▼ กำลังโหลดข้อมูล... ▼
แสดงความคิดเห็น
คุณสามารถแสดงความคิดเห็นกับกระทู้นี้ได้ด้วยการเข้าสู่ระบบ
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
เที่ยวต่างประเทศ
บันทึกนักเดินทาง
สถานที่ท่องเที่ยวต่างประเทศ
ท่องเที่ยว
เรือสำราญ
[CR] การเดินทางท่องเที่ยวในเส้นทางเรือสำราญ Spectrum of The Seas ระหว่างวันที่ 19-22 ก.ย. 65
ก่อนจะเล่ารายละเอียดต่างๆให้ฟัง เรามาทำความรู้จักกับเรือ Spectrum of The Seas กันก่อนนะครับ เรื่อลำนี้เป็นเรือของบริษัท Royal Caribbean เป็นเรือสำราญระดับ Quantum Class ซึ่งสามารถรองรับผู้โดยสารได้ 5,622 ท่าน รวมลูกเรือ มีจำนวนห้องพักทั้งสิน 2,137 ห้อง มีความสูง 16 ชั้น ซึ่งถือเป็นเรือลำใหญ่ที่สุดที่ล่องอยู่ในเอเชีย ณ ปัจจุบันครับ
วันแรกเดินทางจากกรุงเทพไปสิงคโปร์ด้วยสายการบินไทยวียดเจต เที่ยวบินที่ VZ628 ซึ่งออกเดินทางเวลา... เมือเดินทางมาถึงสิงคโปร์ผ่านการตรวจสัมภาระและตม. เราตัดสินใจเดินทางไปท่านเรือ Marina South Pier ด้วยรถไฟฟ้า ซึ่งจะต้องเปลี่ยนรถไฟทั้งหมดสามขบวนดังนี้ เริ่มต้นทางที่สนามบินชางกี นั่งรถไปลงสถานนี Tanah Merah แล้วต่อรถไฟสายสีเขียวไปที่สถานี City Hall ลงจากรถไฟไปต่อสายสีแดงเพื่อไปยังสถานี Marina South Pier ใช้เวลาในการเดินทางประมาณเกือบ 1 ชม. แต่ราคาประหยัดมากและยังใช้บัตรเครดิตในการเดินทางแทนที่จะต้องไปซื้อบัตรเติมเงินได้อีกด้วย เมื่อขึ้นมาจากสถานีรถไฟฟ้าสายสีแดง Marina South Pier จะมีป้ายบอกทางไปยัง Marina Bay Cruise Center ใช้เวลาเดินแค่แปบเดียวก็ถึงแล้วครับ
เมื่อเดินมาถึงตรงบริเวณที่จอดรถบัสจะมีที่ให้นำกระเป๋ามาฝากไว้เพื่อนำขึ้นเรือโดยที่เราจะต้องแจ้งเลขห้องเราให้เจ้าหน้าที่ทราบครับ แนะนำว่าให้นำของต้องห้ามออกจากกระเป๋าก่อนนะครับ ถ้าไม่เอาออกกระเป๋าจะไม่มาถึงห้องแต่เราจะต้องไปเปิดกระเป๋าให้เจ้าหน้าที่บนเรือตรวจก่อน แต่ถ้าท่านใดทำถูกต้องกระเป๋าของท่านจะมาหาที่หน้าห้องครับ
ขั้นตอนในการขึ้นเรือ Spectrum of The Seas ที่ท่าเรือ Marina Bay Cruise Center นั้นไม่ยาก
1. ฝากกระเป๋าใบใหญ่ขึ้นเรือ จะมีบริการอยู่ 2 ที่
1.1 บริเวณลานจอดรถบัส
1.2 ตรงหน้าประตูทางเข้าอาคารชั้น 2
2. ตรวจสอบว่าเรามี SetSail Pass ซึ่งจะต้องทำการเช็คอินออนไลน์มาจากเว็บ ในกรณีที่ไม่ได้ทำมาจะต้องให้ทางเจ้าหน้าทำให้ก่อนซึ่งจะต้องใช้เวลามากขึ้นเยอะ
