ขอเล่าเรื่องจากภาคแรก เพื่อความเข้าใจของท่านผู้อ่าน
หนังภาคแรก ชินคันเซน ไดบากุฮะ(新幹線大爆破)1975
ระเบิดรถไฟชินคันเซน
กำกับโดย ซาโตะ จุนยะ
นำแสดงโดย ทาคาคุระ เคน
ถือเป็นหนังรถไฟหัวกระสุน ระลึกขวัญเรื่องแรกของญี่ปุ่น
โด่งดังจาก เนื้อเรื่องเสียดสีสังคมญี่ปุ่นตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อม
คำพูด การกระทำของตัวละคร เล่นใหญ่ไฟกระพริบ แบบละครไทย
ตรงข้ามกับคนโตเกียวที่นิยม พูดจีบปากจีบคอ
พูดอ้อมไปมาให้ตีความ เพื่อให้ตัวเองดูดี
ญี่ปุ่นอยู่ภายใต้ร้ฐธรรมนูญเมกา ให้สิทธิ์
หนัง ละคร การ์ตูน แสดงออกได้เต็มที่
ศาสนา ล้อเลียน วิจารณ์ได้ เพราะเป็นเรื่องทางวัฒนธรรม
การเมือง ซัดได้ตรงไปตรงมา
เพราะพรรคคอมมิวนิสต์ญี่ปุ่น จัดตั้งมวลชนต่อต้านรัฐบาล สร้างสนามบินนาริตะ
เนื้อเรื่อง
นักธุรกิจญี่ปุ่นตกอับ ล้มละลาย เมียทิ้ง แยกกับลูก
คิดหาทางไถเงินรัฐบาล โดยการ วางระเบิดรถไฟหัวกระสุน
ขบวน ฮิการิ109 บรรทุกผู้โดยสาร1,500คน
จากโตเกียว ไปฮากาตะ
ต่อมานายตรวจ ฮิการิ109 ได้รับแจ้งจากคนร้ายว่า
รถไฟโดนวางระเบิด
ถ้าวิ่งต่ำกว่า 80กม.
ระเบิดจะทำงานทันที

จากนั้นมีระเบิดขบวนรถไฟสินค้า เป็นการเชือดไก่ให้ลิงดู ว่าของจริง
พร้อมเรียกค่าไถ่ 1,500 ล้านเยน จากรัฐบาลญี่ปุ่น
แลกกับวิธีปลดชนวนระเบิด
พลขับรถไฟหัวกระสุน ฮิการิ109 (ทาคาคุระ เคน)
ได้รับคำสั่ง ให้คงความเร็วหัวจักรไว้ที่ 120 กม.

ต้องฝ่าเขตสับราง โดยลดความเร็วเหลือ 85 กม.
ผู้โดยสาร เริ่มอาละวาด เพราะเครียดจัด
จากการทำงานชักช้าของรัฐบาล ตำรวจ ข้าราชการ
ที่ชอบแก้ตัว มากกว่าแก้ไข พร้อมลอยตัวเหนือทุกปัญหา

ฝ่ายตำรวจเร่งหาตัวคนร้าย มีการยิงปืนปะทะกันหลายครั้ง
ต่อมาคนร้ายได้เงินค่าไถ่
พร้อมทิ้งพิมพ์เขียว วิธีปลดชนวนระเบิดไว้ที่ร้านกาแฟตามนัด
แต่ร้านกาแฟไฟไหม้จากอุบัติเหตุ พิมพ์เขียวจึงสูญไปด้วย
ตำรวจติดตามคนร้าย จนถึงที่กบดาน
คนร้ายระเบิดตัวตาย จึงไม่สามารถระบุตัวตนคนร้ายได้
แต่มีตำรวจ สมอ้างว่า เป็นคนยิง หนึ่งในกลุ่มคนร้าย
แล้วคนร้ายกดชนวนระเบิด
ได้รับยกย่องเป็น ตำรวจยอดเยี่ยม
ความจริงคนร้ายหัวโจกหนีรอดไปได้ คิดหอบเงินบินหนีไปเมืองนอก
ฝ่ายพลขับรถไฟฮิการิ109 ประสานกับฝ่ายช่าง
นำรถไฟอีกขบวนขับเทียบ ส่งอุปกรณ์เชื่อม เจาะ โลหะ ทางเชือกโยง
สามารถเจาะพื้นตู้โดยสาร และถอดชนวนระเบิดสำเร็จ
