เพิ่งไปดู Top Gun Maverick รอบสองจอ IMAX ที่ Icon Cineconic มาครับ เลยขอพื้นที่ย้อนเล่าประสบการณ์ตอนดูหนังภาคนี้ครั้งแรก
เริ่มเรื่องมาก็จะเนือยๆหน่อยๆ แต่สัมผัสได้เลยว่า เห้ย มันมีอะไรตั้งแต่ซีนอินโทรหนังบนเรือละว่ะ ระบบเสียงนี่คือสุดมาก เสียงเครื่องบินเสียงไอพ่น เสียงเพลงประกอบ กินใจมากครับ
ต่อๆ เปิดเรื่องด้วยพาผู้ชมมารู้จักกับนิสัยบ้าระห่ำของ มาเวริค ก่อนเลยในซีนแรกกับการทดสอบอัดเครื่องบินไปที่ความเร็ว มัค10 ซีนนี้ได้ฟิลพอๆกับตอนดู Ford V Ferrari เลย มีความลุ้น มีความทีนจิกหน่อยๆ ว่าผลของซีนนี้จะออกมาเป็นยังไง
ส่วนพอยิ่งดูไปเรื่อยๆ พาร์ทดราม่าผมจะไม่ค่อยอินมากเพราะไม่ได้ผูกพันธ์กับตัวละครจากภาคแรก ครั้นจะให้ไปดูภาคแรกอีกที คงเสียเวลาก่อนไปดูภาคสองอีก อีกอย่างนึงหนังภาคเก่าใช้เทคนิคการเล่าเรื่องถ่ายทำตัดต่อคือดีที่สุดเมื่อ 36 ปีที่แล้ว ผมดูแล้วอาจจะอึดอัดทนดูจนจบไม่ได้ก็ได้ คหสต
ต่อๆ ภาคสองที่ดีเลยเนี่ย คือพวกซีนแอคชั่นบนเครื่องบิน ทั้งตอนซ้อมที่ค่อยๆปูไล่มา มาภาคนี้หนังเล่าดีจนเรารู้เรื่องเห็นภาพ ว่าตัวละครกำลังจะไปทำภารกิจอะไร ซ้อมไปเพื่ออะไร ค่อยๆไล่ไต่ระดับมาจากกลุ่มตัวละครลูกศิษย์พระเอกในโครงการ Top Gun ที่คิดว่าตัวเองเจ๋งสุดแล้วในโลก ที่เต็มไปด้วยข้อสงสัยว่า เก่งขนาดนี้ ใครวะจะมาฝึกพวกกุได้ จนมาเจอกับ มาเวอริค นักบินผู้สร้างตำนานสอยยานข้าศึกคนเดียว 3 ลำ ในช่วงตลอดสี่สิบปีที่ผ่านมา (ซึ่งมาเวริคทำได้ในภาคแรก ตามที่หนังภาคสองได้เล่าวีรกรรมไว้)
พอมาเวอริคเริ่มปล่อยของโชว์หนูๆ (หนูที่ว่านี่ก็ไม่ใช่นักเรียนใหม่อะไร ระดับเทพทุกคน) หนังก็เริ่มสนุกทันที เพราะพระเอกโชว์ปล่อยของปราบเด็กๆได้อยู่หมัด
เรียกได้ว่าทุกซีนทุกฉากทุกการเล่าเรื่อง คือย่อยมาให้แล้ว คนดูมีหน้าที่กลืนอย่างเดียว อร่อยไม่อร่อยคงแล้วแต่คน ศัพท์ที่ใช้ในบท มีศัพท์เฉพาะทางเยอะ เนื่องจากตัวละครเป็นนักบินระดับพระกาฬกันทั้งนั้น แต่ไม่มีปัญหาเลย เพราะ หนังทำกราฟฟิคซีจีมาอธิบายทุกขั้นตอน มันเลยทำให้เราเข้าใจและอินไม่ยาก ถึงภารกิจที่ต้องพึ่งถึง 3 ปาฏิหารย์ที่ มาเวอริคจะต้องฝึกฝูงบินเหล่านี้ ไม่เพียงแค่ทำภารกิจสำเร็จ แต่ต้องรอดชีวิตกลับบ้านด้วย
