ในกระทู้ภาคที่แล้ว เราเล่าถึงการ ได้รู้ ได้เห็น ถึงสาเหตุที่มาที่ไปของอาการเจ็บป่วยแบบไม่ธรรมดา ที่เรียกกันว่าโรคเวรโรคกรรมของตัวเองไปแล้ว มาในกระทู้นี้เราจะเล่าการได้ไปรู้ ไปเห็น สาเหตุที่มาที่ไปของโรคเวรโรคกรรมนี้ของคนอื่นกันบ้าง
ซึ่งเราขอบอกว่า การไปได้เห็น โรคเวรโรคกรรม นี้ของคนอื่นเหมือนกับว่าเราได้ไปรู้ ไปเห็น กรรม ของพวกเขาเหล่านั้นเข้าโดยไม่ได้ตั้งใจ เพียงแค่เขามาเล่าเกี่ยวกับอาการเจ็บป่วยของเขาให้เราฟัง หรือเราไปได้ยินได้ฟังมาโดยไม่ได้ตั้งใจ เราก็จะรู้ จะเห็นทันทีทันใด ขณะนั้น
ยกตัวอย่างเช่น เพื่อนร่วมงานของเราคนนึง เขามาบ่นให้ฟังว่า เขารู้สึกหนักขาแบบแปลกๆ บางทีก็ชาไปเลยเป็นพักๆ แค่เราได้ยินแบบนั้นเราก็เหลือบไปมองขาเขา เราก็เห็นมีบางสิ่งเกาะขาซ้ายเขาอยู่
และเราก็ดันเป็นคนปากไว ก็พูดไปประมาณว่า ให้เขาไปทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรบ้างนะเผื่ออาการปวดจะดีขึ้น อะไรประมาณนี้แหละค่ะ ซึ่งก็มีหลายคนเลยที่เราเห็นแล้วก็ไปทัก ไปบอกเขาเช่นนั้น
บางทีก็เห็นมานั่งขี่คออยู่ก็มี บ้างก็ตามหลังเป็นเงาตามตัวอยู่ บ้างก็มากดหัว กดหน้าผาก ทำให้ปวดหัว ซึ่งตอนนั้นเป็นตอนที่เรายังไม่ปิดสัมผัสเรื่องสิ่งที่มองไม่เห็น เราจึงเห็นบ่อย เห็นจนชิน แต่หลังจากปิดไปแล้วเราก็ไม่ไปเที่ยวเห็นอะไรแบบนี้อีกแล้ว
ตอนหลังที่ได้ไปปฎิบัติธรรมพระอาจารย์ที่สอนกรรมฐานท่านก็เตือนเราเรื่องนี้ ว่าถ้าเห็นก็ให้สักแต่ว่าเห็น อย่าเที่ยวไปพูดไปบอกเขา เพราะมันเป็นกรรมของเขา เราไปบอกเขา ไปทำเช่นนั้นเหมือนกับเราไปขัดขวางการชดใช้กรรมของเขา กลายเป็นเราได้ทำกรรมเพิ่มโดยที่ไม่รู้ตัว
หลังจากนั้นเราจึงไม่ค่อยไปพูด ไปบอกเรื่องแบบนี้กับใครเขาอีกเลย
เราจะยกอีกตัวอย่างนึง คนนี้เขาเป็นแฟนเก่า อ้วนดำ เราที่เกือบจะได้แต่งงานกันแล้วแต่เราล่มงานแต่งของตัวเองเสียก่อนเลยยังไม่ทันได้แต่งงานกัน เรื่องมันเกิดหลังจากที่เขาไปสู่ขอเรากับญาติผู้ใหญ่เราเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และกำหนดวันแต่งมาแล้วเป็นอีก 3 เดือน ข้างหน้า
หลังจากนั้นเรากับเขาก็อยู่กันแบบปกติดีทุกอย่างแต่ทางบ้านเราเร่งรัดโทรมาสอบถามให้เรากับเขาลงไปเตรียมงาน ไปดูชุด ไปพิมพ์การ์ดอะไรพวกนี้ ซึ่งทุกครั้งที่เราคุยกับเขาเรื่องงานแต่ง เราจะทะเลาะกันตลอด เหมือนประมาณว่าเขาไม่อยากแต่งกับเราอย่างงั้นแหละ