แต่ยังไม่ประกาศข่าวว่า กู้ระเบิดได้ออกสื่อ เพื่อให้คนร้ายตายใจ
ตำรวจสืบจนพบ เมียของคนร้าย
และพาไปซุ่มรอที่ทางเข้าสนามบินฮาเนดะ โตเกียว
เพื่อชี้ตัวว่า ใครคือคนร้าย
เมื่อระบุตัวคนร้ายได้
ตำรวจระดมกำลัง ไล่จับคนร้ายพร้อมเงิน1,500ล้านเยน
สุดท้าย ตำรวจวิสามัญคนร้าย ตายคาสนามบินฮาเนดะ
พร้อมภาพ เครื่องบินทะยานขึ้นฟ้า กับมือคนร้ายที่ม้วยลง
จบภาคแรก
หนังภาคสอง Bullet Train Explosion 2025 ใช้ชื่อญี่ปุ่นเดียวกับภาคแรก
กำกับโดย คิคุจิ ชินจิ(ชินก็อดซิล่า)
รับชมได้ทาง netflix 4k
พากย์ไทย
บรรยายไทย
ภาคนี้สร้างเคารพภาคแรกทั้งเรื่อง
นักแสดงทุ่มสุดตัว เพราะคนญี่ปุ่นคาดหวังเยอะ
จึงมีวิวาท ชกต่อย ด่าทอ ทั้งเรื่อง
ไม่มีเก็บอาการ จีบปากจีบคอ ตามจริตผู้ดีโตเกียวแบบภาคแรก

ฉากรถไฟวิ่งสับรางยังคงไว้ แต่ลุ้นกว่าภาคแรก
คนร้ายลอกวิธีการจาก คนร้ายภาคแรก โดยมีผู้ช่วยสร้างและวางระเบิด
หวังแก้แค้นเรื่องส่วนตัว โดยสร้างสถานการณ์ ที่เอาคนมาสังเวยเต็มขบวน
พร้อมเรียกค่าไถ่จากรัฐบาลญี่ปุ่น 1แสนล้านเยน
แต่นายกญี่ปุ่นติดประชุมที่เมกา ทิ้งให้รองนายกรับเผือกร้อนแทน
โดยสั่งให้ ที่ปรึกษานายก ไปสั่งการที่ศูนย์ควบคุมการเดินรถไฟ ภาคตะวันออก
จะได้เป็นแพะ แทนคณะรัฐบาลญี่ปุ่น
หนังภาคสอง เดินเรื่องเหมือนภาคแรก
แต่ปมสืบสวน ขยายผลต่างจากภาคแรก
ครึ่งแรกของเรื่อง สนุกมาก ไม่แพ้หนังฮอลลีวู้ด
ครึ่งหลังเฉลยปมแล้ว น่าเบื่อ ไม่สนุกเท่าครึ่งแรก เพราะเหตุผลไม่มีน้ำหนักพอ
โดยปรกติหนังของ คิคุจิ ชินจิ จะบทดี เนื้อเรื่องดีจนจบ
สิ่งที่ช่วยให้อยากดูจนจบตลอดเรื่องคือ

พลขับสาวสวย มัตสึโมโตะ จิกะ
รับบทโดย นอน หรือ โนเนน เรนะ(
Rena Nounen)

นางโผล่มาไม่กี่ฉากในเรื่อง แต่เด่นขโมยซีนได้ตลอด
พลขับสาวใจเพชร รถด่วนชินคันเซน
ขบวนฮายาบูสะ(เหยี่ยว) 60 แห่งยุคเรวะ

นายตรวจ คาเคอิจิ คาซุยะ
รับบทโดย คุซานางิ สึโยชิ
คนยุคปลายโชวะ ยึดถือจารีตธรรมเนียม ภักดีต่อองค์กร
แสดงดี แต่ความ หล่อ เท่ ลูกผู้ชายตัวจริง ยังสู้ ทาคาคุระ เคน ไม่ได้
(ข้าราชการญี่ปุ่นมีทั้งหมด 5แสนคน เพราะหลายหน่วยงานแปรรูปเป็นเอกชน
ส่วนบางประเทศ มีข้าราชการ2.5ล้านคน การทำงานจึงติดขัดเชื่องช้า)
คนรุ่นใหม่ในเรื่อง ปลายยุคโชวะ-เฮเซย์
ลดละความเชื่อในจารีตธรรมเนียม ความภักดีต่อองค์กรไปมาก
