ในกระทู้นี้เราจะเล่าเรื่องราวและความฝันที่เป็น นิมิต เกี่ยวกับสามีชาวต่างชาติของเราคนปัจจุบัน ที่เราเคยเล่าไปบ้างแล้วในกระทู้ภาค 12 ของเรา แต่ในกระทู้นั้นเป็น นิมิต ความฝันของคนอื่นที่เขาได้รู้ ได้เห็นล่วงหน้า เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเรากับสามีเราคนนี้
คราวนี้เราจะเล่า นิมิต จากความฝันที่เราได้รู้ ได้เห็นเอง ในเรื่องความสัมพันธ์และสัญญาของเรากับเขาในอดีต ซึ่งการเริ่มต้นชีวิตคู่ของเราทั้งสองคนไม่ราบรื่นเลย มีแต่อุปสรรคตั้งแต่ต้น และเจอแต่อุปสรรคมาตลอด เกือบจะถึงขั้นเลิกรากันหลายครั้งหลายคราว
แต่ทุกครั้งเราจะสามารถฝ่าฟันอุปสรรคไปได้ตลอด อันที่จริงเราคิดจะเราทั้งคู่จะไปกันไม่รอดตั้งแต่ที่เจออุปสรรคครั้งแรกเลย แต่ด้วยความที่เรามีความอดทน และไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ เราจึงอยู่ด้วยกันมาได้จนถึงทุกวันนี้
ครั้งแรกเราจะเลิกกับเขาเพราะแมว เพราะเราแพ้ขนแมว เรารู้ตัวและบอกเขาตั้งแต่ทีแรกแล้ว แต่เขาเป็นคนรักแมว เขาก็หาข้ออ้างอื่นๆมาอ้างถึงสาเหตุที่เราป่วย เราก็ทนอาศัยอยู่ร่วมกับแมวมาจนกระทั่งเราไม่ไหวจริงๆ แล้วเขาก็เลือกที่จะให้เราออกจากชีวิตเขาไปแต่ไม่ยอมให้แมวแยกกันอยู่กับคน
ถ้าเขายอมแยกแมวออกจากคนตั้งแต่ทีแรกเราก็สามารถอยู่ร่วมกันได้โดยไม่มีปัญหา เมื่อเราตัดสินใจเดินออกมา เขาจึงตามมาง้อแล้วยอมให้แมวแยกทางกับคนแทน หลังจากนั้นเราก็ค่อนข้างจะป่วยง่าย เป็นหอบหืดอีกครั้งหลังจากหายไปตั้งแต่เด็ก
พอจบปัญหาเรื่องแมวเรากับเขาก็ต้องแยกจากกันอีก เพราะเขาต้องกลับประเทศและติดช่วงสถานการณ์โควิด เราไปหาเขาไม่ได้เพราะบ้านเขาปิดประเทศ ต้องแยกกันอีกเกือบปี แต่มันก็ไม่เป็นปัญหาเพราะเราติดต่อกันตลอด
หลังจากสถานการณ์ดีขึ้นเราก็นัดไปเจอกันที่ประเทศอื่นเพราะบ้านเค้ายังคงปิดประเทศอยู่ เรายังเข้าประเทศเขาไม่ได้ พอคุยกันและวางแผนเรื่องจะแต่งงานจดทะเบียนสมรสที่ต่างประเทศจู่ๆ เขาก็มีอาการแปลกไป ไม่อยากคุย ไม่ยอมพูด ไม่ยอมบอกอะไร โมโหง่าย
เราคิดว่ามันเป็นสัญญาณไม่ดี วันนึงเขาโทรมาหาเราแล้วขอเลิกกับเราด้วยสีหน้าไม่ค่อยดีนัก ผิดกับก่อนหน้านี้ที่เขาออกจะดีใจที่เราจะเดินทางไปหาเขาที่ต่างประเทศ