บทพูดที่ทำผมตาโตเลยคือ เมื่อเด็กๆผิดพลาดในการซ้อมจนเพื่อนฝูงบินตาย(แบบสมมุติ) มาเวอริคจะถามคนขับอีกลำเสมอว่า ทำไมเพื่อนเราถึงตาย เด็กๆก็จะตอบบ่ายเบี่ยงเลี่ยงๆไป ตามประสาคนทำงานผิด ลุงมาฟเลยถามซ้ำอีกทีว่า ขอเหตุผลที่แบบจะไปบอกญาติของคนตายได้ และหันไปถามอีกคนต่อ ว่าทำไมเพื่อนเราถึงตาย แต่ไม่ต้องตอบชั้น แต่ตอบกับพ่อแม่ของเพื่อนเราซะ ว่าทำไมเค้าถึงตาย
เด็กๆคือจ๋อยไปเลยและมันทำให้ทั้งตัวละครในเรื่องรวมถึงตัวคนดูเองรับรู้ได้ทันทีว่า ภารกิจนี้หนักหนาขนาดไหน และสำคัญมากเพียงใด กับการต้องรักษาชีวิตทุกคนให้กลับมาให้ได้
แต่ซีนที่ผมชอบที่สุดในเรื่อง กลับเป็นซีนที่ไม่เมคเซนส์ที่สุดนั่นคือ ซีนที่ มาเวอริค หลังจากโดนสั่งห้ามขึ้นบิน และแผนการรบที่ซ้อมกับเด็กๆมานาน กำลังจะโดนเปลี่ยนรูปแบบ โดยคนอื่นที่เข้ามาคุมแทน ระหว่างที่กำลังบรีฟแผนใหม่กันอยู่ จู่ๆ หน้าจอแผนภูมิที่ไว้ใช้แสดงผลตอนซ้อมรบกลับมีเครื่องบิน 1 ลำบินเข้ามาในจอ
ก็เป็นใครไปไม่ได้ นอกจาก มาเวอริค ที่ฝ่าฝืนคำสั่งโดดควบ F18 แล้วโชว์บินในพื้นที่ซ้อมรบที่ฝึกเด็กๆมาตลอด วิถีบินที่ไม่มีใครคิดว่าจะสามารถเป็นไปได้ ที่เด็กๆซ้อมแล้วพลาดกันมาตลอด รอบนี้ มาเวอริคขอพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นเอง ว่ามันทำได้ และทำได้ดีกว่าบททดสอบที่เด็กๆทำพลาดด้วย ต่อหน้าบรรดานักบินหัวกะทิที่มาเวอริคฝึกมา รวมถึงคนออกคำสั่งห้ามบินกับมาเวอริคเองด้วย
ซีนนี้ผมแบบ เยี่ยม ต้องงี้ดิ่วะโชว์ตบหน้าไปเลย ว่าแผนกุอะ มันเป็นไปได้ แต่ที่บอกว่าไม่เมคเซนส์คือแบบ นี่มันกองทัพสหรัฐนะ จู่ๆมันจะมีใครซักคนกระโดดขึ้นเครื่องบิน F16 แล้วขับพรวดออกมาโดยไม่มีใครรู้เนี่ย มันไม่ได้นะ โดนยิงร่วงแน่ๆ แต่ที่ เทคออฟออกจากฐาน ยันเข้าพื้นที่ฝึกได้ โดยที่ไม่มี จนท ซักคนรู้เนี่ย มันแบบ แฟนตาซีไปนิด