จนถูกตราหน้าว่า แหกคอก แกะดำ
บางคนถูกทำลายตัวตน จนกลายเป็นซึมเศร้า โรคจิต
แม้คนรุ่นใหม่มีมากขึ้นทุกวัน
แต่คนรุ่นเก่ายังไม่ยอมลงจากอำนาจ
ความขัดแย้งของคนสองรุ่นจึงทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
ถือเป็นภาคต่อที่ดูสนุก ลุ้น ไม่เสียเวลาดู
แม้เฉลยปมง่ายไปหน่อยก็ตาม
หนังถ่ายทอดน้ำใจคนญี่ปุ่นได้ดี
แม้คนเมืองจะใจจืดใจดำ
ผู้ดีเห็นคนไม่เป็นคน
ชาวบ้านเหมือน มด ปลวก
ปล่อยให้ตายเป็นผัก ปลา ยังไงก็ได้
แต่ยังมีขุนนางตงฉิน คอยช่วยเหลือประชาชนญี่ปุ่นอยู่
แม้เป็นผู้น้อยตัวเล็กๆ สส.ตัวตลก สื่อมวลชนแหกคอก คนรวยใจดำ
ยังมีสำนึก ความรับผิดชอบต่อสังคม เมื่อภัยพิบัติมาเยือน
ถ้าเข้าใจสังคมที่ต้อง
ใส่หน้ากาก หัวโขน เข้าหากันตลอดเวลา
จะอินกับหนังเรื่องนี้ได้ไม่ยาก
เพื่อนกัน เราเห็นมันเป็นเพื่อน แต่มันไม่เห็นเราเป็นเพื่อน
ซ้ำร้าย ยังคิดเอาเพื่อนไปเป็นเครื่องสังเวย เพื่อระบายแค้นส่วนตัว
การให้สิ่งใด ยากจะเหนือกว่า การให้อภัย
ท้ายนี้ผิดพลาดประการใด ผู้เขียนต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ ขอบคุณครับ
Bullet Train Explosion 2025 ภาคสอง ต่อจากหนัง ระเบิดรถไฟชินคันเซน(新幹線大爆破)1975
ขอเล่าเรื่องจากภาคแรก เพื่อความเข้าใจของท่านผู้อ่าน
หนังภาคแรก ชินคันเซน ไดบากุฮะ(新幹線大爆破)1975
ระเบิดรถไฟชินคันเซน
กำกับโดย ซาโตะ จุนยะ
นำแสดงโดย ทาคาคุระ เคน
ถือเป็นหนังรถไฟหัวกระสุน ระลึกขวัญเรื่องแรกของญี่ปุ่น
โด่งดังจาก เนื้อเรื่องเสียดสีสังคมญี่ปุ่นตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อม
คำพูด การกระทำของตัวละคร เล่นใหญ่ไฟกระพริบ แบบละครไทย
ตรงข้ามกับคนโตเกียวที่นิยม พูดจีบปากจีบคอ
พูดอ้อมไปมาให้ตีความ เพื่อให้ตัวเองดูดี
ญี่ปุ่นอยู่ภายใต้ร้ฐธรรมนูญเมกา ให้สิทธิ์
หนัง ละคร การ์ตูน แสดงออกได้เต็มที่
ศาสนา ล้อเลียน วิจารณ์ได้ เพราะเป็นเรื่องทางวัฒนธรรม
การเมือง ซัดได้ตรงไปตรงมา
เพราะพรรคคอมมิวนิสต์ญี่ปุ่น จัดตั้งมวลชนต่อต้านรัฐบาล สร้างสนามบินนาริตะ
เนื้อเรื่อง
นักธุรกิจญี่ปุ่นตกอับ ล้มละลาย เมียทิ้ง แยกกับลูก
คิดหาทางไถเงินรัฐบาล โดยการ วางระเบิดรถไฟหัวกระสุน
ขบวน ฮิการิ109 บรรทุกผู้โดยสาร1,500คน
จากโตเกียว ไปฮากาตะ
ต่อมานายตรวจ ฮิการิ109 ได้รับแจ้งจากคนร้ายว่า
รถไฟโดนวางระเบิด
ถ้าวิ่งต่ำกว่า 80กม.
