ไม่เห็นไปบิณฑบาต! ไขกุฏิดูหลวงพี่เจอโควิดคร่าไปแล้ว ติดเชื้อรอบ 2
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7412595
หลวงพี่ ไปรับกิจนิมนต์กลับถึงวัด มีอาการป่วยคล้ายติดโควิดอีกรอบ เช้ามืดไม่เห็นไปบิณฑบาต พระลูกวัด เอาถุงกับข้าวมาวางไว้หน้ากุฏิ สุดท้ายไม่เห็นเปิดประตู ไขกุญแจเข้าไปดูพบโควิดคร่าไปอีกชีวิตแล้ว
เมื่อเวลา 14.30 น.วันที่ 13 ธ.ค.2565 ร.ต.อ.
ฐานิต ที่ภักดี รองสารวัตร(สอบสวน) สภ.เมืองตราด รับแจ้งพระมรณภาพด้วยโรคโควิด-19 ภายในกุฏิวัดเขตพื้นที่อำเภอเมืองตราด จึงประสานแพทย์รพ.ตราด แล้วรุดไปตรวจสอบพร้อมหน่วยกู้ภัยสว่างบุญช่วยเหลือจังหวัดตราด
เมื่อไปถึงพบหน้าประตูกุฏิมีกับข้าววางอยู่ 1 ถุง ส่วนภายในกุฏิพบศพพระลูกวัด อายุ 59 ปี เจ้าหน้าที่และหน่วยกู้ภัยต้องสวมใส่ชุดป้องกันเข้าชันสูตร ไม่พบร่องรอยการถูกทำร้าย เสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 12 ชั่วโมง สาเหตุการเสียชีวิตจากการติดเชื้อโรคโควิด-19
สอบสวนทราบว่า เมื่อ 2 วันที่แล้วพระเดินทางไปทำกิจนิมนต์ที่อำเภอเกาะกูด หลังจากกลับมามีอาการคล้ายติดเชื้อโควิดจนกระทั่งช่วงเช้ามืดไม่ได้ออกไปบิณฑบาต พระรูปอื่นจึงนำกับข้าวมาวางไว้ประตูกุฎิ
”
จนเวลาล่วงเลยมาถึงช่วงบ่ายก็ยังไม่เห็นเปิดประตูออกมาเอากับข้าว เรียกก็ไม่มีเสียงตอบตัดสินใจไขกุญแจเข้าไปดูก็พบว่ามรณภาพไปแล้ว โดยพระรูปนี้มีโรคประจำตัว ได้รับการวัคซีนป้องกันแล้ว 3 เข็ม ติดเชื้อโควิดมาแล้ว 1 ครั้ง ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ก่อนเสียชีวิต ”
จากนั้นเจ้าหน้าที่แจ้งกักตัว พระที่ออกทำกิจนิมนต์ด้วยอีก 10 รูป ส่วนศพพระหน่วยกู้ภัยนำฌาปนกิจทันทีที่เมรุวัดไผ่ล้อม อ.เมืองตราด เมื่อเผาเสร็จแล้วจะได้นำเถ้ากระดูกกลับมาส่งให้ครอบครัวทำบุญให้ต่อไป
“ทนายอนันต์ชัย” ยื่นสอบ อธิบดีกรมการปกครอง ร้องยุบสมาคม “ศรีสุวรรณ” 7 เดือน ไม่คืบ
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7412862
“ทนายอนันต์ชัย” ยื่นสอบ อธิบดีกรมการปกครอง หลังร้องยุบสมาคม “ศรีสุวรรณ” 7 เดือน ไม่คืบ โวย ทำงานล่าช้า “เสรีพิศุทธ์” เผยเชือด “สนธิญา” 2 คดี
เมื่อเวลา 8.30 น. วันที่ 14 ธ.ค.65 ที่รัฐสภา นาย
อนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความ ยื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.
เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.)ปราบปรามการทุจริตและประพฤติผิดมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร (ปปช.)เพื่อให้ตรวจสอบและดำเนินคดีกับอธิบดีกรมการปกครอง และเจ้าหน้าที่ หลังจากไม่ยอมเพิกถอน สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ของ นาย
ศรีสุวรรณ จรรยา
ทนาย
อนันต์ชัย กล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 6 มิ.ย. ที่ตนยื่นหนังสือถึงอธิบดีกรมการปกครองให้ตรวจสอบของนาย
ศรีสุวรรณ จนถึงวันนี้เป็นเวลากว่า 7 เดือนแล้ว กรมการปกครองและเจ้าหน้าที่ยังทำงานล่าช้าแบบเต่าคลาน ที่ผ่านมามีประชาชนสอบถามความคืบหน้าเข้ามาจำนวนมาก แต่ตนขี้เกียจตอบปัญหาว่าสมาคมของนาย
ศรีสุวรรณจะถูกถอดถอนเมื่อไหร่ มองว่าการกระทำของนาย
ศรีสุวรรณก่อให้เกิดความเสียหายให้กับผู้ถูกร้องเรียนจำนวนมาก
“
บางคนมีตำแหน่งหน้าที่ในราชการ ถูกนายศรีสุวรรณร้องเรียนจนต้องถูกออกจากราชการ และสุดท้าย เมื่อมีการสืบสวนสอบสวน ตั้งกรรมการสอบวินัยแล้ว ไม่มีความผิด แต่เขาต้องเสียอนาคต ไม่สามารถที่จะแก้ไข อย่างไรได้ เรื่องก็เงียบหายไป” นาย
อนันต์ชัย กล่าว
นาย
อนันต์ชัย กล่าวว่า ผู้ถูกร้องเรียนแต่ละคนมีผลกระทบที่ได้รับ คือการไม่มีอาชีพ และไม่มีเงิน ชื่อเสียงย่อยยับ ทั้งนี้ สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยก็เป็นห้องแถวเล็กๆ ไม่มีป้าย และนาย
ศรีสุวรรณก็ทำงานเพียงคนเดียว ไม่มีการประชุมแม้แต่ครั้งเดียว ทั้งการประชุมสามัญ วิสามัญ การประชุมเลือกรรมการ งบดุลก็ไม่มีการส่ง อย่างไรก็ตาม ตนรวบรวมหลักฐาน และเสนอสำนวนไปยังอธิบดีกรมการปกครองถึง 8 แฟ้ม แต่ผ่านมาหลายเดือนก็ยังไม่มีความคืบหน้า
นาย
อนันต์ชัย กล่าวว่า ล่าสุดที่นาย
ศรีสุวรรณร้องเรียนคือเรื่องการยื่นยุบพรรคเพื่อไทย ซึ่งมีกระดาษไม่กี่แผ่น ตั้งข้อสงสัยว่าทำไมถึงไม่ตรวจสอบทุนจีนสีเทาซึ่งเป็นประเด็นมากกว่า
“
การร้องเรียนของศรีสุวรรณ มี 2 อย่างคือ ร้องตีฉิ่ง คือร้องกันเอาไว้ไม่ให้คนอื่นมาร้อง เรื่องก็เงียบหายไป สองคือการร้องจริง แต่ไม่ได้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริง ฟังไม่ได้ศัพท์จับไปกระเดียด”
ทนาย
อนันต์ชัย ย้ำว่า คนถูกร้องเสียหายมาก นอกจากนี้ ยังกระทบไปถึงญาติ เพื่อนฝูง และผู้บังคับบัญชา เสียหายไปทั้งระบบ ในปีที่แล้ว นาย
ศรีสุวรรณร้องเรียนเรื่องส่วนตัวถึง 353 เรื่อง มองว่าการร้องเรียนไม่ใช่ร้องตะพึดตะพือ ตอนนี้ตนมีความเหลืออดกับการกระทำดังกล่าว จึงยื่นหนังสือต่อ พล.ต.อ.
เสรีพิศุทธ์ ให้ตรวจสอบ หากพบว่ามีการละเลยต่อหน้าที่ให้ดำเนินคดีกับอธิบดีกรมการปกครองรวมถึงเจ้าหน้าที่รัฐ เพื่อเป็นตัวอย่างของการทำงานล่าช้า
ด้าน พล.ต.อ.