แต่ในความไม่เมคเซ้นส์นี้ เค้าก็ไม่ทิ้งประเด็นนี้ให้เป็นพล้อตโฮลนะ และเค้าไม่ทิ้งไว้นาน แต่มาคลายปมในซีนถัดมาเลย ด้วยบทการตัดสินใจว่า กุจะเอายังไงกับเมิงดี กุรายงานเรื่องนี้ เมิงโดนถอดยศหมดตัวได้เลยนะบักมาเวอริค ซึ่งพอมีบทนี้เข้ามา ผมก็หายคาใจทันที รู้สึกดีที่เค้าไม่ปล่อยไว้ให้คาใจ เพราะยังไงการฝ่าฝืนอะไรแบบนั้น แม้จะทำสำเร็จ แต่ยังไงเรื่องระเบียบในกองทัพ มันเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่โดนลงโทษ หรือ พูดถึง
ก็ประมาณนี้ละกันครับ หนังบาลานซ์ได้ค่อนข้างดีระหว่าง ซีนดราม่า ซีนแฟนเซอร์วิส และการเล่าเรื่องที่ดีมาาากกก ย่อยง่ายมากก ไม่ซับซ้อนเลย ปูมาดี ตบได้ดี
แต่จุดที่ไม่ชอบก็มีนะครับ อย่างพวก เหล่านักบินที่ปูมาว่า หัวกะทิ แต่เหมือนหนังชูแต่ มาเวอริค หนังยังเกลี่ยบทบาทให้ตัวละครรอบๆพระเอกได้ไม่ดีเท่าไหร่ คือดูไปไม่ได้รู้สึกว่า นักบินพวกนี้เป็นหัวกะทิตรงไหนเลย เพราะไม่มีซีนให้น้อนๆได้โชว์เลย เริ่มขึ้นเครื่องปุ้บ โดนพระเอกตบ ตอนซ้อมก็มีแต่ความผิดพลาด ถึงเวลาเกิดเรื่องก็ดูลนลาน มันไม่เหมือน ฟาส ที่ ทุกคนรอบตัวดอมมีของหมด เก่งกันคนละด้าน แต่คนดูจะรู้ได้ว่าเออ เก่ง แต่จุดสูงสุดในกลุ่มคือ ดอม อันนี้เหมือนพระเอกมันเด่นเวอร์อยู่คนเดียว
โดยเฉพาะ รูสเตอร์ เนี่ย ปูมาแบบตอนซ้อมทำไม่ได้ ทำพลาด มั่นใจในตัวเอง เถียงครูฝึก คือพลาดมาทั้งเรื่อง ถึงเวลาภารกิจจริง ดันทำได้ คุ้นๆมั้ยครับ ขาดนิดเดียว ก็คือ ได้กับลูกสาวของมาเวอร์ริค ถ้าครบนี่ก็ใช่เลยครับ พลอตเดียวกับ เอเจ แฮรี่ และ เกรซ ใน อมาเกดอน เลย ซึ่งมันเป็นพลอตเก่าๆเดิมๆ
แต่รวมๆแล้ว ไม่แปลกใจครับที่รายได้ถล่มทลายและหนังเป็นที่นิยมมาก เพราะมันเป็นการเล่าเรื่องต่อของตัวละครในดวงใจใครหลายๆคน ไม่ได้ทำมาโบราณเกินไป จนคนยุคใหม่ที่ไม่อินกับภาคแรกดูไม่ได้ ผู้กำกับทำหนังผสานคนสองกลุ่มเข้าด้วยกันแบบโคตรลงตัวสุดๆ
ฉากเครื่องบินนี่ ยิ่งกว่าสมจริง จะไม่จริงได้ยังไง พี่แกเล่นขึ้นเครื่องถ่ายกันจริงๆเลย ภาพเสียง เนี้ยบสุดๆ คุ้มค่าราคาคุยสุดๆครับเรื่องนี้ ใครยังไม่ได้ดู แนะนำเลยครับ ผมว่าไม่ผิดหวังแน่ๆ
