สิ้นสุดกันไปสักทีนะครับกับกลุ่มE ด้วยสุดท้ายแล้วทีมที่ขึ้นแท่นยืนหนึ่งคือญี่ปุ่น ที่เอาชนะสเปนไปได้ 2-1 แต่ที่ยิ่งพลิกล็อคไปกว่านั้นคือ เยอรมันตกรอบแรกในฟุตบอลโลก 2 ครั้งติดต่อกัน ถึงแม้จะเอาชนะคอสตาริก้าได้ 4-2 แต่ก็ไม่เพียงพอที่จะเข้ารอบ เรียกว่ากลุ่มE เป็นกลุ่มแห่งการประมาทอย่างแท้จริง
โดยนัดแรก เยอรมันประมาทญี่ปุ่น และนัดที่สองญี่ปุ่นประมาทคอสตาริก้า ส่วนนัดที่สามสเปนประมาทญี่ปุ่นยังไงนั้นขออนุญาตอธิบายในหัวข้อต่อๆไปครับ
1.การจัดตัวผู้เล่น
- สเปน ฝั่งสเปนเปลี่ยนผู้เล่นถึง 5 คน จากนัดที่เสมอเยอรมัน ได้แก่ เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า แทน ดานี่ การ์บาฆาล , เปา ตอเรส แทน อายเมลิค ลาปอร์กต์ , เอลฆานโดร บัลเด้ แทน จอร์ดี้ อัลบา , อัลบาโร่ โมราต้า แทน มาร์โก อเซนซิโอ้ และ นิโก้ วิลเลียมส์ แทน เฟร์ราน ตอร์เรส เรียกว่าเปลี่ยนผู้เล่นครึ่งทีมเลย สำหรับสเปน ทั้งที่ยังไม่การันตีเข้ารอบ สำหรับผมนี่เป็นจุดเริ่มต้นแรกในการประมาทของหลุยส์ เอ็นริเก้
-ญี่ปุ่น ญี่ปุ่นเปลี่ยนผู้เล่น 5 คน เช่นกัน แต่เป็นการเปลี่ยนผู้เล่นตัวหลักๆ กลับเข้ามา โดยผู้เล่นที่เปลี่ยนเข้ามาได้แก่ โชโกะ ทานิงุจิ แทน มิกิ ยามาเนะ , จุนยะ อิโตะ แทน ริทสึ โดอัน , อาโอะ ทานากะ แทน วาตารุ เอ็นโดะ , ทาเคฟูสะ คูโบะ แทน ยูกิ โซมะ และ ไดเซน มาเอดะ แทน อายาเซะ อูเอดะ
2.รูปแบบการเล่น
สเปนมี 2 วิธีการหลักๆ ในการหาพื้นที่เข้าทำโดยวิธีแรก จะพยายามถ่ายเทบอลในแดนคู่ต่อสู้เพื่อดึงกองกลางญี่ปุ่นให้ขึ้นมาไล่แย่งบอล จากนั้นเมื่อกองกลางญี่ปุ่นเริ่มดันขึ้นมาและทิ้งตำแหน่งที่ตัวเองต้องมาร์คโซนไว้ สเปนจะรีบยัดบอลเข้าไปที่กาบี้ หรือ เปดรี้ ที่แอบพาตัวเองเข้าไปอยู่ในช่องว่างระหว่างกองกลางและกองหลังจากนั้นจะทำการสร้างสรรค์เกมส์ต่อไป โดยเมื่อไม่ได้ผล สเปนจะเปลี่ยนวิธีด้วยการถ่ายเทบอลในแดนตัวเอง เมื่อแนวรับเคลื่อนที่ไปตามวิถีบอลจนเกิดพื้นที่บริเวณริมเส้น จะรีบทิ้งที่ว่างไปให้ปีกหรือแบ็คตามไปเก็บบริเวณริมกรอบเขตโทษคู่แข่ง และใช้ความสามารถเฉพาะตัวของนักเตะแหวกเข้าไป หรือประสานงานกับแบ็คเพื่อเจาะเข้าไปในทำเกมส์ในกรอบเขตโทษ