เสรีพิศุทธ์ กล่าวขอบคุณทนาย
อนันต์ชัย พร้อมกับระบุว่า 7 เดือนแล้วที่ยังไม่ได้รับคำตอบจากกรมการปกครอง ตนมองว่าไม่ควรใช้เวลานานแบบนี้ กรมการปกครองทำงานล่าช้า ซึ่งหากเป็นตามวิสัยคนไทยที่เฉื่อยชา
“
อย่างคุณศรีสุวรรณ ท่านก็เห็นอยู่แล้วไปยื่นเรื่องอะไรก็แล้ว แต่ไม่ได้มีเอกสาร ประกอบหลักฐานแบบนี้ ไปยื่นหนังสือใบเดียว 2 ใบ กล่าวหาเขาแล้วโดยอ้างสิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ แต่ไม่คำนึงถึงความเสียหายของใครบ้าง แล้วตัวเองก็ยอมรับกับสื่อทุกเวทีแล้วว่าได้รับค่าตอบแทน รับเข้าส่วนตัว ไม่ได้รับเข้าสมาคม” พล.ต.อ.
เสรีพิศุทธ์ กล่าว
พล.ต.อ.
เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า ลักษณะดังกล่าว เป็นการหากินที่ไม่สุจริต หากนาย
ศรีสุวรรณเป็นข้าราชการก็ตายไปแล้ว เพราะมีเรื่องวินัย ตอนนี้ตนยื่นฟ้องนาย
ศรีสุวรรณไปแล้วปีกว่าเหมือนกัน แต่ก็ยังไม่มีความคืบหน้า
“
พี่น้องประชาชนก็ถามว่าทำไมไม่ดำเนินการสักที มันซ่าเหลือเกิน ผมขอเรียนว่ามันไม่ได้อยู่ในอำนาจของผม”พล.ต.อ.
เสรีพิศุทธ์ กล่าว
พล.ต.อ.
เสรีพิศุทธ์ ยังกล่าวถึง นาย
สนธิญา สวัสดี อดีตที่ปรึกษากรรมาธิการ การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ที่ชอบยื่นร้องเรียนเช่นเดียวกัน และพยายามหาผลประโยชน์ ตนได้ฟ้องนายสนธิญาไป 3 คดี มี 2 คดี ที่ยอมรับสารภาพจนมุม
‘ลิณธิภรณ์’ จับตา ‘ตู้ห่าว’ พ้นผิดเหตุคนใน รบ.ช่วยไหม ซัดบริหารเหลว คอร์รัปชั่นเติบโต
https://www.matichon.co.th/politics/news_3724177
‘ลิณธิภรณ์’ ย้ำระบบราชการเปิดช่องทุจริต ธุรกิจสีเทาบานเป็นดอกเห็ด ชวนสังคมจับตา คดีตู้ห่าวจะปลิวหรือไม่ จวกผู้นำประเทศปล่อยกลุ่มทุนจีนหนุนการเมืองทำตัวเหนือกฎหมาย
เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม น.ส.
ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีธุรกิจทุนจีนสีเทาของ นาย
ชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือ
ตู้ห่าว ซึ่งมีจุดเริ่มต้นจากการบุกทลายผับดังย่านเจริญราษฎร์ พบยาเสพติดและบ่อนการพนัน นำไปสู่การขยายผลให้เห็นว่าทุนจีนสีเทามีเครือข่ายที่เติบโต ฝังรากอยู่ในสังคมไทยจนมีมูลค่าเงินหมุนเวียนและทรัพย์สินเกือบหมื่นล้านบาทว่า ขอตั้งคำถามว่าหาก พล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ดำเนินการจริงจังมาตลอด 8 ปี ทุนจีนสีเทาคงไม่เติบโตเหมือนในวันนี้ใช่หรือไม่ กรณีของนาย
ตู้ห่าวไม่ใช่ความผิดส่วนบุคคล แต่เป็นเพราะการบริหารราชการแผ่นดินที่ล้มเหลว ปล่อยปละละเลยให้เกิดการทุจริตคอร์รัปชั่นจึงเติบโต
น.ส.
ลิณธิภรณ์กล่าวต่อว่า สาเหตุของความล้มเหลวการตรวจสอบการทุจริตและทุนจีนสีเทาคือ 1.ตั้งแต่รัฐประหารเป็นต้นมา ไม่มีการตรวจสอบของฝ่ายค้าน 2.เจ้าหน้าที่รัฐย่อหย่อนในการบังคับใช้กฎหมาย 3.มีผลประโยชน์ต่างตอบแทนที่ทุนจีนเสนอให้ผู้มีอำนาจ เพราะมีหลักฐานเชิงประจักษ์ว่าทุนจีนสีเทาบริจาคให้พรรคร่วมรัฐบาล เพราะมีความใกล้ชิดกับพรรคการเมืองใช่หรือไม่ ประกอบกับการประเมินขององค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ (Transparency International-TI) ปี 2564 ประเทศไทยมีคะแนนการรับรู้ทุจริตอยู่ที่อันดับที่ 110 จาก 180 ประเทศ นับว่าเป็นอันดับต่ำที่สุดในรอบ 10 ปี เป็นเครื่องยืนยันถึงความล้มเหลวในการจัดการเรื่องนี้อย่างจริงจัง
น.ส.