ระเบิดจะทำงานทันที
จากนั้นมีระเบิดขบวนรถไฟสินค้า เป็นการเชือดไก่ให้ลิงดู ว่าของจริง
พร้อมเรียกค่าไถ่ 1,500 ล้านเยน จากรัฐบาลญี่ปุ่น
แลกกับวิธีปลดชนวนระเบิด
พลขับรถไฟหัวกระสุน ฮิการิ109 (ทาคาคุระ เคน)
ได้รับคำสั่ง ให้คงความเร็วหัวจักรไว้ที่ 120 กม.
ต้องฝ่าเขตสับราง โดยลดความเร็วเหลือ 85 กม.
ผู้โดยสาร เริ่มอาละวาด เพราะเครียดจัด
จากการทำงานชักช้าของรัฐบาล ตำรวจ ข้าราชการ
ที่ชอบแก้ตัว มากกว่าแก้ไข พร้อมลอยตัวเหนือทุกปัญหา
ฝ่ายตำรวจเร่งหาตัวคนร้าย มีการยิงปืนปะทะกันหลายครั้ง
ต่อมาคนร้ายได้เงินค่าไถ่
พร้อมทิ้งพิมพ์เขียว วิธีปลดชนวนระเบิดไว้ที่ร้านกาแฟตามนัด
แต่ร้านกาแฟไฟไหม้จากอุบัติเหตุ พิมพ์เขียวจึงสูญไปด้วย
ตำรวจติดตามคนร้าย จนถึงที่กบดาน
คนร้ายระเบิดตัวตาย จึงไม่สามารถระบุตัวตนคนร้ายได้
แต่มีตำรวจ สมอ้างว่า เป็นคนยิง หนึ่งในกลุ่มคนร้าย
แล้วคนร้ายกดชนวนระเบิด
ได้รับยกย่องเป็น ตำรวจยอดเยี่ยม
ความจริงคนร้ายหัวโจกหนีรอดไปได้ คิดหอบเงินบินหนีไปเมืองนอก
ฝ่ายพลขับรถไฟฮิการิ109 ประสานกับฝ่ายช่าง
นำรถไฟอีกขบวนขับเทียบ ส่งอุปกรณ์เชื่อม เจาะ โลหะ ทางเชือกโยง
สามารถเจาะพื้นตู้โดยสาร และถอดชนวนระเบิดสำเร็จ
แต่ยังไม่ประกาศข่าวว่า กู้ระเบิดได้ออกสื่อ เพื่อให้คนร้ายตายใจ
ตำรวจสืบจนพบ เมียของคนร้าย
และพาไปซุ่มรอที่ทางเข้าสนามบินฮาเนดะ โตเกียว
เพื่อชี้ตัวว่า ใครคือคนร้าย
เมื่อระบุตัวคนร้ายได้
ตำรวจระดมกำลัง ไล่จับคนร้ายพร้อมเงิน1,500ล้านเยน
สุดท้าย ตำรวจวิสามัญคนร้าย ตายคาสนามบินฮาเนดะ
พร้อมภาพ เครื่องบินทะยานขึ้นฟ้า กับมือคนร้ายที่ม้วยลง
จบภาคแรก
หนังภาคสอง Bullet Train Explosion 2025 ใช้ชื่อญี่ปุ่นเดียวกับภาคแรก
กำกับโดย คิคุจิ ชินจิ(ชินก็อดซิล่า)
รับชมได้ทาง netflix 4k
พากย์ไทย
บรรยายไทย
ภาคนี้สร้างเคารพภาคแรกทั้งเรื่อง
นักแสดงทุ่มสุดตัว เพราะคนญี่ปุ่นคาดหวังเยอะ
จึงมีวิวาท ชกต่อย ด่าทอ ทั้งเรื่อง
ไม่มีเก็บอาการ จีบปากจีบคอ ตามจริตผู้ดีโตเกียวแบบภาคแรก
ฉากรถไฟวิ่งสับรางยังคงไว้ แต่ลุ้นกว่าภาคแรก
คนร้ายลอกวิธีการจาก คนร้ายภาคแรก โดยมีผู้ช่วยสร้างและวางระเบิด
หวังแก้แค้นเรื่องส่วนตัว โดยสร้างสถานการณ์ ที่เอาคนมาสังเวยเต็มขบวน
พร้อมเรียกค่าไถ่จากรัฐบาลญี่ปุ่น 1แสนล้านเยน
แต่นายกญี่ปุ่นติดประชุมที่เมกา ทิ้งให้รองนายกรับเผือกร้อนแทน
