เรากำลังท้องได้แปดเดือน และจะคลอดในเดือนหน้า
เราตั้งใจมาเป็นแม่บ้านเต็มตัวค่ะ เพราะตกลงกับสามีไว้ตั้งแต่ก่อนแต่งงานแล้วนะคะ ว่าถ้ามีลูก เราจะอยู่บ้านเลี้ยงลูก อาจจะทำงานขายออนไลน์เล็กๆน้อยๆ ไปเรื่อยๆ และให้สามีเป็นคนทำงานหาเลี้ยงครอบครัว งานของเขาค่อนข้างหนักมีเวลาน้อย แต่ได้เงินเดือนดี เราเลยตกลงกันแบบนี้
ตอนนี้เราเริ่มเห็นเเววว่า เราจะมีปัญหากับแม่สามีค่ะ เพราะแม่สามีเขาต้องการเข้ามาจัดการทุกอย่าง ว่าห้องนอนเด็กต้องมีอะไร เป็นแบบไหน จะเลี้ยงลูกแบบไหน จะซื้อของใช้อะไรให้ลูกบ้าง ก็ต้องผ่านเขาก่อน
แม่สามีไม่ได้อยู่บ้านเดียวกันนะคะ แต่ก็อยู่ใกล้ๆ ในหมู่บ้านเดียวกัน เดินหากันแป็บเดียวค่ะ
บ้านของเราเล็กกว่า เพราะเป็นแค่ทาวเฮาสองชั้น ชั้นล่างก็มีโซนนั่งเล่น และห้องครัว ชั้นบนแบ่งได้เป็นสองห้อง
ห้องนอนเรากับสามี ก็เป็นห้องทั่วไปค่ะ มีตู้เสื้อผ้า และโต๊ะทำงานในห้องนอนเลย เรากับสามีใช้งานห้องนี้เป็นหลักค่ะ
ส่วนอีกห้องเรายังไม่ได้ทำอะไร กะว่า ลูกโตค่อยรีโนเวทเป็นห้องส่วนตัวให้ลูก
เราตั้งใจว่า ตอนลูกยังเล็ก จะเลี้ยงในห้องนอนเรา โดยซื้อเตียงเด็กเล็ก ที่วางข้างเตียงเราเลยนะคะ
แต่แม่ก็บ่นว่า เลี้ยงแบบนี้ไม่ได้ ต้องเอาเสื้อผ้าออกจากห้องนอนให้หมด ต้องทำให้ห้องโล่งที่สุด โต๊ะทำงานก็ไม่ให้มี โต๊ะเครื่องแป้งก็ต้องเอาออก บอกว่า มันมีฝุ่นเลี้ยงเด็กไม่ได้
หรือไม่ก็ให้ไปทำห้องข้างหลังเป็นห้องนอนเด็กและย้ายเราไปนอนกับลูกด้วย ปล่อยห้องนอนเดิมไว้เป็นห้องเสื้อผ้าไป
ซึ่งเราก็ไม่อยากจะทำแบบนั้น เพราะรู้สึกว่า มันไม่สะดวกกับการใช้ชีวิต
พอเราบอกว่า เราอยากทำแบบนี้มากกว่า แม่ก็บ่นว่า เราไม่มีความพร้อมเลี้ยงเด็กเลย ให้เอาลูกไปเลี้ยงที่บ้านแม่
บ้านแม่สามีใหญ่กว่านะคะ แต่เราไม่อยากไป เพราะรู้สึกว่า อึดอัด
อีกเรื่องเรามีแมวที่เลี้ยงมาตั้งแต่ก่อนแต่งงานหลายตัว สามีเราเขาก็โอเคให้เราเอามาเลี้ยงต่อ
แต่แม่สามีไม่ชอบเลี้ยงสัตว์เลยค่ะ อีกอย่างแมวเราเป็นแมวไทย หน้าตาธรรมดา เขาก็ยิ่งไม่ชอบนะคะ (แต่พอเขาไปเจอเเมวบ้านคนอื่น ที่เป็นแมวพันธ์ดี เราก็เห็นเขาชมว่าน่ารักนะคะ)
แม่สามีก็บ่นว่าเลี้ยงแมวกับ ลูกไม่ได้ เดี๋ยวเด็กจะเป็นภูมิแพ้ จะให้เอาแมวไปอยู่ที่อื่น (ทิ้งแมว)
แต่เท่าที่เราเคยหาข้อมูลอ่านดู แมวก็ไม่ได้เป็นสาเหตุหลักของการเป็นภูมิแพ้
เราก็โตมากับสัตว์เลี้ยง ก็ไม่ได้เป็นอะไร และแมวเราก็เลี้ยงแบบระบบปิด กินแค่อาหารเม็ดเท่านั้น เราเลยไม่ได้รู้สึกว่าน่ากังวลอะไรในเรื่องของแมวนะคะ