เราเลยขี้เกียจคุยกับเขาเรื่องนี้ จนกระทั่งเหลือเวลาอีกแค่เดือนกว่าๆ เราก็ยังไม่ได้ทำอะไรกันเลย เราก็หาทางคุยกับเขาเรื่องงานแต่งของเราอีก มันก็ออกมาเหมือนเดิมอีก จนเราไม่รู้จะทำยังไงแล้ว
แล้วจู่ๆ คืนนึงเขามาบอกเราว่า พักหลังๆนี้เขารู้สึกปวดคอ ขอให้เรานวดคอให้หน่อยซึ่งเราก็นวดให้ แล้วคืนนั้นตกดึกกำลังเข้านอน เราก็ได้เห็นถึงสาเหตุของอาการปวดคอของเขา เราเห็นครูหมอโนรา เหยียบคอเขาอยู่ ซึ่งเราเห็นหน้าท่านโกรธมาก
***ครูหมอโนรา คือวิญญาณของบรรพบุรุษทางใต้ที่ได้สืบสายเลือด มโนราห์ จะคล้ายๆผีปู่ย่าของทางภาคเหนือ และผีฟ้าของทางภาคอีสาน ท่านจะคอยติดตามคุ้มครองลูกหลานที่ชอบทำบุญ ทำกุศลเยอะๆเพื่อที่ท่านจะได้อาศัยรับส่วนบุญส่วนกุศลจากเราด้วย
ซึ่งเราได้รู้มาว่าท่านได้ติดตามมาช่วยต่อชะตาชีวิตให้เรา ตอนที่เราประสบอุบัติเหตุขับมอไซค์ชนท้ายสิบล้อเกือบถึงแก่ชีวิต และหลังจากนั้นเราก็เริ่มสัมผัสสิ่งที่มองไม่เห็น และเห็นท่านตามเราอยู่กับเรามาตลอด
ซึ่งตอนนี้เราคิดว่าท่านน่าจะไม่อยู่กับเราแล้วเพราะตอนที่เรารู้ว่าท่านมาอยู่กับเรามาติดตามเรา เราก็ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ท่านตลอดเพื่อที่จะให้ท่านได้ไปสู่ภพภูมิที่สูงขึ้น และหลังๆมาก่อนที่เราจะปิดสัมผัสตรงนี้ไปเราก็สัมผัสถึงท่านไม่ได้แล้ว***
ตอนนั้นเรารู้สึกสงสัยเป็นอย่างมาก ว่าทำไมท่านจึงทำเช่นนั้นกับแฟน อ้วนดำ เราตอนนั้น และหลังจากนั้นตอนกลางคืนเราก็จะเห็นท่านเหยียบคอแฟนเราอยู่ตลอด 3 คืนติดๆกัน เราไม่กล้าบอกแฟนเราตอนนั้นเพราะเขาเป็นคนขี้กลัว เพราะเพื่อนที่ทำงานด้วยกันต่างก็รู้กิตติศัพท์ของเราดีในเรื่องแบบนี้
เพราะพวกเขาชอบมาลองของกับเราบ่อย เราได้แต่ไปเล่าให้เพื่อนร่วมงานที่สนิทฟัง เขาก็แนะนำให้เราถามแฟนเราไปตรงๆเลยเพราะมันไม่ใช่เรื่องปกติธรรมดาแล้วที่วิญญาณบรรพบุรุษของเราจะมาทำอะไรกับเขาแบบนี้
และอีกอย่างเราก็ทนเห็นท่านเหยียบคอแฟนเราอยู่ทุกคืนไม่ได้ และคิดว่าที่ท่านทำเช่นนั้นน่าจะมีอะไรแน่ๆ เราจึงถามแฟนเราเป็นนัยๆ ว่าช่วงนี้ไปทำอะไรไม่ดีมาหรือเปล่า หรือไปทำผิดอะไรมาบ้างมั้ย
เขาทำสีหน้าตกใจ แล้วก็ถามว่าทำไมเราถามแบบนี้ เราเลยต้องบอกความจริงเขาไป ว่าเราเห็น ครูหมอโนรา มีท่าทางโกรธยืนเหยียบคอเขาทุกคืน ทำให้เขามีอาการปวดคออยู่ ไม่หายสักทีนั่นแหละ