Review + Spoil Top Gun: Maverick (2022)
เริ่มเรื่องมาก็จะเนือยๆหน่อยๆ แต่สัมผัสได้เลยว่า เห้ย มันมีอะไรตั้งแต่ซีนอินโทรหนังบนเรือละว่ะ ระบบเสียงนี่คือสุดมาก เสียงเครื่องบินเสียงไอพ่น เสียงเพลงประกอบ กินใจมากครับ
ต่อๆ เปิดเรื่องด้วยพาผู้ชมมารู้จักกับนิสัยบ้าระห่ำของ มาเวริค ก่อนเลยในซีนแรกกับการทดสอบอัดเครื่องบินไปที่ความเร็ว มัค10 ซีนนี้ได้ฟิลพอๆกับตอนดู Ford V Ferrari เลย มีความลุ้น มีความทีนจิกหน่อยๆ ว่าผลของซีนนี้จะออกมาเป็นยังไง
ส่วนพอยิ่งดูไปเรื่อยๆ พาร์ทดราม่าผมจะไม่ค่อยอินมากเพราะไม่ได้ผูกพันธ์กับตัวละครจากภาคแรก ครั้นจะให้ไปดูภาคแรกอีกที คงเสียเวลาก่อนไปดูภาคสองอีก อีกอย่างนึงหนังภาคเก่าใช้เทคนิคการเล่าเรื่องถ่ายทำตัดต่อคือดีที่สุดเมื่อ 36 ปีที่แล้ว ผมดูแล้วอาจจะอึดอัดทนดูจนจบไม่ได้ก็ได้ คหสต
ต่อๆ ภาคสองที่ดีเลยเนี่ย คือพวกซีนแอคชั่นบนเครื่องบิน ทั้งตอนซ้อมที่ค่อยๆปูไล่มา มาภาคนี้หนังเล่าดีจนเรารู้เรื่องเห็นภาพ ว่าตัวละครกำลังจะไปทำภารกิจอะไร ซ้อมไปเพื่ออะไร ค่อยๆไล่ไต่ระดับมาจากกลุ่มตัวละครลูกศิษย์พระเอกในโครงการ Top Gun ที่คิดว่าตัวเองเจ๋งสุดแล้วในโลก ที่เต็มไปด้วยข้อสงสัยว่า เก่งขนาดนี้ ใครวะจะมาฝึกพวกกุได้ จนมาเจอกับ มาเวอริค นักบินผู้สร้างตำนานสอยยานข้าศึกคนเดียว 3 ลำ ในช่วงตลอดสี่สิบปีที่ผ่านมา (ซึ่งมาเวริคทำได้ในภาคแรก ตามที่หนังภาคสองได้เล่าวีรกรรมไว้)
พอมาเวอริคเริ่มปล่อยของโชว์หนูๆ (หนูที่ว่านี่ก็ไม่ใช่นักเรียนใหม่อะไร ระดับเทพทุกคน) หนังก็เริ่มสนุกทันที เพราะพระเอกโชว์ปล่อยของปราบเด็กๆได้อยู่หมัด
เรียกได้ว่าทุกซีนทุกฉากทุกการเล่าเรื่อง คือย่อยมาให้แล้ว คนดูมีหน้าที่กลืนอย่างเดียว อร่อยไม่อร่อยคงแล้วแต่คน ศัพท์ที่ใช้ในบท มีศัพท์เฉพาะทางเยอะ เนื่องจากตัวละครเป็นนักบินระดับพระกาฬกันทั้งนั้น แต่ไม่มีปัญหาเลย เพราะ หนังทำกราฟฟิคซีจีมาอธิบายทุกขั้นตอน มันเลยทำให้เราเข้าใจและอินไม่ยาก ถึงภารกิจที่ต้องพึ่งถึง 3 ปาฏิหารย์ที่ มาเวอริคจะต้องฝึกฝูงบินเหล่านี้ ไม่เพียงแค่ทำภารกิจสำเร็จ แต่ต้องรอดชีวิตกลับบ้านด้วย
