สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเกมส์บราซิลพบเกาหลีใต้

ชนะไปแบบไม่ต้องลุ้นสำหรับทัพเซเลเซา หลังเอาชนะเกาหลีใต้ไปแบบไม่ต้องเหน็ดเหนื่อย ด้วยสกอร์ 4 - 1 โดยเกมส์นี้บราซิล ได้เนย์มาร์กลับมาลงสนาม หลังจากบาดเจ็บไปในเกมส์ที่พบกับเซอร์เบีย และสามารถประสานงานกับ ริชาร์ลิซอน วินิซิอุส และ ราฟินญ่า ได้เพลินตาแฟนบอลเป็นอย่างมาก โดยจากนี้ผมจะอธิบายถึงรายละเอียดเกมส์ ตามสิ่งที่ผมได้เห็นครับ

1.การจัดตัวผู้เล่น
- บราซิลเปลี่ยนผู้เล่น 10 คน เนื่องจากเกมส์ที่แพ้แคเมอรูน 0 - 1 ได้พักผู้เล่นชุดหลัก และให้โอกาสผู้เล่นชุดสำรองลงสนาม โดยเกมส์นี้ ผู้เล่นตัวจริงที่ถูกเปลี่ยนกลับมาลงสนาม ได้แก่ อลิซซอน เบ็คเกอร์ , ดานิโล , มาร์ควินญอส , ติอาโก ซิลวา , คาเซมิโร่ , ลูคัส ปาเกต้า , ราฟินญ่า , เนย์มาร์ , วินิซิอุส ,
- ทางฝั่งเกาหลีใต้ยังคงยึดผู้เล่นชุดเดิมเป็นส่วนใหญ่ โดยเปลี่ยนผู้เล่นเพียง 2 ตำแหน่ง ได้แก่ คิม มิน - แจ แทน ควอน คยอง - วอน และ ฮวาง ฮี - ชาน แทน อี คัง - อิน ทั้งยังปรับระบบการเล่นเป็น 4 - 4 - 2 จากที่ผ่านมาในรอบแบ่งกลุ่มเลือกใช้ 4 - 3 - 3 หรือ 4 - 2 - 3 - 1

2.ระบบการเล่น
บราซิล โจมตีใส่แนวรับเกาหลีใต้ด้วยการขึ้นเกมส์จากตรงกลางสนาม โดยมีคีแมนย์หลักในการโจมตี คือ เนย์มาร์ และมีมิดฟิลด์เบอร์8 ที่คอยซัพพอร์ตเกมส์รุกอยู่ด้านหลัง คือ ลูคัส ปาเกต้า ซึ่งขั้นตอนการโจมตีนั้น เมื่อเนย์มาร์ได้บอล จะลากเลื้อยขึ้นมาตรงกลางสนาม พร้อมดึงผู้เล่นแนวรับไปริมเส้นฝั่งใดฝั่งหนึ่ง จากนั้นเมื่อแนวรับหลงเหลี่ยม และตามวิถีบอลที่เนย์มาร์พาไป จะเกิดพื้นที่ว่างฝั่งตรงข้าม ในกรอบเขตโทษ โดยระหว่างนี้ผู้เล่นบราซิล จะสร้างสามเหลี่ยม และพยายามครองบอลอยู่บริเวณริมเส้น เพื่อรอผู้เล่นริมเส้นฝั่งตรงข้าม หรือมิดฟิลด์ เติมขึ้นมาทำประตู

ซึ่งวิธีการโจมตีในรูปแบบนี้ เนย์มาร์ถือเป็นหัวใจสำคัญ ในการโจมตี เนื่องจากเจ้าตัว มีทักษะการเลี้ยงบอลครองบอล และ วิสัยทัศน์ในการออกบอลจังหวะสุดท้ายได้ดี รวมถึงจินตนาการสูง ทำให้ วินิซิอุส , ราฟินญ่า และ ริชาร์ลิซอน ไม่แบกหน้าที่จนเกินไป เหมือนเกมส์ที่พบกับ สวิตเซอร์แลนด์ โดยเกมส์นี้ ทั้ง 3 คน มีหน้าที่เพียงแค่ เคลื่อนที่ตามจังหวะของเนย์มาร์ และหาพื้นที่ในการเข้าทำประตูเท่านั้น ซึ่งการมีเนย์มาร์อยู่ในสนาม ทำให้เกมส์รุกของบราซิลดูไหลลื่นมากๆ เนื่องจากเจ้าตัว สามารถเป็นคนกำหนดทิศทางเกมส์รุกได้ว่า จะเริ่มโจมตีที่ริมเส้นฝั่งใด