โดยสั่งให้ ที่ปรึกษานายก ไปสั่งการที่ศูนย์ควบคุมการเดินรถไฟ ภาคตะวันออก
จะได้เป็นแพะ แทนคณะรัฐบาลญี่ปุ่น
หนังภาคสอง เดินเรื่องเหมือนภาคแรก
แต่ปมสืบสวน ขยายผลต่างจากภาคแรก
ครึ่งแรกของเรื่อง สนุกมาก ไม่แพ้หนังฮอลลีวู้ด
ครึ่งหลังเฉลยปมแล้ว น่าเบื่อ ไม่สนุกเท่าครึ่งแรก เพราะเหตุผลไม่มีน้ำหนักพอ
โดยปรกติหนังของ คิคุจิ ชินจิ จะบทดี เนื้อเรื่องดีจนจบ
สิ่งที่ช่วยให้อยากดูจนจบตลอดเรื่องคือ
พลขับสาวสวย มัตสึโมโตะ จิกะ
รับบทโดย นอน หรือ โนเนน เรนะ(Rena Nounen)
นางโผล่มาไม่กี่ฉากในเรื่อง แต่เด่นขโมยซีนได้ตลอด
พลขับสาวใจเพชร รถด่วนชินคันเซน
ขบวนฮายาบูสะ(เหยี่ยว) 60 แห่งยุคเรวะ
นายตรวจ คาเคอิจิ คาซุยะ
รับบทโดย คุซานางิ สึโยชิ
คนยุคปลายโชวะ ยึดถือจารีตธรรมเนียม ภักดีต่อองค์กร
แสดงดี แต่ความ หล่อ เท่ ลูกผู้ชายตัวจริง ยังสู้ ทาคาคุระ เคน ไม่ได้
(ข้าราชการญี่ปุ่นมีทั้งหมด 5แสนคน เพราะหลายหน่วยงานแปรรูปเป็นเอกชน
ส่วนบางประเทศ มีข้าราชการ2.5ล้านคน การทำงานจึงติดขัดเชื่องช้า)
คนรุ่นใหม่ในเรื่อง ปลายยุคโชวะ-เฮเซย์
ลดละความเชื่อในจารีตธรรมเนียม ความภักดีต่อองค์กรไปมาก
จนถูกตราหน้าว่า แหกคอก แกะดำ
บางคนถูกทำลายตัวตน จนกลายเป็นซึมเศร้า โรคจิต
แม้คนรุ่นใหม่มีมากขึ้นทุกวัน
แต่คนรุ่นเก่ายังไม่ยอมลงจากอำนาจ
ความขัดแย้งของคนสองรุ่นจึงทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
ถือเป็นภาคต่อที่ดูสนุก ลุ้น ไม่เสียเวลาดู
แม้เฉลยปมง่ายไปหน่อยก็ตาม
หนังถ่ายทอดน้ำใจคนญี่ปุ่นได้ดี
แม้คนเมืองจะใจจืดใจดำ
ผู้ดีเห็นคนไม่เป็นคน
ชาวบ้านเหมือน มด ปลวก
ปล่อยให้ตายเป็นผัก ปลา ยังไงก็ได้
แต่ยังมีขุนนางตงฉิน คอยช่วยเหลือประชาชนญี่ปุ่นอยู่
แม้เป็นผู้น้อยตัวเล็กๆ สส.ตัวตลก สื่อมวลชนแหกคอก คนรวยใจดำ
ยังมีสำนึก ความรับผิดชอบต่อสังคม เมื่อภัยพิบัติมาเยือน
ถ้าเข้าใจสังคมที่ต้อง
ใส่หน้ากาก หัวโขน เข้าหากันตลอดเวลา
จะอินกับหนังเรื่องนี้ได้ไม่ยาก
เพื่อนกัน เราเห็นมันเป็นเพื่อน แต่มันไม่เห็นเราเป็นเพื่อน
ซ้ำร้าย ยังคิดเอาเพื่อนไปเป็นเครื่องสังเวย เพื่อระบายแค้นส่วนตัว
การให้สิ่งใด ยากจะเหนือกว่า การให้อภัย
ท้ายนี้ผิดพลาดประการใด ผู้เขียนต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ ขอบคุณครับ