บทพูดที่ทำผมตาโตเลยคือ เมื่อเด็กๆผิดพลาดในการซ้อมจนเพื่อนฝูงบินตาย(แบบสมมุติ) มาเวอริคจะถามคนขับอีกลำเสมอว่า ทำไมเพื่อนเราถึงตาย เด็กๆก็จะตอบบ่ายเบี่ยงเลี่ยงๆไป ตามประสาคนทำงานผิด ลุงมาฟเลยถามซ้ำอีกทีว่า ขอเหตุผลที่แบบจะไปบอกญาติของคนตายได้ และหันไปถามอีกคนต่อ ว่าทำไมเพื่อนเราถึงตาย แต่ไม่ต้องตอบชั้น แต่ตอบกับพ่อแม่ของเพื่อนเราซะ ว่าทำไมเค้าถึงตาย
เด็กๆคือจ๋อยไปเลยและมันทำให้ทั้งตัวละครในเรื่องรวมถึงตัวคนดูเองรับรู้ได้ทันทีว่า ภารกิจนี้หนักหนาขนาดไหน และสำคัญมากเพียงใด กับการต้องรักษาชีวิตทุกคนให้กลับมาให้ได้
แต่ซีนที่ผมชอบที่สุดในเรื่อง กลับเป็นซีนที่ไม่เมคเซนส์ที่สุดนั่นคือ ซีนที่ มาเวอริค หลังจากโดนสั่งห้ามขึ้นบิน และแผนการรบที่ซ้อมกับเด็กๆมานาน กำลังจะโดนเปลี่ยนรูปแบบ โดยคนอื่นที่เข้ามาคุมแทน ระหว่างที่กำลังบรีฟแผนใหม่กันอยู่ จู่ๆ หน้าจอแผนภูมิที่ไว้ใช้แสดงผลตอนซ้อมรบกลับมีเครื่องบิน 1 ลำบินเข้ามาในจอ
ก็เป็นใครไปไม่ได้ นอกจาก มาเวอริค ที่ฝ่าฝืนคำสั่งโดดควบ F18 แล้วโชว์บินในพื้นที่ซ้อมรบที่ฝึกเด็กๆมาตลอด วิถีบินที่ไม่มีใครคิดว่าจะสามารถเป็นไปได้ ที่เด็กๆซ้อมแล้วพลาดกันมาตลอด รอบนี้ มาเวอริคขอพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นเอง ว่ามันทำได้ และทำได้ดีกว่าบททดสอบที่เด็กๆทำพลาดด้วย ต่อหน้าบรรดานักบินหัวกะทิที่มาเวอริคฝึกมา รวมถึงคนออกคำสั่งห้ามบินกับมาเวอริคเองด้วย
ซีนนี้ผมแบบ เยี่ยม ต้องงี้ดิ่วะโชว์ตบหน้าไปเลย ว่าแผนกุอะ มันเป็นไปได้ แต่ที่บอกว่าไม่เมคเซนส์คือแบบ นี่มันกองทัพสหรัฐนะ จู่ๆมันจะมีใครซักคนกระโดดขึ้นเครื่องบิน F16 แล้วขับพรวดออกมาโดยไม่มีใครรู้เนี่ย มันไม่ได้นะ โดนยิงร่วงแน่ๆ แต่ที่ เทคออฟออกจากฐาน ยันเข้าพื้นที่ฝึกได้ โดยที่ไม่มี จนท ซักคนรู้เนี่ย มันแบบ แฟนตาซีไปนิด