ซึ่งญี่ปุ่นเอง ครึ่งแรกถือว่าตกอยู่ในการควบคุมของสเปนทุกอย่าง แต่เป็นสเปนเองที่ไม่จริงจังกับการเอาประตูเพิ่มเพื่อฝังญี่ปุ่น ทำให้จบครึ่งแรกญี่ปุ่นยังคงอยู่ในเกมส์
ครึ่งหลังญี่ปุ่นกลับเข้ามา เรียกได้เลยว่าเหมือนหนังคนละม้วน จุดนี้ผมมั่นใจว่าโมริยาสุ ต้องเข้าไปพูดอะไรบางอย่างกับนักเตะแน่ๆ เพราะเมื่อกลับลงมาครึ่งหลัง ผมสัมผัสได้เลยว่าภาษากายและแววตาของญี่ปุ่นกลับมามีความหวัง หลังจากครึ่งแรกแทบจะหมดหวังไปแล้ว
โดยจุดที่ญี่ปุ่นใช้จัดการสเปนคือบีบเพรสซิ่งเร็วในทุกๆจังหวะ ที่สเปนได้บอลตั้งแต่แดนบน เมื่อตัดบอลได้จะรีบทิ้งที่ว่างให้ตัวที่มีความเร็วตามไปเก็บบอล และสุดท้ายต้องจบด้วยการยิงทุกครั้งไม่ว่าจะมุมไหนก็ตาม ซึ่งแตกต่างจากครึ่งแรก ที่เมื่อตัดบอลได้จะสวนกลับโดยการเซ็ตบอลขึ้นไป ทำให้สเปนมีเวลาในการกลับเข้าตำแหน่ง
ด้วยวิธีการเหล่านี้ของญี่ปุ่น ทำให้สเปนเล่นเกมส์ที่ถนัดของตัวเองไม่ได้ บวกกับครึ่งหลัง ยังปรับสภาพไม่ทัน เพราะไม่คิดว่าญี่ปุ่นจะหลับเข้ามาแล้วเล่นอย่างดุดันขนาดนี้ กว่าจะตั้งตัวได้ก็ตกเป็นฝ่ายตามหลังแล้ว และด้วยความที่ญี่ปุ่นเมื่อขึ้นนำแล้วกลับลงมาตั้งรับ ก็รักษาโซนเกมส์รับได้ดีมาก ในระหว่างที่รักษาโซนก็จะตามประกบตัวรุกหรือกองกลางไปด้วย ซึ่งเมื่อนักเตะสเปน พยายามขยับเพื่อฉีกแนวรับให้เกิดช่องว่าง ก็จะมีนักเตะที่อยู่ในตำแหน่งใกล้เคียงอีกคน เข้ามารับหน้าที่ประกบตัวรุกที่ว่ามาต่อไป ทำให้สเปนไม่สามารถหาช่องเจาะเข้าไปในเขตโทษได้เลยตลอดครึ่งหลัง และจบด้วยความพ่ายแพ้ไปในที่สุด
3.นักเตะที่ต่ำกว่ามาตรฐาน
- เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ เป็นอีกเกมส์ที่ทำได้ต่ำกว่ามาตรฐานอีกครั้ง ซึ่งจุดที่เป็นปัญหาก็ยังคงเหมือนเดิม คือ เวลาโดนบีบเร็วมักจะออกบอลที่ไม่เกิดประโยชน์ให้เพื่อน เหมือนการจ่ายเพื่อเอาตัวรอดเท่านั้น หรือบางครั้งก็ชอบจ่ายผิดพลาดเวลาโดนบีบ ทำให้ญี่ปุ่นสามารถตัดบอลจากเจ้าตัวได้หลายๆครั้ง
