วันนี้มีอุทาหรณ์ มาเตือนเพื่อนๆกับบัตรเครดิต SCB และขอความช่วยเหลือและข้อเสนอแนะ
คือผมเปิดบัตรเครดิต SCB King Power และบัตรสูญหายและมีคนแอบอ้างเอาบัตรผมไปรูดเป็นเงินกว่า 3แสนบาท
ซึ่งผมขอเล่าเป็น Timeline ดังต่อไปนี้
15 พ.ย 65 : ผมได้เดินทางไปทำงานที่ประเทศปากีสถาน
และมีการใช้บัตรเครดิตใบนี้ครั้งสุดท้ายที่สนามบินสุวรรณภูมิ
18 พ.ย 65 : มีการรูดค่าใช้จ่ายชื่อ MHI PASIFIC PLA : 25,999,000 IDR เป็นจำนวนทั้งหมด 5 ครั้ง รวมเป็นเงิน 134,950,000 IDR (316,634.82 บาท) สถานที่ทำธุรกรรม คือกรุง Jakarta ประเทศอินโดนีเซีย
** ปกติวงเงินรูดได้คือ 300,000 บาท แต่ธนาคารก็อนุมัติพิเศษวงเงินเกิน เพิ่มให้อีก 11,239 บาท
เช้า 19 พ.ย 65 : พอดีผมเข้าไปแอพ SCB EASY เปิดดู ปรากฏเห็นยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรตามยอดดังกล่าว แต่ยังขึ้นว่า
"รอดำเนินการอยู่"
ในวันนั้นผมและแฟนรีบโทรไป SCB Call center เพื่อแจ้งอายัติบัตรและแจ้งเรื่องดังกล่าว
และหวังว่าธนาคารจะช่วยยกเลิกยอดที่กำลังรอดำเนินการ ก่อนจะเรียกเก็บเข้ามาจริง ซึ่งเจ้าหน้าที่SCBสายแรกที่รับสายแจ้งว่า “
ไม่สามารถทำให้ได้ และให้ผมไปแจ้งความกับตำรวจดำเนินคดีเอาเอง” (เราก็พยายามย้ำแล้วนะว่า
ยอดจริงมันยังไม่เข้ามาในบัตร ยังอยู่ช่วงระหว่างรอดำเนินการ ธนาคารพอจะยกเลิกก่อน ได้ไหม แต่ธนาคารก็ไม่รับฟัง บอกให้ไปแจ้งความเอาเอง
ในวันนั้นผมและแฟนก็ได้โทรไปอีกรอบ กับเจ้าหน้าที่SCBคนใหม่ เพื่อขอปฏิเสธยอดค่าใช้จ่ายดังกล่าว ซึ่งทางเจ้าหน้าก็ได้รับเรื่องไว้ และแจ้งว่า จะใช้ระยะเวลาดำเนินการ 21วันทำการ และระหว่างนั้นจะระงับดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นให้จนกว่าเรื่องจะได้บทสรุป
ผมเองก็ได้ส่ง Email ไปทาง Customer_service@scb.co.th แจ้งเรื่องปฏิเสธยอดค่าใช้จ่ายไปอีกทางนึง พร้อมทั้งส่งเอกสารประกอบทั้งหมด เพื่อเป็นการแสดงความบริสุทธิ์ใจว่า ผมไม่ได้เป็นคนทำธุรกรรมนั้นจริงๆ ( ยอดที่โชว์ในแอพ SCB easy , Passport พร้อมตราประทับเข้าประเทศปากีสถาน ตั้งแต่วันที่ 15 พ.ย 65 รวมทั้งตั๋วเครื่องบินที่บินจริง)
วันที่ 6 ธ.ค 65 ผมได้โทรไป SCB Call center อีกครั้งเพื่อถามความคืบหน้า แต่เจ้าหน้าที่บอกว่าให้รอวันที่ 8 ธ.ค 65 จะครบ21วัน และแจ้งเรื่องให้ทราบ
วันที่ 8 ธ.ค 65 ไม่มีการตอบกลับจาก SCB ทั้งทาง โทรศัพท์ และ Email
วันที่ 11 ธ.ค 65 มีการส่งบิลรอบเดือนนี้มาทางEmail และในนั้นระบุยอดค่าใช้จ่ายที่ผมไม่ได้เป็นคนรูด เป็น
เงิน 316,634.82 บาท (MHI PASIFIC PLACE Jakarta Selat)
ผมและแฟนได้โทรไป SCB Call center อีกครั้ง ซึ่งเจ้าหน้าได้ตอบว่า ทาง SCB ขอปฏิเสธการรับผิดชอบในครั้งนี้ และบอกให้ผมซึ่งเป็นเจ้าของบัตร เป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในบัตรทั้งหมด
โดยให้เหตุผลว่า ผมเป็นคนถือบัตรก็ต้องรับผิดชอบ