แล้วก็เป็นเหมือนอย่างเราคิดจริงๆ หลังจากคืนนั้นเขาไม่มานอนห้องกับเราเลย เขาหนีไปนอนห้องเพื่อนเพราะบอกว่ากลัวสิ่งที่เราบอกเขาแบบนั้น เราก็เค้นถามเขาอยู่ตลอด เพราะคิดว่าเขาต้องไปทำอะไรผิดมาแน่ๆ ท่านจึงไปเหยียบคอเขาเช่นนั้น แต่เขาก็ปฎิเสธตลอด ไม่ยอมบอกอะไร
หลังจากนั้นเรากับเขาก็เลิกกัน เพราะเราไม่อยากทะเลาะกับเขาเรื่องงานแต่ง เราเลยไม่แต่งมันแล้ว แล้วก็บอกทางบ้านเราล่มงานแต่งตัวเอง หลังจากเรากับเขาเลิกกันได้แค่เดือนเดียว เขาก็แต่งงานใหม่ เดือนถัดมาภรรยาเขาก็คลอดลูก
ตอนนั้นเราจึงได้รู้สาเหตุ ว่าทำไมวิญญาณบรรพบุรุษเราถึงไปเหยียบคอเขา หลังจากนั้นเราก็ตรอมใจอยู่เป็นปี กว่าจะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ ทั้งรักทั้งแค้น
แต่มันก็ผ่านมาแล้วเราก็อโหสิกรรมให้เขาแล้ว ขอให้เจอกันและจบกันแค่ชาตินี้ ชาติเดียวพอ เพราะหลังจากนั้นเราก็พยายามคุยกับเขาดีๆเพราะยังต้องทำงานร่วมกันอยู่ แต่เขาหลบหน้าเราตลอด ไม่เคยอยากพูด อยากคุยกับเราอีกเลย เราก็เลยเฉยๆ เพราะเราไม่ได้คิดอะไร ไม่ได้โกรธเคืองอะไรเขาอีกแล้ว
แต่เราก็มีความสงสัยและแปลกใจกับเรื่องนี้อยู่อย่างนึง ว่าทำไมเราถึงได้รู้ ได้เห็นกรรมของคนอื่นก่อน ก่อนที่จะได้มารู้ มาเห็นกรรมของตัวเอง มันเข้าทำนองของสำนวนที่ว่า "หัวคนอื่นแตกเราเห็นมาแต่ไกล แต่พอหัวตัวเองแตกเรากลับมองไม่เห็น" หรือเพราะเรายังไม่ทันได้หันกลับมามอง
เห็นนิมิต เห็นอดีต เห็นอนาคต เห็นกฎแห่งกรรม ภาค 17
ซึ่งเราขอบอกว่า การไปได้เห็น โรคเวรโรคกรรม นี้ของคนอื่นเหมือนกับว่าเราได้ไปรู้ ไปเห็น กรรม ของพวกเขาเหล่านั้นเข้าโดยไม่ได้ตั้งใจ เพียงแค่เขามาเล่าเกี่ยวกับอาการเจ็บป่วยของเขาให้เราฟัง หรือเราไปได้ยินได้ฟังมาโดยไม่ได้ตั้งใจ เราก็จะรู้ จะเห็นทันทีทันใด ขณะนั้น
ยกตัวอย่างเช่น เพื่อนร่วมงานของเราคนนึง เขามาบ่นให้ฟังว่า เขารู้สึกหนักขาแบบแปลกๆ บางทีก็ชาไปเลยเป็นพักๆ แค่เราได้ยินแบบนั้นเราก็เหลือบไปมองขาเขา เราก็เห็นมีบางสิ่งเกาะขาซ้ายเขาอยู่
และเราก็ดันเป็นคนปากไว ก็พูดไปประมาณว่า ให้เขาไปทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรบ้างนะเผื่ออาการปวดจะดีขึ้น อะไรประมาณนี้แหละค่ะ ซึ่งก็มีหลายคนเลยที่เราเห็นแล้วก็ไปทัก ไปบอกเขาเช่นนั้น
บางทีก็เห็นมานั่งขี่คออยู่ก็มี บ้างก็ตามหลังเป็นเงาตามตัวอยู่ บ้างก็มากดหัว กดหน้าผาก ทำให้ปวดหัว ซึ่งตอนนั้นเป็นตอนที่เรายังไม่ปิดสัมผัสเรื่องสิ่งที่มองไม่เห็น เราจึงเห็นบ่อย เห็นจนชิน แต่หลังจากปิดไปแล้วเราก็ไม่ไปเที่ยวเห็นอะไรแบบนี้อีกแล้ว