- กาบี้ เกมส์นัดนี้เป็นสิ่งยืนยันได้เป็นอย่างดี ว่ากาบี้ยังก้าวข้ามคำว่าดาวรุ่งไปไม่ได้ ซึ่งเป็นเกมส์ที่2 ติดต่อกันแล้ว ที่เจ้าตัวมีปัญหาในเกมส์ที่ต้องรับมือกับคู่แข่งที่เข้าถึงตัวเร็ว เมื่อเจอสถานการณ์แบบนี้และไม่สามารถสร้างเกมส์ขึ้นไปกดดันคู่ต่อสู้ได้ จึงโดนเปลี่ยนตัวออกไปในที่สุด
** เรียกว่ากลับมาเข้ารอบได้อย่างน่าชื่นชม สำหรับญี่ปุ่น หลังจากถูกคาดหมายกันไว้ว่าต้องตกรอบแน่ๆ เมื่อพ่ายแพ้ให้กับคอสตาริก้า เกมส์หน้าในรอบ 16 ทีม ต้องเข้าไปพบกับโครเอเชีย ถ้าญี่ปุ่นยึดหลักการเดิมเหมือนกับที่เล่นในครึ่งหลังกับสเปน ถือว่ามีลุ้นไม่น้อยเลยในการผ่านเข้าไปสู่รอบ 8 ทีม
ส่วนทางฝ่งสเปนด้วยคู่แข่งที่ต้องเจออย่างโมร็อกโก ถ้าเน้นๆหน่อย น่าจะสามารถผ่านได้อย่างไม่ยากเย็น และจุดอ่อนที่สเปน จำเป็นต้องเร่งแก้ไขให้ได้คือ การเสียบอลในแดนตัวเอง เพราะเป็นหัวใจหลักในการเซ็ตเกมส์รุก ถ้ายังแก้ไขไม่ได้ มีโอกาสสูงมากๆ ที่จะไปไม่ถึงฝัน เพราะถ้าเจอคู่แข่งที่เล่นเพรสซิ่งแดนบนได้ดี ผลลัพท์จะเป็นแบบเกมส์ที่เจอญี่ปุ่นในเกมส์เมื่อคืนนี้
สิ่งที่เกิดขึ้นในเกมส์ระหว่างสเปนพบญี่ปุ่น
โดยนัดแรก เยอรมันประมาทญี่ปุ่น และนัดที่สองญี่ปุ่นประมาทคอสตาริก้า ส่วนนัดที่สามสเปนประมาทญี่ปุ่นยังไงนั้นขออนุญาตอธิบายในหัวข้อต่อๆไปครับ
1.การจัดตัวผู้เล่น
- สเปน ฝั่งสเปนเปลี่ยนผู้เล่นถึง 5 คน จากนัดที่เสมอเยอรมัน ได้แก่ เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า แทน ดานี่ การ์บาฆาล , เปา ตอเรส แทน อายเมลิค ลาปอร์กต์ , เอลฆานโดร บัลเด้ แทน จอร์ดี้ อัลบา , อัลบาโร่ โมราต้า แทน มาร์โก อเซนซิโอ้ และ นิโก้ วิลเลียมส์ แทน เฟร์ราน ตอร์เรส เรียกว่าเปลี่ยนผู้เล่นครึ่งทีมเลย สำหรับสเปน ทั้งที่ยังไม่การันตีเข้ารอบ สำหรับผมนี่เป็นจุดเริ่มต้นแรกในการประมาทของหลุยส์ เอ็นริเก้