เราจึงถามเหตุผล ว่าทำไมจู่ๆก็มาขอเลิกกับเรา ทั้งๆที่วันก่อนยังวางแผนไปเจอกันที่ต่างประเทศด้วยกันอยู่เลย เขาบอกว่า เขาเป็นเนื้องอกในสมอง เพิ่งจะตรวจเจอ หมอบอกเขาว่า เขาจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่น่าจะเกิน 5 ปี ถ้าไม่ผ่าตัด
แต่ถ้าผ่าตัดก็อาจจะมีชีวิตรอดอยู่ยาวขึ้น แต่ก็เสี่ยงที่จะไม่กลับมาเหมือนเดิมอาจจะนอนเป็นผักไปตลอดชีวิต เขาจึงคิดจะเลิกกับเราเพราะเหตุผลนี้ ตอนนั้นเราคิดว่าแค่เหตุผลแค่นี้ทำไมเขาถึงอยากจะเลิกกับเรา เราไม่เข้าใจความคิดเขาเลย
เราเลยบอกเขาไปว่า ให้เขาถามตัวเองดู ว่ายังต้องการเราหรือเปล่า ยังอยากอยู่กับเราหรือเปล่า ยังอยากใช้ชีวิตคู่ร่วมกันกับเรามั้ย สำหรับเราแล้ว ถ้าเขายังต้องการเรา ยังอยากอยู่กับเรา ยังอยากใช้ชีวิตคู่ร่วมกันกับเรา ไม่ว่าจะแค่ 5 ปี 5 เดือน หรือแค่ 5 วัน เราก็จะอยู่กับเขา เราจะไม่มีวันทิ้งเขา
แต่ถ้าเขาไม่ได้ต้องการเรา ไม่ได้อยากอยู่ ไม่อยากใช้ชีวิตด้วยกันกับเราแล้ว อย่าว่าแต่ 5 ปีเลย แค่ 5 นาทีเราก็ไม่อยากอยู่ใกล้เขา เราเป็นคนที่พูดอะไรแล้วก็จะทำให้ได้ตามที่พูดจริงๆ เราจะไม่ค่อยพูดอะไรพร่ำเพรื่อ ไม่ค่อยสัญญาอะไรกับใครลอยๆ
หลังจากนั้นเราก็ไปอยู่ต่างประเทศกับเขาเป็นปี กว่าจะได้กลับไปบ้านเขา ไปทำความรู้จักกับครอบครัวและเพื่อนๆของเขา หลังจากนั้นเราก็กลับมาเมืองไทยมาคนเดียวเพื่อเตรียมเอกสารไปจดทะเบียนสมรสที่บ้านเขา
แต่เขาเป็นคนที่ค่อนข้างจะใจร้อน อยากให้อะไรๆมันไว รวดเร็วทันใจตัวเองไปหมดทุกอย่าง แต่ระบบราชการบ้านเรามันช้า ต้องรอนาน แล้วอีกอย่างเราก็อยากอยู่ไทยนานๆเพราะคิดถึงลูก แต่ด้วยความที่เขาเป็นคนขี้กังวล กลัวว่าเรากลับมาไทยแล้วจะทิ้งเขาเลย ไม่ยอมกลับไป
เลยทำให้ทะเลาะกันอีก ด้วยความที่เขาต้องการจะเร่งเวลาให้เรากลับไปบ้านเขาเร็วๆแต่เอกสารเรายังเตรียมไม่เสร็จ เขายื่นคำขาดให้เรากลับไปวันนั้นวันนี้ ถ้าเราไม่กลับเขาจะเลิกกับเราและจะหาผู้หญิงคนใหม่มาแต่งงานกับเขาแทน
ด้วยความที่เราโมโหในความไร้สาระ ไร้เหตุผลของเขา เราจึงบอกไปว่า งั้นเราก็ไม่กลับไปแล้วให้เขาหาผู้หญิงคนใหม่ไปเลย แล้วเราก็เงียบ เลิกติดต่อ เลิกโทรหาเขาไป 2-3 วัน
