลบเนื้อเรื่องหลัก จนหนังเหล่านี้กลายเป็นงานบันเทิงที่กลมกล่อม
ดังนั้นความโดดเด่นที่แท้จริงของ Leitch ก็คือการผสมสานฉาก action เข้ากับการดำเนินเรื่องได้อย่างลงตัว
.
.
.
ในผลงานล่าสุดอย่าง Bullet Train ที่ดัดแปลงจากนวนิยายของ Kotaro Isaka ก็ให้ผลลัพธ์เช่นเดียวกัน
Leitch ยังคงผสมผสานฉาก action เข้ากับเนื้อหาโดยไม่กลบ 'การขายเสน่ห์ของตัวละคร' อันเป็นจุดเด่นสำคัญของหนังเรื่องนี้ได้อย่างดีเยี่ยม
ไม่ต่างกับงานภาพที่สีสันฉูดฉาด นักแสดงนำแต่ละคนก็เป็นสีสันที่สำคัญอย่างหนึ่งของหนังเรื่องนี้ โดยทุกตัวละครต่างก็มีฉากที่น่าจดจำของตัวเอง
ซึ่งจะว่าไปแล้วเสน่ห์ของตัวละครหลักในหนังคือหัวใจสำคัญให้ผู้ชมเฝ้าติดตามเนื้อเรื่อง
และการที่พวกเขาไม่โดนพลังดาราของ Brad Pitt กลบรัศมี พวกเขาก็สมควรได้รับคำชมกันทั้งทีม
.
.
.
ถ้าถามว่ามันเป็นหนังที่ดีหรือไม่ ?
อาจตอบคำถามนี้ยากซักหน่อย เพราะหนังก็มีร่องรอยของความไม่สมบูรณ์อยู่บ้าง
.
แต่ถ้าถามว่าหนังสนุกไหม ?
อันนี้ตอบได้ไม่ยาก ในฐานะที่เป็นคนชอบดูหนังแบบ ‘หลายคนอลเวง’ ของผู้กำกับ Guy Ritchie และในฐานะคนชอบดูหนัง action/comedy
ขอตอบว่า Bullet Train เป็นหนังที่สนุกและน่าประทับใจ
นอกจากนี้หนังยังมีประเด็นปรัชญาที่น่าสนุกไม่แพ้กัน
[CR] <<< วิเคราะห์-วิจารณ์ *** Bullet Train *** 'โชคชะตา' หรือ 'ชะตากรรม' >>> (เปิดเผยเนื้อหาสำคัญ)
แต่เมื่อเขาแยกตัวเองมากำกับเดี่ยวอย่าง Atomic Blonde และ Dead Pool 2 สิ่งที่โดดเด่นกลับไม่ใช่ฉาก action อันเป็นงานถนัด
หนังของ Leitch มี action ที่ดี แต่มันไม่ได้ถูกตะบี้ตะบันยัดเข้ามา ฉาก action เหล่านี้ถูกใส่มาในจังหวะที่พอเหมาะพอดีเพื่อรับใช้การเล่าเรื่อง โดยไม่กลบเนื้อเรื่องหลัก จนหนังเหล่านี้กลายเป็นงานบันเทิงที่กลมกล่อม
ดังนั้นความโดดเด่นที่แท้จริงของ Leitch ก็คือการผสมสานฉาก action เข้ากับการดำเนินเรื่องได้อย่างลงตัว
.
.
.
ในผลงานล่าสุดอย่าง Bullet Train ที่ดัดแปลงจากนวนิยายของ Kotaro Isaka ก็ให้ผลลัพธ์เช่นเดียวกัน
Leitch ยังคงผสมผสานฉาก action เข้ากับเนื้อหาโดยไม่กลบ 'การขายเสน่ห์ของตัวละคร' อันเป็นจุดเด่นสำคัญของหนังเรื่องนี้ได้อย่างดีเยี่ยม
ไม่ต่างกับงานภาพที่สีสันฉูดฉาด นักแสดงนำแต่ละคนก็เป็นสีสันที่สำคัญอย่างหนึ่งของหนังเรื่องนี้ โดยทุกตัวละครต่างก็มีฉากที่น่าจดจำของตัวเอง
ซึ่งจะว่าไปแล้วเสน่ห์ของตัวละครหลักในหนังคือหัวใจสำคัญให้ผู้ชมเฝ้าติดตามเนื้อเรื่อง
และการที่พวกเขาไม่โดนพลังดาราของ Brad Pitt กลบรัศมี พวกเขาก็สมควรได้รับคำชมกันทั้งทีม
.
.
.
ถ้าถามว่ามันเป็นหนังที่ดีหรือไม่ ?
อาจตอบคำถามนี้ยากซักหน่อย เพราะหนังก็มีร่องรอยของความไม่สมบูรณ์อยู่บ้าง
.
แต่ถ้าถามว่าหนังสนุกไหม ?
อันนี้ตอบได้ไม่ยาก ในฐานะที่เป็นคนชอบดูหนังแบบ ‘หลายคนอลเวง’ ของผู้กำกับ Guy Ritchie และในฐานะคนชอบดูหนัง action/comedy
ขอตอบว่า Bullet Train เป็นหนังที่สนุกและน่าประทับใจ
นอกจากนี้หนังยังมีประเด็นปรัชญาที่น่าสนุกไม่แพ้กัน
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้