แต่ในความไม่เมคเซ้นส์นี้ เค้าก็ไม่ทิ้งประเด็นนี้ให้เป็นพล้อตโฮลนะ และเค้าไม่ทิ้งไว้นาน แต่มาคลายปมในซีนถัดมาเลย ด้วยบทการตัดสินใจว่า กุจะเอายังไงกับเมิงดี กุรายงานเรื่องนี้ เมิงโดนถอดยศหมดตัวได้เลยนะบักมาเวอริค ซึ่งพอมีบทนี้เข้ามา ผมก็หายคาใจทันที รู้สึกดีที่เค้าไม่ปล่อยไว้ให้คาใจ เพราะยังไงการฝ่าฝืนอะไรแบบนั้น แม้จะทำสำเร็จ แต่ยังไงเรื่องระเบียบในกองทัพ มันเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่โดนลงโทษ หรือ พูดถึง
ก็ประมาณนี้ละกันครับ หนังบาลานซ์ได้ค่อนข้างดีระหว่าง ซีนดราม่า ซีนแฟนเซอร์วิส และการเล่าเรื่องที่ดีมาาากกก ย่อยง่ายมากก ไม่ซับซ้อนเลย ปูมาดี ตบได้ดี
แต่จุดที่ไม่ชอบก็มีนะครับ อย่างพวก เหล่านักบินที่ปูมาว่า หัวกะทิ แต่เหมือนหนังชูแต่ มาเวอริค หนังยังเกลี่ยบทบาทให้ตัวละครรอบๆพระเอกได้ไม่ดีเท่าไหร่ คือดูไปไม่ได้รู้สึกว่า นักบินพวกนี้เป็นหัวกะทิตรงไหนเลย เพราะไม่มีซีนให้น้อนๆได้โชว์เลย เริ่มขึ้นเครื่องปุ้บ โดนพระเอกตบ ตอนซ้อมก็มีแต่ความผิดพลาด ถึงเวลาเกิดเรื่องก็ดูลนลาน มันไม่เหมือน ฟาส ที่ ทุกคนรอบตัวดอมมีของหมด เก่งกันคนละด้าน แต่คนดูจะรู้ได้ว่าเออ เก่ง แต่จุดสูงสุดในกลุ่มคือ ดอม อันนี้เหมือนพระเอกมันเด่นเวอร์อยู่คนเดียว
โดยเฉพาะ รูสเตอร์ เนี่ย ปูมาแบบตอนซ้อมทำไม่ได้ ทำพลาด มั่นใจในตัวเอง เถียงครูฝึก คือพลาดมาทั้งเรื่อง ถึงเวลาภารกิจจริง ดันทำได้ คุ้นๆมั้ยครับ ขาดนิดเดียว ก็คือ ได้กับลูกสาวของมาเวอร์ริค ถ้าครบนี่ก็ใช่เลยครับ พลอตเดียวกับ เอเจ แฮรี่ และ เกรซ ใน อมาเกดอน เลย ซึ่งมันเป็นพลอตเก่าๆเดิมๆ
แต่รวมๆแล้ว ไม่แปลกใจครับที่รายได้ถล่มทลายและหนังเป็นที่นิยมมาก เพราะมันเป็นการเล่าเรื่องต่อของตัวละครในดวงใจใครหลายๆคน ไม่ได้ทำมาโบราณเกินไป จนคนยุคใหม่ที่ไม่อินกับภาคแรกดูไม่ได้ ผู้กำกับทำหนังผสานคนสองกลุ่มเข้าด้วยกันแบบโคตรลงตัวสุดๆ
ฉากเครื่องบินนี่ ยิ่งกว่าสมจริง จะไม่จริงได้ยังไง พี่แกเล่นขึ้นเครื่องถ่ายกันจริงๆเลย ภาพเสียง เนี้ยบสุดๆ คุ้มค่าราคาคุยสุดๆครับเรื่องนี้ ใครยังไม่ได้ดู แนะนำเลยครับ ผมว่าไม่ผิดหวังแน่ๆ