เพื่อนเราคนที่เคยฝันถึงเขาโทรมาหาเรา สอบถามเรื่องความสัมพันธ์ของเรากับเขา เราจึงบอกไปว่าก็ดีไม่ได้มีปัญหาอะไร เขาก็ถามเราว่า เรามั่นใจในตัวเองสามีเราคนนี้แค่ไหน แล้วเขาก็เอารูปสามีที่อยู่ในแอพหาคู่มาให้เราดู
เขาลงหาคู่เพื่อที่จะต้องการคนที่จะแต่งงานด้วยจริงๆ เขาจริงจังเรื่องการแต่งงานมากๆ แล้วเราก็มานั่งทบทวนดูความสัมพันธ์ของเราทั้งคู่ หลังจากนั้นเราจึงยอมเป็นคนง้อเขาก่อน ซึ่งเขาก็ยอมใจอ่อนแต่ก็ยังคงไม่วางใจเรา เพราะเรายังเห็นเขาอยู่ในแอพหาคู่ตลอด
แต่เราก็ต้องการเสี่ยงกับผู้ชายคนนี้อีกครั้ง เมื่อเรากลับไปบ้านเขาก่อนจะไปจดทะเบียนสมรสกันเราถามเขาเรื่องที่เขา จะหาผู้หญิงคนอื่นมาแต่งงานด้วยในแอพหาคู่ ซึ่งเราคิดไว้แล้วว่าถ้าเขาโกหกเราเรื่องนี้ เราจะบินกลับไทยไปโดยไม่ลังเลเลย เพราะเราไม่ชอบคนโกหก ไม่ซื่อสัตย์
แต่เขายอมรับกับเราตรงๆและบอกหมดทุกเรื่อง อย่างหมดเปลือก โดยไม่มีอะไรปิดบัง เพราะเราก็รู้เรื่องนี้อยู่แล้วแค่ต้องการได้ยินจากปากเขาเท่านั้น แต่เราไม่เคยบอกเขา เรื่องที่เรารู้ว่าเขาไปประกาศหาผู้หญิงมาแต่งงานด้วยในแอพหาคู่
หลังจากนั้นเราก็แต่งงานแค่จดทะเบียนสมรสกันแล้วก็ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันที่ต่างประเทศจนถึงปัจจุบันนี้
เห็นนิมิต เห็นอดีต เห็นอนาคต เห็นกฎแห่งกรรม ภาค 14
คราวนี้เราจะเล่า นิมิต จากความฝันที่เราได้รู้ ได้เห็นเอง ในเรื่องความสัมพันธ์และสัญญาของเรากับเขาในอดีต ซึ่งการเริ่มต้นชีวิตคู่ของเราทั้งสองคนไม่ราบรื่นเลย มีแต่อุปสรรคตั้งแต่ต้น และเจอแต่อุปสรรคมาตลอด เกือบจะถึงขั้นเลิกรากันหลายครั้งหลายคราว
แต่ทุกครั้งเราจะสามารถฝ่าฟันอุปสรรคไปได้ตลอด อันที่จริงเราคิดจะเราทั้งคู่จะไปกันไม่รอดตั้งแต่ที่เจออุปสรรคครั้งแรกเลย แต่ด้วยความที่เรามีความอดทน และไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ เราจึงอยู่ด้วยกันมาได้จนถึงทุกวันนี้
ครั้งแรกเราจะเลิกกับเขาเพราะแมว เพราะเราแพ้ขนแมว เรารู้ตัวและบอกเขาตั้งแต่ทีแรกแล้ว แต่เขาเป็นคนรักแมว เขาก็หาข้ออ้างอื่นๆมาอ้างถึงสาเหตุที่เราป่วย เราก็ทนอาศัยอยู่ร่วมกับแมวมาจนกระทั่งเราไม่ไหวจริงๆ แล้วเขาก็เลือกที่จะให้เราออกจากชีวิตเขาไปแต่ไม่ยอมให้แมวแยกกันอยู่กับคน