ทางฝั่งเกาหลีใต้ ได้เปลี่ยนระบบการเล่นมาเป็น 4 - 4 - 2 หลังจากรอบแบ่งกลุ่ม ใช้ระบบ 4 - 3 - 3 และ 4 - 2 - 3 - 1 รวมถึงเปลี่ยนวิธีการโจมตี ที่จากเดิมจะใช้ผู้เล่นริมเส้น วางบอลเข้าไปในกรอบเขตโทษ จากนั้นผู้เล่นแนวรุก หรือ มิดฟิลด์ จะเติมเข้าไปสร้างสรรค์เกมส์ หรือ หาพื้นที่ในการทำประตู
โดยเกมส์นี้เกาหลีใต้ ได้เปลี่ยนวิธีการโจมตี ด้วยการพยายามให้มิดฟิลด์ สร้างเกมส์จากตรงกลางสนาม และอาศัยกองหน้า หรือ ริมเส้น ที่มีความเร็ว วิ่งตัดไลน์ หรือวิ่งเข้าช่องว่างระหว่างเซ็นเตอร์ หรือ ฟูลแบ็ค

ซึ่งจุดนี้ผมคิดว่า เปาโล เบนโต้ วางแผนค่อนข้างผิดพลาด เนื่องจากตรงกลางสนามฝั่งบราซิล มีคาเซมิโร่ ที่คอยก่อกวนการขึ้นเกมส์ของ ฮวัง อิน - บอม ตลอดเวลา แถมยังตามลงไปประกบตัวรุกเกาหลีใต้ก่อนที่จะเข้าระยะอันตรายได้อีก

สำหรับผมถ้า เปาโล เบนโต้ เลือกใช้วิธีการเดิม คือการวางบอลเข้ากรอบเขตโทษ และให้ผู้เล่นแนวรุก หรือ มิดฟิลด์ คอยหาพื้นที่เข้าทำด้านใน ดูจะสร้างอันตรายให้บราซิลได้มากกว่า เหมือนกับ 3 เกมส์ที่ผ่านมาในรอบแบ่งกลุ่ม

และอีกปัญหาของเกาหลีใต้ที่ผมเคยได้กล่าวไว้ ในบทความก่อนหน้านี้ ในเกมส์ที่พบกับโปรตุเกส คือ ความไม่ละเอียดในการเล่นเกมส์รับ และการจัดระเบียบการยืนตำแหน่ง โดยบราซิล ใช้จุดอ่อนนี้ในการโจมตีเกาหลีใต้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งในขณะที่บราซิลสร้างเกมส์รุก เราจะเห็นช่องว่างระหว่างแนวรับ ให้บราซิลเลือกเจาะได้เยอะมาก และยังมีเรื่องของการชอบเสียสมาธิ และโดนขึ้นนำเร็วตั้งแต่ครึ่งแรกอีก โดยจุดอ่อนของเกาหลีใต้ที่ว่ามา บราซิลสามารถใช้จุดอ่อนเหล่านี้ มาเล่นงานเกาหลีใต้ได้ทั้งหมด

3.นักเตะที่ทำได้ต่ำกว่ามาตรฐาน
- เปาโล เบนโต้ สำหรับเกมส์นี้ ขอเลือกเป็นผู้เป็นกุนซือครับ เพราะมีส่วนต้องรับผิดชอบ ในการวางระบบการเล่น และวิธีการเข้าทำ เนื่องจากทางบราซิล มีเพลย์เมกเกอร์อย่างเนย์มาร์ มิดฟิลด์อีก 2 คน รวมถึงผู้เล่นริมเส้นที่มีความอันตราย แต่เบนโต้ กลับเลือกใช้ระบบการเล่น 4 - 4 - 2 ที่มีมิดฟิลด์แค่ 2 คน ลงมารับมือเกมส์รุกทั้งหมดของบราซิล ผลคือ แดนกลางไม่สามารถแบ่งเบาภาระของแนวรับได้เลย แถมวิธีการเข้าทำยังเลือกที่จะเจาะตรงกลางของบราซิล ทั้งที่บราซิลมีมิดฟิลด์ตัวรับอย่างคาเซมิโร่ขวางอยู่ ถือว่าตัดสินใจผิดทั้งการวางหมากและการเลือกวิธีการเข้าทำเลยครับ สำหรับเกมส์นี้