3. ตรวจสัมภาระที่ติดตัวขึ้นเครื่องทั้งหมด สิ่งของต้องห้ามจะถูกเก็บไว้ที่เจ้าหน้าที่ โดยที่เจ้าหน้าที่จะทำใบรับของไว้ให้ เมื่อเที่ยวเรือเสร็จก็เอาใบที่เจ้าหน้าที่ให้ไว้มาแลกรับของคืนครับ
4. พบเจ้าหน้าที่จะทำการตรวจสอบข้อมูลที่ลงทะเบียนไว้ว่าตรงกันไหมและคอนเฟิร์มให้กับเรา ในกรณีที่ไม่ได้ปริ้น SetSail Pass มา เจ้าหน้าที่จะปริ้นให้ที่ตรงนี้เพื่อใช้ในการขึ้นเรือ
5. ไปนั่งรอการเรียกขึ้นเรือในที่นั่งที่ทางเรือจัดเตรียมไว้ให้ สักพักหนึ่งเจ้าหน้าที่ก็จะประกาศเรียกให้ไปที่ตม
6. เมื่อขึ้นเรือแล้ว เจ้าหน้าที่จะให้เราไปยังจุดนัดหมายเพื่อฟังข้อมูลเกี่ยวกับความปลอดภัย
ระหว่างทางที่เดินไปขึ้นเรือจะมีจุดเรียกเก็บ Passport ของผู้เดินทางครับ และเมื่อถึงเรือก็แจ้งเลขห้องให้เจ้าหน้าที่และตรวจแสกนสัมภาระอีกรอบ ก่อนจะไปฟังเกี่ยวกับเรื่องการใช้อุปกรณ์ในกรณีฉุกเฉินครับ
อยู่บนเรือสำราญแล้ว ก็ต้องทานเที่ยงเลยสิครับ มื้อแรกบนเรือเราก็เลือกเข้าห้อง Windjammer ซึ่งเป็นห้องอาหารบุฟเฟ่นานาชาติบนเรือ มีทั้งอาหารจีนและอาหารอินเดีย มีอาหารเยอะมากจนไม่รู้ว่าจะกินอะไรดีเลยละ ห้องนี้จะมีบริการทั้งหมด 3 ช่วงเวลา คือ อาหารเช้า / อาหารเที่ยง / อาหารเย็น ซึ่งอาหารที่บริการนั้นจะคล้ายๆกัน แต่มีให้เลือกรับประทานเยอะจริงๆ เป็นรูปแบบที่บริการด้วยตัวเอง และห้องอาหารฟรีอีกห้องที่ตั้งอยู่ติดกับห้อง WindJammer ก็คือห้องอาหารที่บริการพิซซ่า ชื่อว่า Sorrento’s ซึ่งจะมีบริการพิซซ่า 3 หน้าหลัก ได้แก่ พิซซ่าหน้าเปปเปอร์โลนี่, พิซซ่าหน้าวิจีสเทอเรียน และพิซซ่าหน้าชีสครับ อร่อยทุกหน้าเลย ร้านพิซซ่านี้เป็นห้องอาหารที่ไว้ฝากท้องยามดึกครับ เพราะบริการถึงตีสองเลย
เมื่อถึงเวลาบ่ายโมงครึ่งผมจึงลงไปที่ Deck6 เพื่อไปยังห้องพักของเรา ซึ่งเราจะทราบเลขห้องพักตั้งแต่ตอนที่เช็คอินออนไลน์แล้วครับ ในรูปนี้ผมพักอยู่ห้อง 6628 ครับ Sea Pass จะอยู่ในซองหน้าห้อง ห้องของเราเป็นห้องพักแบบมีระเบียงบังวิวนะครับ หรือ Obstructed Ocean View Balcony เป็นห้องที่ราคาถูกที่สุดที่มีระเบียง วิวที่ถูกบังโดยส่วนใหญ่นั้นจะอยู่ที่บริเวณครึ่งล่างซึ่งเป็นเรือชูชีพของเรือสำราญครับ ตอนเวลาที่เราจองห้องของเรือ Royal Caribbean นั้น จะมีให้เลือกระหว่างให้ทางเรือเลือกห้องให้ และเราเลือกห้องด้วยตัวเอง ซึ่งในกรณีที่เราเลือกห้องด้วยตัวเอง ราคาห้องก็จะเพิ่มขึ้นด้วย ยิ่งชั้นสูงก็ยิ่งแพง และในทางกลับกันห้องแบบที่ทางเรือเลือกให้จะราคาถูกกว่า แต่ก็มีโอกาสสูงที่จะได้ห้องแบบถูกบังวิว หรืออาจจะได้ห้องดีๆ ต้องลุ้นกันดู ทั้งนี้ก็อยู่ที่เราตัดสินใจและงบประมาณที่เรามีนะครับ
