สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเกมส์ฝรั่งเศสพบอังกฤษ

เอาชนะอังกฤษไปได้ด้วยสกอร์ 2 - 1 สำหรับแชมป์เก่าฝรั่งเศส พร้อมเข้าสู่รอบรองชนะเลิศได้สำเร็จ เรียกว่าทำลายอาถรรพ์แชมป์เก่า ที่มีมาอย่างยาวนานลงได้ในรอบหลายปี โดยผู้ทำประตูของฝรั่งเศสได้แก่ ออเรเลียง ชูอาเมนี ในนาทีที่17 และ โอลิวิเยร์ ชิรูด์ ในนาทีที่ 78 ส่วนฝั่งอังกฤษได้ประตูตีไข่แตก จากจุดโทษของแฮร์รี่ เคน ในนาทีที่ 54 โดยไฮไลท์ของเกมส์นี้คือ การพลาดจุดโทษ ที่จะเป็นประตูตีเสมอให้กับทีมชาติอังกฤษ ของแฮร์รี่ เคน และจากนี้ผมขออนุญาตพูดถึงรายละเอียดของเกมส์ ตามมุมมองของผมครับ

1.การจัดตัวผู้เล่น
- ฝรั่งเศส ยังคงใช้ผู้เล่นชุดเดิมจากเกมส์ที่ชนะโปแลนด์ ในรอบ 16 ทีม และยังคงยึดระบบ 4 - 2 - 3 - 1 ที่ใช้มาตั้งแต่เริ่มทัวร์นาเมนต์

- อังกฤษ ก็ยังคงยึดผู้เล่นชุดเดิมจากนัดที่ชนะเซเนกัลเช่นกัน และยังคงยึดระบบ 4 - 3 - 3 ที่เค้นศักยภาพของจู๊ด เบลลิงแฮมได้ดีที่สุดเหมือนเดิม

2.ระบบการเล่น
เกมส์นี้ฝรั่งเศสเปลี่ยนวิธีการเล่น ที่จากเดิมเน้นการครอลบอล และอาศัยการโจมตีจากผู้เล่นริมเส้นที่มีความเร็ว และความคล่องตัวอย่าง เอ็มบัปเป้ และ เด็มเบเล่ เป็นเน้นการตั้งรับ ยืนคุมโซนในแดนตัวเอง พร้อมบีบแดนกลางของอังกฤษ เพื่อตัดบอลจากแดนกลางและสวนกลับเร็ว แต่ยังคงใช้ผู้เล่นริมเส้นในการโจมตีเหมือนเดิม และคีย์แมนในการให้บอลจังหวะสุดท้ายคือ อองตวน กรีซมันน์ ที่เกมส์นี้ถือว่าโดดเด่นมากๆ ในเกมส์รุก และทำไปได้ 2 แอสซิสต์

ส่วนฝั่งอังกฤษตั้งใจจะเล่นเหมือนนัดที่พบกับเซเนกัล คือ ให้ แฮร์รี่ เคน เป็นศูนย์กลางในการสร้างเกมส์รุก เพียงแต่เกมส์นี้ วิธีการดังกล่าวไม่ได้ผลมากนัก เนื่องจากฝรั่งเศสรู้ทันอังกฤษ จึงตัดการลำเลียงบอลของอังกฤษ ด้วยการตามประกบดีแคลน ไรซ์ และตัด เคน ออกจากเกมส์รุก โดยผู้ที่มีหน้าที่หลักๆ ในการดูแล เคน คือ ออเรเลียง ชูอาเมนี

อังกฤษจึงเหลือทางเลือกเดียวในการโจมตี คือ การอาศัยความสามารถเฉพาะตัวของผู้เล่นริมเส้นเลี้ยงแหวกเข้าไปในกรอบเขตโทษ หรือ ลากตัดเข้าในแล้วยิง แต่ผู้เล่นแนวรับของฝรั่งเศสก็ยังรู้ทัน และตามซ้อนผู้เล่นริมเส้นของอังกฤษถึง 3 ชั้น ทำให้อังกฤษยังคงเจาะแนวรับของฝรั่งเศสไม่ได้

ครึ่งหลังอังกฤษพยายามปรับแผนชนฝรั่งเศส ด้วยการตั้งรับใส่ฝรั่งเศสบ้าง และวางบอลยาวให้ผู้เล่นที่มีความเร็วในแดนหน้า วิ่งตัดไลน์กองหลังเข้าไปสร้างเกมส์หรือทำประตู โดยวิธีนี้ถือว่าสร้างความอันตรายให้ฝรั่งเศสได้ดีเลย เนื่องจากทำให้ตำแหน่งเกมส์รับ ที่ฝรั่งเศสวางมาในวันนี้เสียกระบวน จนมาได้จุดโทษและแฮร์รี่ เคน ก็สามารถตีเสมอได้สำเร็จ