-ญี่ปุ่น ญี่ปุ่นเปลี่ยนผู้เล่น 5 คน เช่นกัน แต่เป็นการเปลี่ยนผู้เล่นตัวหลักๆ กลับเข้ามา โดยผู้เล่นที่เปลี่ยนเข้ามาได้แก่ โชโกะ ทานิงุจิ แทน มิกิ ยามาเนะ , จุนยะ อิโตะ แทน ริทสึ โดอัน , อาโอะ ทานากะ แทน วาตารุ เอ็นโดะ , ทาเคฟูสะ คูโบะ แทน ยูกิ โซมะ และ ไดเซน มาเอดะ แทน อายาเซะ อูเอดะ
2.รูปแบบการเล่น
สเปนมี 2 วิธีการหลักๆ ในการหาพื้นที่เข้าทำโดยวิธีแรก จะพยายามถ่ายเทบอลในแดนคู่ต่อสู้เพื่อดึงกองกลางญี่ปุ่นให้ขึ้นมาไล่แย่งบอล จากนั้นเมื่อกองกลางญี่ปุ่นเริ่มดันขึ้นมาและทิ้งตำแหน่งที่ตัวเองต้องมาร์คโซนไว้ สเปนจะรีบยัดบอลเข้าไปที่กาบี้ หรือ เปดรี้ ที่แอบพาตัวเองเข้าไปอยู่ในช่องว่างระหว่างกองกลางและกองหลังจากนั้นจะทำการสร้างสรรค์เกมส์ต่อไป โดยเมื่อไม่ได้ผล สเปนจะเปลี่ยนวิธีด้วยการถ่ายเทบอลในแดนตัวเอง เมื่อแนวรับเคลื่อนที่ไปตามวิถีบอลจนเกิดพื้นที่บริเวณริมเส้น จะรีบทิ้งที่ว่างไปให้ปีกหรือแบ็คตามไปเก็บบริเวณริมกรอบเขตโทษคู่แข่ง และใช้ความสามารถเฉพาะตัวของนักเตะแหวกเข้าไป หรือประสานงานกับแบ็คเพื่อเจาะเข้าไปในทำเกมส์ในกรอบเขตโทษ
ซึ่งญี่ปุ่นเอง ครึ่งแรกถือว่าตกอยู่ในการควบคุมของสเปนทุกอย่าง แต่เป็นสเปนเองที่ไม่จริงจังกับการเอาประตูเพิ่มเพื่อฝังญี่ปุ่น ทำให้จบครึ่งแรกญี่ปุ่นยังคงอยู่ในเกมส์
ครึ่งหลังญี่ปุ่นกลับเข้ามา เรียกได้เลยว่าเหมือนหนังคนละม้วน จุดนี้ผมมั่นใจว่าโมริยาสุ ต้องเข้าไปพูดอะไรบางอย่างกับนักเตะแน่ๆ เพราะเมื่อกลับลงมาครึ่งหลัง ผมสัมผัสได้เลยว่าภาษากายและแววตาของญี่ปุ่นกลับมามีความหวัง หลังจากครึ่งแรกแทบจะหมดหวังไปแล้ว
โดยจุดที่ญี่ปุ่นใช้จัดการสเปนคือบีบเพรสซิ่งเร็วในทุกๆจังหวะ ที่สเปนได้บอลตั้งแต่แดนบน เมื่อตัดบอลได้จะรีบทิ้งที่ว่างให้ตัวที่มีความเร็วตามไปเก็บบอล และสุดท้ายต้องจบด้วยการยิงทุกครั้งไม่ว่าจะมุมไหนก็ตาม ซึ่งแตกต่างจากครึ่งแรก ที่เมื่อตัดบอลได้จะสวนกลับโดยการเซ็ตบอลขึ้นไป ทำให้สเปนมีเวลาในการกลับเข้าตำแหน่ง