ถ้าเขายอมแยกแมวออกจากคนตั้งแต่ทีแรกเราก็สามารถอยู่ร่วมกันได้โดยไม่มีปัญหา เมื่อเราตัดสินใจเดินออกมา เขาจึงตามมาง้อแล้วยอมให้แมวแยกทางกับคนแทน หลังจากนั้นเราก็ค่อนข้างจะป่วยง่าย เป็นหอบหืดอีกครั้งหลังจากหายไปตั้งแต่เด็ก
พอจบปัญหาเรื่องแมวเรากับเขาก็ต้องแยกจากกันอีก เพราะเขาต้องกลับประเทศและติดช่วงสถานการณ์โควิด เราไปหาเขาไม่ได้เพราะบ้านเขาปิดประเทศ ต้องแยกกันอีกเกือบปี แต่มันก็ไม่เป็นปัญหาเพราะเราติดต่อกันตลอด
หลังจากสถานการณ์ดีขึ้นเราก็นัดไปเจอกันที่ประเทศอื่นเพราะบ้านเค้ายังคงปิดประเทศอยู่ เรายังเข้าประเทศเขาไม่ได้ พอคุยกันและวางแผนเรื่องจะแต่งงานจดทะเบียนสมรสที่ต่างประเทศจู่ๆ เขาก็มีอาการแปลกไป ไม่อยากคุย ไม่ยอมพูด ไม่ยอมบอกอะไร โมโหง่าย
เราคิดว่ามันเป็นสัญญาณไม่ดี วันนึงเขาโทรมาหาเราแล้วขอเลิกกับเราด้วยสีหน้าไม่ค่อยดีนัก ผิดกับก่อนหน้านี้ที่เขาออกจะดีใจที่เราจะเดินทางไปหาเขาที่ต่างประเทศ
เราจึงถามเหตุผล ว่าทำไมจู่ๆก็มาขอเลิกกับเรา ทั้งๆที่วันก่อนยังวางแผนไปเจอกันที่ต่างประเทศด้วยกันอยู่เลย เขาบอกว่า เขาเป็นเนื้องอกในสมอง เพิ่งจะตรวจเจอ หมอบอกเขาว่า เขาจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่น่าจะเกิน 5 ปี ถ้าไม่ผ่าตัด
แต่ถ้าผ่าตัดก็อาจจะมีชีวิตรอดอยู่ยาวขึ้น แต่ก็เสี่ยงที่จะไม่กลับมาเหมือนเดิมอาจจะนอนเป็นผักไปตลอดชีวิต เขาจึงคิดจะเลิกกับเราเพราะเหตุผลนี้ ตอนนั้นเราคิดว่าแค่เหตุผลแค่นี้ทำไมเขาถึงอยากจะเลิกกับเรา เราไม่เข้าใจความคิดเขาเลย
เราเลยบอกเขาไปว่า ให้เขาถามตัวเองดู ว่ายังต้องการเราหรือเปล่า ยังอยากอยู่กับเราหรือเปล่า ยังอยากใช้ชีวิตคู่ร่วมกันกับเรามั้ย สำหรับเราแล้ว ถ้าเขายังต้องการเรา ยังอยากอยู่กับเรา ยังอยากใช้ชีวิตคู่ร่วมกันกับเรา ไม่ว่าจะแค่ 5 ปี 5 เดือน หรือแค่ 5 วัน เราก็จะอยู่กับเขา เราจะไม่มีวันทิ้งเขา
แต่ถ้าเขาไม่ได้ต้องการเรา ไม่ได้อยากอยู่ ไม่อยากใช้ชีวิตด้วยกันกับเราแล้ว อย่าว่าแต่ 5 ปีเลย แค่ 5 นาทีเราก็ไม่อยากอยู่ใกล้เขา เราเป็นคนที่พูดอะไรแล้วก็จะทำให้ได้ตามที่พูดจริงๆ เราจะไม่ค่อยพูดอะไรพร่ำเพรื่อ ไม่ค่อยสัญญาอะไรกับใครลอยๆ