ซึ่งเมื่อตีเสมอได้สำเร็จ ทำให้อังกฤษเริ่มได้ใจ และทำเกมส์รุกเข้าใส่ฝรั่งเศสอีกครั้ง ส่งผลให้ทุกอย่างกลับมาเข้าทางฝรั่งเศส โดยเมื่ออังกฤษเปิดเกมส์รุกเข้าใส่ฝรั่งเศสก็จะเปิดพื้นที่ให้ริมเส้นสองฝั่ง ได้โต้กลับมาเหมือนในครึ่งแรก จนสุดท้ายก็มาเสียประตูขึ้นนำอีกครั้งจนได้

โดยในช่วงท้ายเกมส์ อังกฤษก็มาได้จุดโทษอีกครั้ง และเป็น เคน คนเดิม ที่รับหน้าที่สังหารจุดโทษ แต่รอบนี้ไม่สามารถส่งบอลเข้าสู่ก้นตาข่ายได้ ซึ่งส่วนตัวผมในเกมส์นี้ ผมรู้สึกว่าเซาท์เกต ไม่ควรให้เคนเป็นคนยิงจุดโทษ เนื่องจาก ฮูโก ยอริส นั้น อยู่สโมรสรเดียวกับเคน ทำให้มีความสุ่มเสี่ยงที่ยอริสจะสามารถอ่านทางเคนได้ และในจุดโทษครั้งที่สอง ด้วยวิธีการยิงของเคน เราก็สัมผัสได้ทันที ถึงการที่เขารู้ตัว ว่ายอริสรู้ดี ถึงการที่เขาชอบยิงมุมต่ำทางด้านซ้าย จึงพยายามยิงมุมเดิมแต่งัดให้สูงขึ้น ซึ่งด้วยความไม่ชำนาญในการยิงรูปแบบนี้ ทำให้บอลลอยเหินค้ามขานไปอย่างน่าเสียดาย

ส่วนทางฝั่งฝรั่งเศส แนวรุก 3 คนนั้น ถือว่าทำได้ดีมากๆ ในเกมส์นี้ โดยเฉพาะเอ็มบัปเป้ ที่เมื่อได้บอลก็สามารถสร้างความอันตรายให้แก่แนวรับอังกฤษได้ทุกครั้ง โดยฝั่งอังกฤษต้องเอาผู้เล่นแดนกลางอย่าง เฮ็นเดอร์สัน และ ไรซ์ รวมถึงเซ็นเตอร์อย่าง สโตนส์ หมุนเวียนกันมาซ้อนเอ็มบัปเป้ถึง 3 ชั้น แต่ก็ยังไม่สามารถรับมือกับความเร็วของเอ็มบัปเป้ได้เท่าไหร่นัก รวมถึงชิรูด์ที่ถึงแม้ในเกมส์นี้จะไม่มีบทบาทอะไรมากนัก แต่เมื่อเขาโผล่เข้าเฟรมมาก็เป็นกุญแจสำคัญในชัยชนะทันที ด้วยการยิงประตูชัยส่งฝรั่งเศสเข้ารอบรองชนะเลิศ

และอีกคนที่น่าชื่นชมคือ อองตวน กรีซมันน์ โดยทัวร์นาเมนต์นี้เจ้าตัวได้แสดงให้เห็นถึงคลาสของคำว่า เพลย์เมกเกอร์ อย่างแท้จริง โดยเจ้าตัวจะคอยเคลื่อนที่เชื่อมเกมส์รุกทั้งซ้ายและขวา รวมถึงลงมาเชื่อมเกมส์ในแดนกลาง และการออกบอลในจังหวะสุดท้าย รวมถึงการสอดเข้าไปในกรอบเขตโทษเพื่อทำประตู สำหรับผม ตั้งแต่เริ่มทัวร์นาเมนต์นี้ เจ้าตัวถือว่าเล่นได้สมบูรณ์แบบมากๆ และแทบไม่มีข้อผิดพลาดใดๆเลย