ส่วนสามีเรา ก็เห็นด้วยกับเรานะ แต่แม่ชอบมาคุยกับเราตอนที่สามีไปทำงาน แล้วอ้างว่า สามีเราเขาก็โอเคในแบบที่แม่บอก
เราต้องตัดบทโดยการบอกให้รอสามีกลับมาก่อน ค่อยคุยกันอีกครั้ง แล้วแม่ก็จะงอลๆ กลับบ้านเขาไปตลอด
เราแค่รู้สึกว่า เรื่องลูกของเรา เรากับสามีควรเป็นคนเลือก คนตัดสินใจว่าจะจัดการแบบไหนมากกว่าแม่สามีนะคะ
รู้ว่าที่เขาพูดเพราะเป็นห่วง แต่หลายครั้งเรารู้สึกว่า มันมากเกินไป เราอยากได้รับแค่คำแนะนำ เราจะทำตามไหม มันควรเป็นสิทธิของเราไหมค่ะ
ไม่ใช่มาสั่งหรือมาแซะมาบ่นเรา แล้วบอกว่า เขารู้ดีกว่า
เราอาจจะยังเลี้ยงเด็กไม่เป็น แต่เราก็อยากเลี้ยงเองนะคะ
ล่าสุด เถียงกันเรื่องให้นมลูก เราอยากให้ลูกกินนมเราเองจนถึง 2 ขวบ และให้กินอาหารแบบทำบดเองมากกว่าพวกซีรีแล็คนะคะ
แต่แม่สามีบอกว่าไม่ได้ ให้แค่ 6 เดือนก็พอแล้ว ไม่งั้นเด็กจะติดเต้า แล้วไม่ยอมกินขวดนม แถมแม่สามีบอกว่า นมแม่พอผ่านไปนานๆ ก็เป็นน้ำใสๆ แล้วไม่มีสารอาหารเท่าไร สู้นมผง อาหารเสริมไม่ได้
เราควรทำไงดีค่ะ ยืนกราน จะทำแบบที่เราต้องการ แล้วแตกหักกันไป หรือเจรจายังไงดีค่ะ
ใครเคยทะเลาะกับแม่สามี เรื่องการเลี้ยงลูกบ้างไหมค่ะ แก้ปัญหากันอย่างไรบ้างค่ะ
เราตั้งใจมาเป็นแม่บ้านเต็มตัวค่ะ เพราะตกลงกับสามีไว้ตั้งแต่ก่อนแต่งงานแล้วนะคะ ว่าถ้ามีลูก เราจะอยู่บ้านเลี้ยงลูก อาจจะทำงานขายออนไลน์เล็กๆน้อยๆ ไปเรื่อยๆ และให้สามีเป็นคนทำงานหาเลี้ยงครอบครัว งานของเขาค่อนข้างหนักมีเวลาน้อย แต่ได้เงินเดือนดี เราเลยตกลงกันแบบนี้
ตอนนี้เราเริ่มเห็นเเววว่า เราจะมีปัญหากับแม่สามีค่ะ เพราะแม่สามีเขาต้องการเข้ามาจัดการทุกอย่าง ว่าห้องนอนเด็กต้องมีอะไร เป็นแบบไหน จะเลี้ยงลูกแบบไหน จะซื้อของใช้อะไรให้ลูกบ้าง ก็ต้องผ่านเขาก่อน
แม่สามีไม่ได้อยู่บ้านเดียวกันนะคะ แต่ก็อยู่ใกล้ๆ ในหมู่บ้านเดียวกัน เดินหากันแป็บเดียวค่ะ
บ้านของเราเล็กกว่า เพราะเป็นแค่ทาวเฮาสองชั้น ชั้นล่างก็มีโซนนั่งเล่น และห้องครัว ชั้นบนแบ่งได้เป็นสองห้อง
ห้องนอนเรากับสามี ก็เป็นห้องทั่วไปค่ะ มีตู้เสื้อผ้า และโต๊ะทำงานในห้องนอนเลย เรากับสามีใช้งานห้องนี้เป็นหลักค่ะ
ส่วนอีกห้องเรายังไม่ได้ทำอะไร กะว่า ลูกโตค่อยรีโนเวทเป็นห้องส่วนตัวให้ลูก
เราตั้งใจว่า ตอนลูกยังเล็ก จะเลี้ยงในห้องนอนเรา โดยซื้อเตียงเด็กเล็ก ที่วางข้างเตียงเราเลยนะคะ