ลิณธิภรณ์กล่าวด้วยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องสืบสวนลงโทษให้ถึงต้นตอ อย่ากลัวเจอตอ เรียกความเชื่อมั่นคืนสู่ประชาชน ปกป้องภาพลักษณ์ของประเทศไทยไม่ให้ถูกขนานนามว่าเป็นฐานของการฟอกเงินผิดกฎหมาย ทั้งยาเสพติดและธุรกิจสีเทา เพราะความเชื่อมั่นในการลงทุนของต่างชาติต้องเกิดจากภาพลักษณ์ของรัฐบาลที่ดี
“
วันนี้สังคมไทยกำลังจับตามองและตั้งคำถามว่าคดีนายตู้ห่าวจะจบลงอย่างไร จะหลุดพ้นจากความผิดเพราะมีคนใหญ่คนโตในรัฐบาลคอยช่วยเหลือหรือไม่ พรรคเพื่อไทยเล็งเห็นความสำคัญเรื่องนี้ ถึงประกาศนโยบายเพื่อไทยมา ยาเสพติดต้องหมดไป คืนสังคมปลอดภัยให้ลูกหลาน เร่งสร้างความโปร่งใสด้วยระบบราชการดิจิทัล เพิ่มประสิทธิภาพระบบราชการด้วยการบริการที่รวดเร็ว ลดขั้นตอน ตรวจสอบได้ ต่างประเทศถึงจะมั่นใจ การลงทุนถึงจะเติบโต
“วันนี้สังคมไทยต้องการการเปลี่ยนแปลง ถ้า 8 ปีที่ผ่านมายังแก้ไม่ได้ ควรเปิดทางให้พรรคที่ทำได้ ทำเป็น และเคยทำสำเร็จมาแล้วได้ลงมือทำเป็นของขวัญปีใหม่ อยู่นานถ้าทำงานไม่เป็นประเทศชาติก็ยากจะพัฒนา” น.ส.
ลิณธิภรณ์กล่าว
JJNY : ไขกุฏิดูหลวงพี่|“ทนายอนันต์ชัย”ยื่นสอบอธิบดีกรมการปกครอง| ‘ลิณธิภรณ์’ จับตา ‘ตู้ห่าว’ | ‘รัสเซีย’ เมิน ‘ยูเครน’
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7412595
หลวงพี่ ไปรับกิจนิมนต์กลับถึงวัด มีอาการป่วยคล้ายติดโควิดอีกรอบ เช้ามืดไม่เห็นไปบิณฑบาต พระลูกวัด เอาถุงกับข้าวมาวางไว้หน้ากุฏิ สุดท้ายไม่เห็นเปิดประตู ไขกุญแจเข้าไปดูพบโควิดคร่าไปอีกชีวิตแล้ว
เมื่อเวลา 14.30 น.วันที่ 13 ธ.ค.2565 ร.ต.อ.ฐานิต ที่ภักดี รองสารวัตร(สอบสวน) สภ.เมืองตราด รับแจ้งพระมรณภาพด้วยโรคโควิด-19 ภายในกุฏิวัดเขตพื้นที่อำเภอเมืองตราด จึงประสานแพทย์รพ.ตราด แล้วรุดไปตรวจสอบพร้อมหน่วยกู้ภัยสว่างบุญช่วยเหลือจังหวัดตราด
เมื่อไปถึงพบหน้าประตูกุฏิมีกับข้าววางอยู่ 1 ถุง ส่วนภายในกุฏิพบศพพระลูกวัด อายุ 59 ปี เจ้าหน้าที่และหน่วยกู้ภัยต้องสวมใส่ชุดป้องกันเข้าชันสูตร ไม่พบร่องรอยการถูกทำร้าย เสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 12 ชั่วโมง สาเหตุการเสียชีวิตจากการติดเชื้อโรคโควิด-19
สอบสวนทราบว่า เมื่อ 2 วันที่แล้วพระเดินทางไปทำกิจนิมนต์ที่อำเภอเกาะกูด หลังจากกลับมามีอาการคล้ายติดเชื้อโควิดจนกระทั่งช่วงเช้ามืดไม่ได้ออกไปบิณฑบาต พระรูปอื่นจึงนำกับข้าวมาวางไว้ประตูกุฎิ
” จนเวลาล่วงเลยมาถึงช่วงบ่ายก็ยังไม่เห็นเปิดประตูออกมาเอากับข้าว เรียกก็ไม่มีเสียงตอบตัดสินใจไขกุญแจเข้าไปดูก็พบว่ามรณภาพไปแล้ว โดยพระรูปนี้มีโรคประจำตัว ได้รับการวัคซีนป้องกันแล้ว 3 เข็ม ติดเชื้อโควิดมาแล้ว 1 ครั้ง ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ก่อนเสียชีวิต ”