ตอนหลังที่ได้ไปปฎิบัติธรรมพระอาจารย์ที่สอนกรรมฐานท่านก็เตือนเราเรื่องนี้ ว่าถ้าเห็นก็ให้สักแต่ว่าเห็น อย่าเที่ยวไปพูดไปบอกเขา เพราะมันเป็นกรรมของเขา เราไปบอกเขา ไปทำเช่นนั้นเหมือนกับเราไปขัดขวางการชดใช้กรรมของเขา กลายเป็นเราได้ทำกรรมเพิ่มโดยที่ไม่รู้ตัว
หลังจากนั้นเราจึงไม่ค่อยไปพูด ไปบอกเรื่องแบบนี้กับใครเขาอีกเลย
เราจะยกอีกตัวอย่างนึง คนนี้เขาเป็นแฟนเก่า อ้วนดำ เราที่เกือบจะได้แต่งงานกันแล้วแต่เราล่มงานแต่งของตัวเองเสียก่อนเลยยังไม่ทันได้แต่งงานกัน เรื่องมันเกิดหลังจากที่เขาไปสู่ขอเรากับญาติผู้ใหญ่เราเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และกำหนดวันแต่งมาแล้วเป็นอีก 3 เดือน ข้างหน้า
หลังจากนั้นเรากับเขาก็อยู่กันแบบปกติดีทุกอย่างแต่ทางบ้านเราเร่งรัดโทรมาสอบถามให้เรากับเขาลงไปเตรียมงาน ไปดูชุด ไปพิมพ์การ์ดอะไรพวกนี้ ซึ่งทุกครั้งที่เราคุยกับเขาเรื่องงานแต่ง เราจะทะเลาะกันตลอด เหมือนประมาณว่าเขาไม่อยากแต่งกับเราอย่างงั้นแหละ
เราเลยขี้เกียจคุยกับเขาเรื่องนี้ จนกระทั่งเหลือเวลาอีกแค่เดือนกว่าๆ เราก็ยังไม่ได้ทำอะไรกันเลย เราก็หาทางคุยกับเขาเรื่องงานแต่งของเราอีก มันก็ออกมาเหมือนเดิมอีก จนเราไม่รู้จะทำยังไงแล้ว
แล้วจู่ๆ คืนนึงเขามาบอกเราว่า พักหลังๆนี้เขารู้สึกปวดคอ ขอให้เรานวดคอให้หน่อยซึ่งเราก็นวดให้ แล้วคืนนั้นตกดึกกำลังเข้านอน เราก็ได้เห็นถึงสาเหตุของอาการปวดคอของเขา เราเห็นครูหมอโนรา เหยียบคอเขาอยู่ ซึ่งเราเห็นหน้าท่านโกรธมาก
***ครูหมอโนรา คือวิญญาณของบรรพบุรุษทางใต้ที่ได้สืบสายเลือด มโนราห์ จะคล้ายๆผีปู่ย่าของทางภาคเหนือ และผีฟ้าของทางภาคอีสาน ท่านจะคอยติดตามคุ้มครองลูกหลานที่ชอบทำบุญ ทำกุศลเยอะๆเพื่อที่ท่านจะได้อาศัยรับส่วนบุญส่วนกุศลจากเราด้วย
ซึ่งเราได้รู้มาว่าท่านได้ติดตามมาช่วยต่อชะตาชีวิตให้เรา ตอนที่เราประสบอุบัติเหตุขับมอไซค์ชนท้ายสิบล้อเกือบถึงแก่ชีวิต และหลังจากนั้นเราก็เริ่มสัมผัสสิ่งที่มองไม่เห็น และเห็นท่านตามเราอยู่กับเรามาตลอด
ซึ่งตอนนี้เราคิดว่าท่านน่าจะไม่อยู่กับเราแล้วเพราะตอนที่เรารู้ว่าท่านมาอยู่กับเรามาติดตามเรา เราก็ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ท่านตลอดเพื่อที่จะให้ท่านได้ไปสู่ภพภูมิที่สูงขึ้น และหลังๆมาก่อนที่เราจะปิดสัมผัสตรงนี้ไปเราก็สัมผัสถึงท่านไม่ได้แล้ว***