ด้วยวิธีการเหล่านี้ของญี่ปุ่น ทำให้สเปนเล่นเกมส์ที่ถนัดของตัวเองไม่ได้ บวกกับครึ่งหลัง ยังปรับสภาพไม่ทัน เพราะไม่คิดว่าญี่ปุ่นจะหลับเข้ามาแล้วเล่นอย่างดุดันขนาดนี้ กว่าจะตั้งตัวได้ก็ตกเป็นฝ่ายตามหลังแล้ว และด้วยความที่ญี่ปุ่นเมื่อขึ้นนำแล้วกลับลงมาตั้งรับ ก็รักษาโซนเกมส์รับได้ดีมาก ในระหว่างที่รักษาโซนก็จะตามประกบตัวรุกหรือกองกลางไปด้วย ซึ่งเมื่อนักเตะสเปน พยายามขยับเพื่อฉีกแนวรับให้เกิดช่องว่าง ก็จะมีนักเตะที่อยู่ในตำแหน่งใกล้เคียงอีกคน เข้ามารับหน้าที่ประกบตัวรุกที่ว่ามาต่อไป ทำให้สเปนไม่สามารถหาช่องเจาะเข้าไปในเขตโทษได้เลยตลอดครึ่งหลัง และจบด้วยความพ่ายแพ้ไปในที่สุด
3.นักเตะที่ต่ำกว่ามาตรฐาน
- เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ เป็นอีกเกมส์ที่ทำได้ต่ำกว่ามาตรฐานอีกครั้ง ซึ่งจุดที่เป็นปัญหาก็ยังคงเหมือนเดิม คือ เวลาโดนบีบเร็วมักจะออกบอลที่ไม่เกิดประโยชน์ให้เพื่อน เหมือนการจ่ายเพื่อเอาตัวรอดเท่านั้น หรือบางครั้งก็ชอบจ่ายผิดพลาดเวลาโดนบีบ ทำให้ญี่ปุ่นสามารถตัดบอลจากเจ้าตัวได้หลายๆครั้ง
- กาบี้ เกมส์นัดนี้เป็นสิ่งยืนยันได้เป็นอย่างดี ว่ากาบี้ยังก้าวข้ามคำว่าดาวรุ่งไปไม่ได้ ซึ่งเป็นเกมส์ที่2 ติดต่อกันแล้ว ที่เจ้าตัวมีปัญหาในเกมส์ที่ต้องรับมือกับคู่แข่งที่เข้าถึงตัวเร็ว เมื่อเจอสถานการณ์แบบนี้และไม่สามารถสร้างเกมส์ขึ้นไปกดดันคู่ต่อสู้ได้ จึงโดนเปลี่ยนตัวออกไปในที่สุด
** เรียกว่ากลับมาเข้ารอบได้อย่างน่าชื่นชม สำหรับญี่ปุ่น หลังจากถูกคาดหมายกันไว้ว่าต้องตกรอบแน่ๆ เมื่อพ่ายแพ้ให้กับคอสตาริก้า เกมส์หน้าในรอบ 16 ทีม ต้องเข้าไปพบกับโครเอเชีย ถ้าญี่ปุ่นยึดหลักการเดิมเหมือนกับที่เล่นในครึ่งหลังกับสเปน ถือว่ามีลุ้นไม่น้อยเลยในการผ่านเข้าไปสู่รอบ 8 ทีม
ส่วนทางฝ่งสเปนด้วยคู่แข่งที่ต้องเจออย่างโมร็อกโก ถ้าเน้นๆหน่อย น่าจะสามารถผ่านได้อย่างไม่ยากเย็น และจุดอ่อนที่สเปน จำเป็นต้องเร่งแก้ไขให้ได้คือ การเสียบอลในแดนตัวเอง เพราะเป็นหัวใจหลักในการเซ็ตเกมส์รุก ถ้ายังแก้ไขไม่ได้ มีโอกาสสูงมากๆ ที่จะไปไม่ถึงฝัน เพราะถ้าเจอคู่แข่งที่เล่นเพรสซิ่งแดนบนได้ดี ผลลัพท์จะเป็นแบบเกมส์ที่เจอญี่ปุ่นในเกมส์เมื่อคืนนี้