หลังจากนั้นเราก็ไปอยู่ต่างประเทศกับเขาเป็นปี กว่าจะได้กลับไปบ้านเขา ไปทำความรู้จักกับครอบครัวและเพื่อนๆของเขา หลังจากนั้นเราก็กลับมาเมืองไทยมาคนเดียวเพื่อเตรียมเอกสารไปจดทะเบียนสมรสที่บ้านเขา
แต่เขาเป็นคนที่ค่อนข้างจะใจร้อน อยากให้อะไรๆมันไว รวดเร็วทันใจตัวเองไปหมดทุกอย่าง แต่ระบบราชการบ้านเรามันช้า ต้องรอนาน แล้วอีกอย่างเราก็อยากอยู่ไทยนานๆเพราะคิดถึงลูก แต่ด้วยความที่เขาเป็นคนขี้กังวล กลัวว่าเรากลับมาไทยแล้วจะทิ้งเขาเลย ไม่ยอมกลับไป
เลยทำให้ทะเลาะกันอีก ด้วยความที่เขาต้องการจะเร่งเวลาให้เรากลับไปบ้านเขาเร็วๆแต่เอกสารเรายังเตรียมไม่เสร็จ เขายื่นคำขาดให้เรากลับไปวันนั้นวันนี้ ถ้าเราไม่กลับเขาจะเลิกกับเราและจะหาผู้หญิงคนใหม่มาแต่งงานกับเขาแทน
ด้วยความที่เราโมโหในความไร้สาระ ไร้เหตุผลของเขา เราจึงบอกไปว่า งั้นเราก็ไม่กลับไปแล้วให้เขาหาผู้หญิงคนใหม่ไปเลย แล้วเราก็เงียบ เลิกติดต่อ เลิกโทรหาเขาไป 2-3 วัน
เพื่อนเราคนที่เคยฝันถึงเขาโทรมาหาเรา สอบถามเรื่องความสัมพันธ์ของเรากับเขา เราจึงบอกไปว่าก็ดีไม่ได้มีปัญหาอะไร เขาก็ถามเราว่า เรามั่นใจในตัวเองสามีเราคนนี้แค่ไหน แล้วเขาก็เอารูปสามีที่อยู่ในแอพหาคู่มาให้เราดู
เขาลงหาคู่เพื่อที่จะต้องการคนที่จะแต่งงานด้วยจริงๆ เขาจริงจังเรื่องการแต่งงานมากๆ แล้วเราก็มานั่งทบทวนดูความสัมพันธ์ของเราทั้งคู่ หลังจากนั้นเราจึงยอมเป็นคนง้อเขาก่อน ซึ่งเขาก็ยอมใจอ่อนแต่ก็ยังคงไม่วางใจเรา เพราะเรายังเห็นเขาอยู่ในแอพหาคู่ตลอด
แต่เราก็ต้องการเสี่ยงกับผู้ชายคนนี้อีกครั้ง เมื่อเรากลับไปบ้านเขาก่อนจะไปจดทะเบียนสมรสกันเราถามเขาเรื่องที่เขา จะหาผู้หญิงคนอื่นมาแต่งงานด้วยในแอพหาคู่ ซึ่งเราคิดไว้แล้วว่าถ้าเขาโกหกเราเรื่องนี้ เราจะบินกลับไทยไปโดยไม่ลังเลเลย เพราะเราไม่ชอบคนโกหก ไม่ซื่อสัตย์
แต่เขายอมรับกับเราตรงๆและบอกหมดทุกเรื่อง อย่างหมดเปลือก โดยไม่มีอะไรปิดบัง เพราะเราก็รู้เรื่องนี้อยู่แล้วแค่ต้องการได้ยินจากปากเขาเท่านั้น แต่เราไม่เคยบอกเขา เรื่องที่เรารู้ว่าเขาไปประกาศหาผู้หญิงมาแต่งงานด้วยในแอพหาคู่
หลังจากนั้นเราก็แต่งงานแค่จดทะเบียนสมรสกันแล้วก็ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันที่ต่างประเทศจนถึงปัจจุบันนี้