ตอนนั้นเรารู้สึกสงสัยเป็นอย่างมาก ว่าทำไมท่านจึงทำเช่นนั้นกับแฟน อ้วนดำ เราตอนนั้น และหลังจากนั้นตอนกลางคืนเราก็จะเห็นท่านเหยียบคอแฟนเราอยู่ตลอด 3 คืนติดๆกัน เราไม่กล้าบอกแฟนเราตอนนั้นเพราะเขาเป็นคนขี้กลัว เพราะเพื่อนที่ทำงานด้วยกันต่างก็รู้กิตติศัพท์ของเราดีในเรื่องแบบนี้
เพราะพวกเขาชอบมาลองของกับเราบ่อย เราได้แต่ไปเล่าให้เพื่อนร่วมงานที่สนิทฟัง เขาก็แนะนำให้เราถามแฟนเราไปตรงๆเลยเพราะมันไม่ใช่เรื่องปกติธรรมดาแล้วที่วิญญาณบรรพบุรุษของเราจะมาทำอะไรกับเขาแบบนี้
และอีกอย่างเราก็ทนเห็นท่านเหยียบคอแฟนเราอยู่ทุกคืนไม่ได้ และคิดว่าที่ท่านทำเช่นนั้นน่าจะมีอะไรแน่ๆ เราจึงถามแฟนเราเป็นนัยๆ ว่าช่วงนี้ไปทำอะไรไม่ดีมาหรือเปล่า หรือไปทำผิดอะไรมาบ้างมั้ย
เขาทำสีหน้าตกใจ แล้วก็ถามว่าทำไมเราถามแบบนี้ เราเลยต้องบอกความจริงเขาไป ว่าเราเห็น ครูหมอโนรา มีท่าทางโกรธยืนเหยียบคอเขาทุกคืน ทำให้เขามีอาการปวดคออยู่ ไม่หายสักทีนั่นแหละ
แล้วก็เป็นเหมือนอย่างเราคิดจริงๆ หลังจากคืนนั้นเขาไม่มานอนห้องกับเราเลย เขาหนีไปนอนห้องเพื่อนเพราะบอกว่ากลัวสิ่งที่เราบอกเขาแบบนั้น เราก็เค้นถามเขาอยู่ตลอด เพราะคิดว่าเขาต้องไปทำอะไรผิดมาแน่ๆ ท่านจึงไปเหยียบคอเขาเช่นนั้น แต่เขาก็ปฎิเสธตลอด ไม่ยอมบอกอะไร
หลังจากนั้นเรากับเขาก็เลิกกัน เพราะเราไม่อยากทะเลาะกับเขาเรื่องงานแต่ง เราเลยไม่แต่งมันแล้ว แล้วก็บอกทางบ้านเราล่มงานแต่งตัวเอง หลังจากเรากับเขาเลิกกันได้แค่เดือนเดียว เขาก็แต่งงานใหม่ เดือนถัดมาภรรยาเขาก็คลอดลูก
ตอนนั้นเราจึงได้รู้สาเหตุ ว่าทำไมวิญญาณบรรพบุรุษเราถึงไปเหยียบคอเขา หลังจากนั้นเราก็ตรอมใจอยู่เป็นปี กว่าจะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ ทั้งรักทั้งแค้น
แต่มันก็ผ่านมาแล้วเราก็อโหสิกรรมให้เขาแล้ว ขอให้เจอกันและจบกันแค่ชาตินี้ ชาติเดียวพอ เพราะหลังจากนั้นเราก็พยายามคุยกับเขาดีๆเพราะยังต้องทำงานร่วมกันอยู่ แต่เขาหลบหน้าเราตลอด ไม่เคยอยากพูด อยากคุยกับเราอีกเลย เราก็เลยเฉยๆ เพราะเราไม่ได้คิดอะไร ไม่ได้โกรธเคืองอะไรเขาอีกแล้ว
แต่เราก็มีความสงสัยและแปลกใจกับเรื่องนี้อยู่อย่างนึง ว่าทำไมเราถึงได้รู้ ได้เห็นกรรมของคนอื่นก่อน ก่อนที่จะได้มารู้ มาเห็นกรรมของตัวเอง มันเข้าทำนองของสำนวนที่ว่า "หัวคนอื่นแตกเราเห็นมาแต่ไกล แต่พอหัวตัวเองแตกเรากลับมองไม่เห็น" หรือเพราะเรายังไม่ทันได้หันกลับมามอง