3.นักเตะที่ต่ำกว่ามาตรฐาน
- ดีแคลน ไรซ์ เกมส์นี้เจ้าตัวโดนผู้เล่นฝรั่งเศสตามประชิดตัวตลอดเวลา เพื่อปิดช่องทางดารลำเลียงบอล ของอังกฤษ ทำให้เกมส์ของอังกฤษตื้อตัน ไม่สามารถสร้างเกมส์จากแดนกลางได้ โดยทั้งเกมส์ เจ้าตัวไม่สามารถทิ้งตัวประกบ ที่หมุนเวียนกันเข้ามาหาเจ้าตัวได้เลย เป็นสาเหตุให้แดนกลางของอังกฤษ โดนแดนกลางของฝรั่งเศสกดอยู่ตลอดการแข่งขัน

- จอร์แดน เฮ็นเดอร์สัน เป็นอีกเกมส์ที่ยังคงทำได้ไม่ดีพอเช่นเคย โดยเกมส์นี้เจ้าตัวพยายามลงต่ำ มาเซ็ตบอลแทนที่ของ ดีแคลน ไรซ์ ที่โดนตามประกบ แต่ด้วยวิสัยทัศน์ในการจ่าย ก็ยังไม่สามารถทำให้แดนกลางของอังกฤษดูดีขึ้นได้ แถมยังเชื่องช้า ทำให้เป็นเป้าในการตัดบอลของผู้เล่นฝรั่งเศสอยู่หลายๆครั้ง ซึ่งสาเหตุน่าจะมาจากสภาพร่างกาย ที่เริ่มโรยราลงทุกวันๆ ของเจ้าตัว

-ดาโยต์ อูปาเมกาโน แผลเพียงหนึ่งเดียวของฝรั่งเศส โดยเจ้าตัวมักจะเล่นเกมส์รับไม่ละเอียด และชอบยืนตำแหน่งผิดพลาดเสมอๆ แถมการเข้าปะทะแต่ละครั้ง ก็ชอบทะเล่อทะล่าเข้าหาบอลจนเสียฟาวล์ ทำให้ทีมสุ่มเสี่ยงต่อการเสียประตูอยู่ตลอดเวลา

**เข้าสู่รอบรองชนะเลิศไปได้อีกครั้ง สำหรับแชมป์เก่าฝรั่งเศส โดยจะเข้าไปพบกับโมร็อกโก ที่หักปากกาเซียนมา 2 รอบ ด้วยการเอาชนะ สเปน และ โปรตุเกส เข้ามาถึงรอบรองชนะเลิศ โดยถึงจุดนี้ ไม่สามารถวัดกันที่ศักยภาพผู้เล่นได้อีกแล้ว โดยถ้าฝรั่งเศสอยากที่จะเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศเป็นครั้งที่ 2 ติดต่อกัน พวกเขาห้ามเสียสมาธิอย่างเด็ดขาด เพราะโมร็อกโกแสดงให้เห็นแล้วว่า เขาสามารถลงโทษคู่ต่อสู้ได้ทันที แม้จากความผิดพลาดเล็กๆน้อยๆ เพียงครั้งเดียว

**ส่วนทางอังกฤษนี่เป็นอีกครั้ง ที่เมื่อพวกเขาเจอทีมระดับแชมป์เปี้ยนในทัวร์นาเมนต์ใหญ่ๆ พวกเขาก็ยังคงไม่สามารถก้าวข้ามทีมเหล่านี้ไปได้ ส่วนตัวผม ผมรู้สึกว่า สิ่งที่อังกฤษยังขาดหายไปในการที่จะก้าวขึ้นไปเป็นแชมป์นั้น คือ ความละเอียดในการเล่นทั้งผู้เป็นกุนซือและนักเตะ รวมถึงสมาธิในสนาม ที่ในแต่ละยุค ถึงแม้จะมีผู้เล่นที่ผ่านประสบการณ์มามากมายขนาดไหน แต่พอเข้าสู้เกมส์ระดับนี้ ก็ไม่สามารถเป็นที่พึ่งทางใจให้แก่เพื่อนๆ และรุ่นน้องในทีมได้เลย เผลอๆอาจจะรวมถึงตัวเองด้วย ถ้าอังกฤษแก้สิ่งเหล่านี้ได้ ก็มีโอกาสที่จะก้าวขึ้นมาเป็นทีมระดับแชมป์เปี้ยนได้เช่นกัน

ผมได้เขียนบทวิเคราะห์นี้ลงใน Pantip ควบคู่ไปกับเพจ Facebook ถ้าใครอ่านแล้วชอบบทความนี้สามารถติดตามที่เพจได้ครับ อัพเดทงานใหม่เรื่อยๆครับ https://www.facebook.com/profile.php?id=100088002469902&mibextid=ZbWKwL
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่