- แนวรับเกาหลีใต้ ถือว่าผิดพลาดเป็นเกมส์ที่ 2 ติดต่อกัน โดยเกมส์นัดที่พบกับโปรตุเกส มีปัญหาเพียงแค่คู่เซ็นเตอร์ แต่เกมส์นี้ปัญหาลามมาถึงฟูลแบ็คทั้งสองข้างด้วย เนื่องจากต้องรับมือกับผู้เล่นริมเส้นอย่าง ราฟินญ่า และ วินิซิอุส โดยตลอดทั้งเกมส์แนวรับทั้ง 4 คน โดนผู้เล่นบราซิลควบคุมตลอด 90 นาที ทั้งการพาโยกไปด้านซ้ายและขวา รวมถึงการดึงแนวรับ เพื่อเปิดช่องว่าง ถือว่าแนวรับเกาหลีใต้ไม่สามารถปกป้องผู้รักษาประตูได้เลยในเกมส์นี้

**เป็นบทพิสูจน์ให้เราได้เห็นเลยสำหรับบราซิล ว่าเนย์มาร์นั้น มีความสำคัญสำหรับระบบการเล่นของติเต้เป็นอย่างมาก โดยตลอดเกมส์ เจ้าตัวได้แสดงให้เห็นถึงการเป็นผู้นำ ในแนวรุกอย่างแท้จริง ซึ่งถือเป็นความโชคดีของบราซิลอย่างมาก ที่เจ้าตัวบาดเจ็บไม่หนัก ไม่เช่นนั้นอาจส่งผลกระทบต่อเกมส์รุกของบราซิลในรอบต่อๆไปได้ โดยรอบต่อไป บราซิลจะเข้าไปพบกับโครเอเชีย ที่บดกับญี่ปุ่นมา 120 นาที ถือว่ามีโอกาสที่จะผ่านเข้ารอบไปได้ค่อนข้างสูง

**ส่วนฝั่งเกาหลีใต้ พวกเขาไม่สามารถจัดการปัญหาที่ตัวเองมีได้ ดังที่ผมเขียนไปในบทความครั้งที่แล้ว คือความไม่ละเอียดในการเล่นเกมส์รับ รวมถึงการชอบเสียสมาธิและโดนออกนำเร็ว ซึ่งสาเหตุของการตกรอบในเกมส์นี้ แบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ สมาธิและความละเอียด , การวางหมากและวิธีการเล่นที่ผู้เป็นโค้ชกำหนด , คุณภาพของผู้เล่น แต่ถึงกระนั้น พวกเขาก็ถือได้ว่าพยายามอย่างเต็มที่ที่สุดแล้ว และยังถือว่าทำผลงานได้ดีที่สุดนับตั้งแต่ปี 2010 ซึ่งหลังจากได้ดูการเล่นของเกาหลีใต้ในทัวร์นาเมนต์นี้ สำหรับผมคิดว่าในอนาคต ทีมโสมขาวมีสิทธิ์ที่จะพัฒนาผู้เล่น ขึ้นมาต่อกรกับชาติยุโรปและอเมริกาใต้ได้ค่อนข้างสูงเลยทีเดียว

ผมได้เขียนบทวิเคราะห์นี้ลงใน Pantip ควบคู่ไปกับเพจ Facebook ถ้าใครอ่านแล้วชอบบทความนี้สามารถติดตามที่เพจได้ครับ อัพเดทงานใหม่เรื่อยๆครับ https://www.facebook.com/profile.php?id=100088002469902&mibextid=ZbWKwL
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่