จากนั้นเจ้าหน้าที่แจ้งกักตัว พระที่ออกทำกิจนิมนต์ด้วยอีก 10 รูป ส่วนศพพระหน่วยกู้ภัยนำฌาปนกิจทันทีที่เมรุวัดไผ่ล้อม อ.เมืองตราด เมื่อเผาเสร็จแล้วจะได้นำเถ้ากระดูกกลับมาส่งให้ครอบครัวทำบุญให้ต่อไป
“ทนายอนันต์ชัย” ยื่นสอบ อธิบดีกรมการปกครอง ร้องยุบสมาคม “ศรีสุวรรณ” 7 เดือน ไม่คืบ
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7412862
“ทนายอนันต์ชัย” ยื่นสอบ อธิบดีกรมการปกครอง หลังร้องยุบสมาคม “ศรีสุวรรณ” 7 เดือน ไม่คืบ โวย ทำงานล่าช้า “เสรีพิศุทธ์” เผยเชือด “สนธิญา” 2 คดี
เมื่อเวลา 8.30 น. วันที่ 14 ธ.ค.65 ที่รัฐสภา นายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความ ยื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.)ปราบปรามการทุจริตและประพฤติผิดมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร (ปปช.)เพื่อให้ตรวจสอบและดำเนินคดีกับอธิบดีกรมการปกครอง และเจ้าหน้าที่ หลังจากไม่ยอมเพิกถอน สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ของ นายศรีสุวรรณ จรรยา
ทนายอนันต์ชัย กล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 6 มิ.ย. ที่ตนยื่นหนังสือถึงอธิบดีกรมการปกครองให้ตรวจสอบของนายศรีสุวรรณ จนถึงวันนี้เป็นเวลากว่า 7 เดือนแล้ว กรมการปกครองและเจ้าหน้าที่ยังทำงานล่าช้าแบบเต่าคลาน ที่ผ่านมามีประชาชนสอบถามความคืบหน้าเข้ามาจำนวนมาก แต่ตนขี้เกียจตอบปัญหาว่าสมาคมของนายศรีสุวรรณจะถูกถอดถอนเมื่อไหร่ มองว่าการกระทำของนายศรีสุวรรณก่อให้เกิดความเสียหายให้กับผู้ถูกร้องเรียนจำนวนมาก
“บางคนมีตำแหน่งหน้าที่ในราชการ ถูกนายศรีสุวรรณร้องเรียนจนต้องถูกออกจากราชการ และสุดท้าย เมื่อมีการสืบสวนสอบสวน ตั้งกรรมการสอบวินัยแล้ว ไม่มีความผิด แต่เขาต้องเสียอนาคต ไม่สามารถที่จะแก้ไข อย่างไรได้ เรื่องก็เงียบหายไป” นายอนันต์ชัย กล่าว
นายอนันต์ชัย กล่าวว่า ผู้ถูกร้องเรียนแต่ละคนมีผลกระทบที่ได้รับ คือการไม่มีอาชีพ และไม่มีเงิน ชื่อเสียงย่อยยับ ทั้งนี้ สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยก็เป็นห้องแถวเล็กๆ ไม่มีป้าย และนายศรีสุวรรณก็ทำงานเพียงคนเดียว ไม่มีการประชุมแม้แต่ครั้งเดียว ทั้งการประชุมสามัญ วิสามัญ การประชุมเลือกรรมการ งบดุลก็ไม่มีการส่ง อย่างไรก็ตาม ตนรวบรวมหลักฐาน และเสนอสำนวนไปยังอธิบดีกรมการปกครองถึง 8 แฟ้ม แต่ผ่านมาหลายเดือนก็ยังไม่มีความคืบหน้า
นายอนันต์ชัย กล่าวว่า ล่าสุดที่นายศรีสุวรรณร้องเรียนคือเรื่องการยื่นยุบพรรคเพื่อไทย ซึ่งมีกระดาษไม่กี่แผ่น ตั้งข้อสงสัยว่าทำไมถึงไม่ตรวจสอบทุนจีนสีเทาซึ่งเป็นประเด็นมากกว่า