แต่แม่ก็บ่นว่า เลี้ยงแบบนี้ไม่ได้ ต้องเอาเสื้อผ้าออกจากห้องนอนให้หมด ต้องทำให้ห้องโล่งที่สุด โต๊ะทำงานก็ไม่ให้มี โต๊ะเครื่องแป้งก็ต้องเอาออก บอกว่า มันมีฝุ่นเลี้ยงเด็กไม่ได้
หรือไม่ก็ให้ไปทำห้องข้างหลังเป็นห้องนอนเด็กและย้ายเราไปนอนกับลูกด้วย ปล่อยห้องนอนเดิมไว้เป็นห้องเสื้อผ้าไป
ซึ่งเราก็ไม่อยากจะทำแบบนั้น เพราะรู้สึกว่า มันไม่สะดวกกับการใช้ชีวิต
พอเราบอกว่า เราอยากทำแบบนี้มากกว่า แม่ก็บ่นว่า เราไม่มีความพร้อมเลี้ยงเด็กเลย ให้เอาลูกไปเลี้ยงที่บ้านแม่
บ้านแม่สามีใหญ่กว่านะคะ แต่เราไม่อยากไป เพราะรู้สึกว่า อึดอัด
อีกเรื่องเรามีแมวที่เลี้ยงมาตั้งแต่ก่อนแต่งงานหลายตัว สามีเราเขาก็โอเคให้เราเอามาเลี้ยงต่อ
แต่แม่สามีไม่ชอบเลี้ยงสัตว์เลยค่ะ อีกอย่างแมวเราเป็นแมวไทย หน้าตาธรรมดา เขาก็ยิ่งไม่ชอบนะคะ (แต่พอเขาไปเจอเเมวบ้านคนอื่น ที่เป็นแมวพันธ์ดี เราก็เห็นเขาชมว่าน่ารักนะคะ)
แม่สามีก็บ่นว่าเลี้ยงแมวกับ ลูกไม่ได้ เดี๋ยวเด็กจะเป็นภูมิแพ้ จะให้เอาแมวไปอยู่ที่อื่น (ทิ้งแมว)
แต่เท่าที่เราเคยหาข้อมูลอ่านดู แมวก็ไม่ได้เป็นสาเหตุหลักของการเป็นภูมิแพ้
เราก็โตมากับสัตว์เลี้ยง ก็ไม่ได้เป็นอะไร และแมวเราก็เลี้ยงแบบระบบปิด กินแค่อาหารเม็ดเท่านั้น เราเลยไม่ได้รู้สึกว่าน่ากังวลอะไรในเรื่องของแมวนะคะ
ส่วนสามีเรา ก็เห็นด้วยกับเรานะ แต่แม่ชอบมาคุยกับเราตอนที่สามีไปทำงาน แล้วอ้างว่า สามีเราเขาก็โอเคในแบบที่แม่บอก
เราต้องตัดบทโดยการบอกให้รอสามีกลับมาก่อน ค่อยคุยกันอีกครั้ง แล้วแม่ก็จะงอลๆ กลับบ้านเขาไปตลอด
เราแค่รู้สึกว่า เรื่องลูกของเรา เรากับสามีควรเป็นคนเลือก คนตัดสินใจว่าจะจัดการแบบไหนมากกว่าแม่สามีนะคะ
รู้ว่าที่เขาพูดเพราะเป็นห่วง แต่หลายครั้งเรารู้สึกว่า มันมากเกินไป เราอยากได้รับแค่คำแนะนำ เราจะทำตามไหม มันควรเป็นสิทธิของเราไหมค่ะ
ไม่ใช่มาสั่งหรือมาแซะมาบ่นเรา แล้วบอกว่า เขารู้ดีกว่า
เราอาจจะยังเลี้ยงเด็กไม่เป็น แต่เราก็อยากเลี้ยงเองนะคะ
ล่าสุด เถียงกันเรื่องให้นมลูก เราอยากให้ลูกกินนมเราเองจนถึง 2 ขวบ และให้กินอาหารแบบทำบดเองมากกว่าพวกซีรีแล็คนะคะ
แต่แม่สามีบอกว่าไม่ได้ ให้แค่ 6 เดือนก็พอแล้ว ไม่งั้นเด็กจะติดเต้า แล้วไม่ยอมกินขวดนม แถมแม่สามีบอกว่า นมแม่พอผ่านไปนานๆ ก็เป็นน้ำใสๆ แล้วไม่มีสารอาหารเท่าไร สู้นมผง อาหารเสริมไม่ได้
เราควรทำไงดีค่ะ ยืนกราน จะทำแบบที่เราต้องการ แล้วแตกหักกันไป หรือเจรจายังไงดีค่ะ