ซึ่งเคสนี้ ผมก็พยายามพิสูจน์และยื่นหลักฐานทั้งแล้วว่า ในวันและเวลาที่ทำธุรกรรมนั้น ผมไม่ได้อยู่ประเทศ อินโดนีเซียซึ่งเป็นสถานที่ทำธุรกรรม
ซึ่งก็ขอเตือนเพื่อนๆทุกคนให้ระวังการใช้บัตรเครดิต SCB ไว้ให้ดี เพราะมาตรการณ์ความปลอดภัยต่ำมากและไม่คุ้มครองผู้บริโภคเลย ซึ่งที่ผมลิสต์ไว้ได้ดังต่อไปนี้
1) ไม่มีการ check ลายเซ็นต์ตอนทำจ่าย ว่าตรงกับเจ้าของตัวจริงหรือเปล่า
2) ไม่มีให้ป้อนรหัส Pin code ก่อนการชำระใดๆทั้งสิ้น
3) อนุมัติเกินวงเงินให้โดยง่ายดาย ไม่มีการตรวจสอบหรือยืนยันจากเจ้าของบัตรโดยตรง
4) เจ้าหน้าที่ปัดความรับผิดชอบ ตอนที่ผมโทรไปแจ้ง ยอดดังกล่าวยังอยู่ระหว่าง”รอดำเนินการ” ซึ่งยังไม่ได้มีการเรียกเก็บเข้ามาจริง แต่ธนาคารก็เลือกที่จะไม่ยกเลิกยอดเรียกเก็บจากร้านค้า บอกอย่างเดียวว่าทำอะไรไม่ได้แล้ว
ตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่าบทสรุปสุดท้ายจะเป็นยังไง แต่เหตุการณ์นี้ก็ทำให้เห็นการบริการและการดูแลลูกค้าของ SCB ได้อย่างถ่องแท้
และก็ขอเตือนเพื่อนๆว่าให้ระวังการใช้บัตรเครดิต โดยเฉพาะของค่าย SCB ที่พร้อมจะปล่อยลูกค้าลอยแพรทันที เพื่อทำยอดให้ได้สูงสุด
สุดท้ายนี้ถ้าเพื่อนๆคนไหน พอจะแนะนำหรือช่วยเหลือในกรณีนี้ได้ ต้องขอรบกวนด้วยครับ ขอบคุณครับ
หรือทักส่วนตัวมาที่ Line : elnino_chai , Tel : 063-192-5296 / 090-669-5015
บัตรเครดิต SCB King Power บัตรสูญหายและมีคนแอบอ้างเอาบัตรผมไปรูดเป็นเงินกว่า 3แสนบาท แต่ SCB บ่ายเบี่ยงความรับผิดชอบ
คือผมเปิดบัตรเครดิต SCB King Power และบัตรสูญหายและมีคนแอบอ้างเอาบัตรผมไปรูดเป็นเงินกว่า 3แสนบาท
ซึ่งผมขอเล่าเป็น Timeline ดังต่อไปนี้
15 พ.ย 65 : ผมได้เดินทางไปทำงานที่ประเทศปากีสถาน
และมีการใช้บัตรเครดิตใบนี้ครั้งสุดท้ายที่สนามบินสุวรรณภูมิ
18 พ.ย 65 : มีการรูดค่าใช้จ่ายชื่อ MHI PASIFIC PLA : 25,999,000 IDR เป็นจำนวนทั้งหมด 5 ครั้ง รวมเป็นเงิน 134,950,000 IDR (316,634.82 บาท) สถานที่ทำธุรกรรม คือกรุง Jakarta ประเทศอินโดนีเซีย
** ปกติวงเงินรูดได้คือ 300,000 บาท แต่ธนาคารก็อนุมัติพิเศษวงเงินเกิน เพิ่มให้อีก 11,239 บาท
เช้า 19 พ.ย 65 : พอดีผมเข้าไปแอพ SCB EASY เปิดดู ปรากฏเห็นยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรตามยอดดังกล่าว แต่ยังขึ้นว่า "รอดำเนินการอยู่"
ในวันนั้นผมและแฟนรีบโทรไป SCB Call center เพื่อแจ้งอายัติบัตรและแจ้งเรื่องดังกล่าว และหวังว่าธนาคารจะช่วยยกเลิกยอดที่กำลังรอดำเนินการ ก่อนจะเรียกเก็บเข้ามาจริง ซึ่งเจ้าหน้าที่SCBสายแรกที่รับสายแจ้งว่า “ไม่สามารถทำให้ได้ และให้ผมไปแจ้งความกับตำรวจดำเนินคดีเอาเอง” (เราก็พยายามย้ำแล้วนะว่า ยอดจริงมันยังไม่เข้ามาในบัตร ยังอยู่ช่วงระหว่างรอดำเนินการ ธนาคารพอจะยกเลิกก่อน ได้ไหม แต่ธนาคารก็ไม่รับฟัง บอกให้ไปแจ้งความเอาเอง