“การร้องเรียนของศรีสุวรรณ มี 2 อย่างคือ ร้องตีฉิ่ง คือร้องกันเอาไว้ไม่ให้คนอื่นมาร้อง เรื่องก็เงียบหายไป สองคือการร้องจริง แต่ไม่ได้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริง ฟังไม่ได้ศัพท์จับไปกระเดียด”
ทนายอนันต์ชัย ย้ำว่า คนถูกร้องเสียหายมาก นอกจากนี้ ยังกระทบไปถึงญาติ เพื่อนฝูง และผู้บังคับบัญชา เสียหายไปทั้งระบบ ในปีที่แล้ว นายศรีสุวรรณร้องเรียนเรื่องส่วนตัวถึง 353 เรื่อง มองว่าการร้องเรียนไม่ใช่ร้องตะพึดตะพือ ตอนนี้ตนมีความเหลืออดกับการกระทำดังกล่าว จึงยื่นหนังสือต่อ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ให้ตรวจสอบ หากพบว่ามีการละเลยต่อหน้าที่ให้ดำเนินคดีกับอธิบดีกรมการปกครองรวมถึงเจ้าหน้าที่รัฐ เพื่อเป็นตัวอย่างของการทำงานล่าช้า
ด้าน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวขอบคุณทนายอนันต์ชัย พร้อมกับระบุว่า 7 เดือนแล้วที่ยังไม่ได้รับคำตอบจากกรมการปกครอง ตนมองว่าไม่ควรใช้เวลานานแบบนี้ กรมการปกครองทำงานล่าช้า ซึ่งหากเป็นตามวิสัยคนไทยที่เฉื่อยชา
“อย่างคุณศรีสุวรรณ ท่านก็เห็นอยู่แล้วไปยื่นเรื่องอะไรก็แล้ว แต่ไม่ได้มีเอกสาร ประกอบหลักฐานแบบนี้ ไปยื่นหนังสือใบเดียว 2 ใบ กล่าวหาเขาแล้วโดยอ้างสิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ แต่ไม่คำนึงถึงความเสียหายของใครบ้าง แล้วตัวเองก็ยอมรับกับสื่อทุกเวทีแล้วว่าได้รับค่าตอบแทน รับเข้าส่วนตัว ไม่ได้รับเข้าสมาคม” พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าว
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า ลักษณะดังกล่าว เป็นการหากินที่ไม่สุจริต หากนายศรีสุวรรณเป็นข้าราชการก็ตายไปแล้ว เพราะมีเรื่องวินัย ตอนนี้ตนยื่นฟ้องนายศรีสุวรรณไปแล้วปีกว่าเหมือนกัน แต่ก็ยังไม่มีความคืบหน้า
“พี่น้องประชาชนก็ถามว่าทำไมไม่ดำเนินการสักที มันซ่าเหลือเกิน ผมขอเรียนว่ามันไม่ได้อยู่ในอำนาจของผม”พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าว
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ยังกล่าวถึง นายสนธิญา สวัสดี อดีตที่ปรึกษากรรมาธิการ การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ที่ชอบยื่นร้องเรียนเช่นเดียวกัน และพยายามหาผลประโยชน์ ตนได้ฟ้องนายสนธิญาไป 3 คดี มี 2 คดี ที่ยอมรับสารภาพจนมุม
‘ลิณธิภรณ์’ จับตา ‘ตู้ห่าว’ พ้นผิดเหตุคนใน รบ.ช่วยไหม ซัดบริหารเหลว คอร์รัปชั่นเติบโต
https://www.matichon.co.th/politics/news_3724177
‘ลิณธิภรณ์’ ย้ำระบบราชการเปิดช่องทุจริต ธุรกิจสีเทาบานเป็นดอกเห็ด ชวนสังคมจับตา คดีตู้ห่าวจะปลิวหรือไม่ จวกผู้นำประเทศปล่อยกลุ่มทุนจีนหนุนการเมืองทำตัวเหนือกฎหมาย
เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีธุรกิจทุนจีนสีเทาของ นายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือ ตู้ห่าว ซึ่งมีจุดเริ่มต้นจากการบุกทลายผับดังย่านเจริญราษฎร์ พบยาเสพติดและบ่อนการพนัน นำไปสู่การขยายผลให้เห็นว่าทุนจีนสีเทามีเครือข่ายที่เติบโต ฝังรากอยู่ในสังคมไทยจนมีมูลค่าเงินหมุนเวียนและทรัพย์สินเกือบหมื่นล้านบาทว่า ขอตั้งคำถามว่าหาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ดำเนินการจริงจังมาตลอด 8 ปี ทุนจีนสีเทาคงไม่เติบโตเหมือนในวันนี้ใช่หรือไม่ กรณีของนายตู้ห่าวไม่ใช่ความผิดส่วนบุคคล แต่เป็นเพราะการบริหารราชการแผ่นดินที่ล้มเหลว ปล่อยปละละเลยให้เกิดการทุจริตคอร์รัปชั่นจึงเติบโต
น.ส.ลิณธิภรณ์กล่าวต่อว่า สาเหตุของความล้มเหลวการตรวจสอบการทุจริตและทุนจีนสีเทาคือ 1.ตั้งแต่รัฐประหารเป็นต้นมา ไม่มีการตรวจสอบของฝ่ายค้าน 2.เจ้าหน้าที่รัฐย่อหย่อนในการบังคับใช้กฎหมาย 3.มีผลประโยชน์ต่างตอบแทนที่ทุนจีนเสนอให้ผู้มีอำนาจ เพราะมีหลักฐานเชิงประจักษ์ว่าทุนจีนสีเทาบริจาคให้พรรคร่วมรัฐบาล เพราะมีความใกล้ชิดกับพรรคการเมืองใช่หรือไม่ ประกอบกับการประเมินขององค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ (Transparency International-TI) ปี 2564 ประเทศไทยมีคะแนนการรับรู้ทุจริตอยู่ที่อันดับที่ 110 จาก 180 ประเทศ นับว่าเป็นอันดับต่ำที่สุดในรอบ 10 ปี เป็นเครื่องยืนยันถึงความล้มเหลวในการจัดการเรื่องนี้อย่างจริงจัง
น.ส.ลิณธิภรณ์กล่าวด้วยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องสืบสวนลงโทษให้ถึงต้นตอ อย่ากลัวเจอตอ เรียกความเชื่อมั่นคืนสู่ประชาชน ปกป้องภาพลักษณ์ของประเทศไทยไม่ให้ถูกขนานนามว่าเป็นฐานของการฟอกเงินผิดกฎหมาย ทั้งยาเสพติดและธุรกิจสีเทา เพราะความเชื่อมั่นในการลงทุนของต่างชาติต้องเกิดจากภาพลักษณ์ของรัฐบาลที่ดี
“วันนี้สังคมไทยกำลังจับตามองและตั้งคำถามว่าคดีนายตู้ห่าวจะจบลงอย่างไร จะหลุดพ้นจากความผิดเพราะมีคนใหญ่คนโตในรัฐบาลคอยช่วยเหลือหรือไม่ พรรคเพื่อไทยเล็งเห็นความสำคัญเรื่องนี้ ถึงประกาศนโยบายเพื่อไทยมา ยาเสพติดต้องหมดไป คืนสังคมปลอดภัยให้ลูกหลาน เร่งสร้างความโปร่งใสด้วยระบบราชการดิจิทัล เพิ่มประสิทธิภาพระบบราชการด้วยการบริการที่รวดเร็ว ลดขั้นตอน ตรวจสอบได้ ต่างประเทศถึงจะมั่นใจ การลงทุนถึงจะเติบโต
“วันนี้สังคมไทยต้องการการเปลี่ยนแปลง ถ้า 8 ปีที่ผ่านมายังแก้ไม่ได้ ควรเปิดทางให้พรรคที่ทำได้ ทำเป็น และเคยทำสำเร็จมาแล้วได้ลงมือทำเป็นของขวัญปีใหม่ อยู่นานถ้าทำงานไม่เป็นประเทศชาติก็ยากจะพัฒนา” น.ส.ลิณธิภรณ์กล่าว