ถ้าเก็บภาษีแล้ว volume ลดลง จะเกิดอะไรขึ้น
หรือคิดว่ายังไงนักลงทุนก็อดที่จะเทรดไม่ได้ volume ไม่ลดหรอก
ถ้า volume ลดลง
ค่าคอมทีโบรกได้ก็จะลดลง vat ที่คิดจากค่าคอม ก็จะลดลง
เป้าที่คิดว่าจะเก็บภาษีได้ปีละ 1 - 2 หมื่นล้านก็จะลดลง
ภาษีที่เก็บจากกำไรของโบรกที่มาจากค่าคอมก็จะลดลง
IC ก็จะได้ incentive ลดลง รายได้ลดลงก็เสียภาษีเงินได้น้อยลง
การใช้จ่ายก็จะลดลง vat ที่เคยได้จากการใช้จ่ายก็จะลดลง
ตลาดหุ้นไม่ไปไหน คนไม่ได้กำไร ก็ลดการใช้จ่ายลง
พ่อค้าแม่ค้าขายของได้น้อยลง ก็ใช้จ่ายน้อยลง
เงินหมุนเวียนในระบบก็จะลดลง
ต่อให้โครงการคนละครึ่ง อีก 100 เฟส ก็ไม่น่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้
ตลาดหุ้นต้องบูม นักลงทุนก็จะได้กำไรกันถ้วนหน้า
การใช้จ่ายก็จะหมุนเวียนมากขึ้น เศรษฐกิจก็จะกระเตื้องขึ้น
แล้วค่อยไปเก็บภาษีเอาตอนนั้น และเก็บให้เป็นธรรมครบทุกกลุ่ม
ช่วงเวลานี้แทนที่จะลดภาษีลงเพื่อกระตุ้นตลาด กลับมาเก็บภาษีเพิ่ม
หรือว่าถังแตกจริงๆ และหาเงินจากวิธีอื่นไม่ได้แล้ว
คิดจะเก็บภาษีก็เอาตัวเลขการขายมาคำนวณว่าจะได้เท่านั้นเท่านี้ ไม่คิดเลยว่าจะคิดได้แค่นี้จริงๆ
หรือคิดว่ายังไงนักลงทุนก็อดที่จะเทรดไม่ได้ volume ไม่ลดหรอก
ถ้า volume ลดลง
ค่าคอมทีโบรกได้ก็จะลดลง vat ที่คิดจากค่าคอม ก็จะลดลง
เป้าที่คิดว่าจะเก็บภาษีได้ปีละ 1 - 2 หมื่นล้านก็จะลดลง
ภาษีที่เก็บจากกำไรของโบรกที่มาจากค่าคอมก็จะลดลง
IC ก็จะได้ incentive ลดลง รายได้ลดลงก็เสียภาษีเงินได้น้อยลง
การใช้จ่ายก็จะลดลง vat ที่เคยได้จากการใช้จ่ายก็จะลดลง
ตลาดหุ้นไม่ไปไหน คนไม่ได้กำไร ก็ลดการใช้จ่ายลง
พ่อค้าแม่ค้าขายของได้น้อยลง ก็ใช้จ่ายน้อยลง
เงินหมุนเวียนในระบบก็จะลดลง
ต่อให้โครงการคนละครึ่ง อีก 100 เฟส ก็ไม่น่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้
ตลาดหุ้นต้องบูม นักลงทุนก็จะได้กำไรกันถ้วนหน้า
การใช้จ่ายก็จะหมุนเวียนมากขึ้น เศรษฐกิจก็จะกระเตื้องขึ้น
แล้วค่อยไปเก็บภาษีเอาตอนนั้น และเก็บให้เป็นธรรมครบทุกกลุ่ม
ช่วงเวลานี้แทนที่จะลดภาษีลงเพื่อกระตุ้นตลาด กลับมาเก็บภาษีเพิ่ม
หรือว่าถังแตกจริงๆ และหาเงินจากวิธีอื่นไม่ได้แล้ว