ในวันนั้นผมและแฟนก็ได้โทรไปอีกรอบ กับเจ้าหน้าที่SCBคนใหม่ เพื่อขอปฏิเสธยอดค่าใช้จ่ายดังกล่าว ซึ่งทางเจ้าหน้าก็ได้รับเรื่องไว้ และแจ้งว่า จะใช้ระยะเวลาดำเนินการ 21วันทำการ และระหว่างนั้นจะระงับดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นให้จนกว่าเรื่องจะได้บทสรุป
ผมเองก็ได้ส่ง Email ไปทาง Customer_service@scb.co.th แจ้งเรื่องปฏิเสธยอดค่าใช้จ่ายไปอีกทางนึง พร้อมทั้งส่งเอกสารประกอบทั้งหมด เพื่อเป็นการแสดงความบริสุทธิ์ใจว่า ผมไม่ได้เป็นคนทำธุรกรรมนั้นจริงๆ ( ยอดที่โชว์ในแอพ SCB easy , Passport พร้อมตราประทับเข้าประเทศปากีสถาน ตั้งแต่วันที่ 15 พ.ย 65 รวมทั้งตั๋วเครื่องบินที่บินจริง)
วันที่ 6 ธ.ค 65 ผมได้โทรไป SCB Call center อีกครั้งเพื่อถามความคืบหน้า แต่เจ้าหน้าที่บอกว่าให้รอวันที่ 8 ธ.ค 65 จะครบ21วัน และแจ้งเรื่องให้ทราบ
วันที่ 8 ธ.ค 65 ไม่มีการตอบกลับจาก SCB ทั้งทาง โทรศัพท์ และ Email
วันที่ 11 ธ.ค 65 มีการส่งบิลรอบเดือนนี้มาทางEmail และในนั้นระบุยอดค่าใช้จ่ายที่ผมไม่ได้เป็นคนรูด เป็น
เงิน 316,634.82 บาท (MHI PASIFIC PLACE Jakarta Selat)
ผมและแฟนได้โทรไป SCB Call center อีกครั้ง ซึ่งเจ้าหน้าได้ตอบว่า ทาง SCB ขอปฏิเสธการรับผิดชอบในครั้งนี้ และบอกให้ผมซึ่งเป็นเจ้าของบัตร เป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในบัตรทั้งหมด โดยให้เหตุผลว่า ผมเป็นคนถือบัตรก็ต้องรับผิดชอบ
ซึ่งเคสนี้ ผมก็พยายามพิสูจน์และยื่นหลักฐานทั้งแล้วว่า ในวันและเวลาที่ทำธุรกรรมนั้น ผมไม่ได้อยู่ประเทศ อินโดนีเซียซึ่งเป็นสถานที่ทำธุรกรรม
ซึ่งก็ขอเตือนเพื่อนๆทุกคนให้ระวังการใช้บัตรเครดิต SCB ไว้ให้ดี เพราะมาตรการณ์ความปลอดภัยต่ำมากและไม่คุ้มครองผู้บริโภคเลย ซึ่งที่ผมลิสต์ไว้ได้ดังต่อไปนี้
1) ไม่มีการ check ลายเซ็นต์ตอนทำจ่าย ว่าตรงกับเจ้าของตัวจริงหรือเปล่า
2) ไม่มีให้ป้อนรหัส Pin code ก่อนการชำระใดๆทั้งสิ้น
3) อนุมัติเกินวงเงินให้โดยง่ายดาย ไม่มีการตรวจสอบหรือยืนยันจากเจ้าของบัตรโดยตรง
4) เจ้าหน้าที่ปัดความรับผิดชอบ ตอนที่ผมโทรไปแจ้ง ยอดดังกล่าวยังอยู่ระหว่าง”รอดำเนินการ” ซึ่งยังไม่ได้มีการเรียกเก็บเข้ามาจริง แต่ธนาคารก็เลือกที่จะไม่ยกเลิกยอดเรียกเก็บจากร้านค้า บอกอย่างเดียวว่าทำอะไรไม่ได้แล้ว
ตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่าบทสรุปสุดท้ายจะเป็นยังไง แต่เหตุการณ์นี้ก็ทำให้เห็นการบริการและการดูแลลูกค้าของ SCB ได้อย่างถ่องแท้
และก็ขอเตือนเพื่อนๆว่าให้ระวังการใช้บัตรเครดิต โดยเฉพาะของค่าย SCB ที่พร้อมจะปล่อยลูกค้าลอยแพรทันที เพื่อทำยอดให้ได้สูงสุด
สุดท้ายนี้ถ้าเพื่อนๆคนไหน พอจะแนะนำหรือช่วยเหลือในกรณีนี้ได้ ต้องขอรบกวนด้วยครับ ขอบคุณครับ
หรือทักส่วนตัวมาที่ Line : elnino_chai , Tel : 063-192-5296 / 090-669-5015