หลังจากเข้าห้องพักเราก็ทำการเข้าแอฟของเรือเพื่อทำการจองรอบการทานอาหาร ของผมเป็นแบบ My Time ซึ่งจะสามารถทานอาหารในห้อง Main Dinning รอบแรกหรือรอบสองก็ได้ครับ แต่ควรจะจองรอบไว้ก่อนนะครับ เพราะไม่อย่างงั้นจะรอคิวนาน ทำการจองโชว์หรือห้องอาหารพิเศษ หรือกิจกรรมบางอย่างก็ต้องจองผ่านแอฟครับ ในแอฟสามารถเช็คตารางกิจกรรมได้ว่าตอนนี้มีกิจกรรมอะไรอยู่ที่ไหนบ้าง ซึ่งสะดวกมากครับ ซักพักใหญ่ๆก็จะมีพนักงานบนเรือที่คอยดูแลห้องเรามาเคาะประตูเพื่อแนะนำตัวและสอบถามเราว่าต้องการให้เขาเข้ามาดูแลห้องไหม ถ้าเราไม่อยากให้เขาเข้ามาก็แจ้งเขาได้ครับ ส่วนผมให้เขาเข้ามาจัดการห้องให้ ซึ่งต่างกันยังไง ถ้าเราไม่ให้เขาเข้ามา เขาจะเข้าห้องเราเฉพาะตอนที่เราอนุญาตเท่านั้น และเอกสารและข่าวสารต่างๆ เขาจะเสียบไว้ที่หน้าห้อง แต่ถ้าเราให้เขาจัดการให้ เขาจะเข้ามาจัดที่นอนให้ตอนช่วงค่ำและวางเอกสารและข่าวสารต่างๆไว้ให้ในห้อง มีพับผ้าน่ารักๆไว้บนเตียงด้วย ผมพักผ่อนอยู่ในห้องพักใหญ่เลยเพราะเมื่อคืนไม่ได้นอนเลยครับ
ผมเลือกดูการแสดงในรอบแรกก่อน โชว์ในคืนแรก ของห้อง Royal Theater คือ Showgirl! Past . Present . Future ซึ่งเป็นโชว์ร้องเพลง+การแสดงกายกรรม ซึ่งสนุกมาก โชว์ในห้อง Royal Theater นี้จะมีวันละ 2 รอบ และไม่จำเป็นต้องจองล่วงหน้า หากท่านใดต้องการได้ที่นั่งดีๆ ให้รีบไปเร็วหน่อยนะครับ ส่วนท่านที่นอนห้องสวีทจะสามารถสำรองที่นั่งและเลือกที่นั่งไว้ได้ซึ่งเป็นสิทธิ์พิเศษครับสำหรับผู้ที่เข้าพักห้องระดับสวีทครับ การเลือกเวลาดูโชว์นั้นจะสัมพันธ์กับเวลาที่เราเลือกรับประทานอาหารครับ จึงควรวางแผนไว้ให้ดีจะได้ไม่พลาดกิจกรรมบนเรือที่มีอยู่มากกมายครับ
หลังจากที่ดูโชว์ในห้อง Royal Theater เสร็จแล้ว เราจึงไป Deck3 เป็นที่ตั้งของห้องอาหาร Main Dining ซึ่งเป็นห้องอาหารหลักสำหรับมื้อเย็นของทุกคืนครับ ใน Sea Pass จะมีห้องอาหารระบุอยู่ว่ามื้อเย็นเราต้องรับประทานที่ห้องไหน เมนูที่พนักงานนำมาให้สั่งอาหารจะมีทั้งภาษาอังกฤษและภาษาไทย อยากจะบอกว่าหอยทากอร่อยมาก
เมื่อรับประทานอาหารเย็นเสร็จ ก็ใกล้ถึงเวลาของการแสดงที่ห้อง Two70 โชว์ที่ถือเป็นไฮไลท์อีกโชว์หนึ่งก็ว่าได้นั้นคือโชว์ Silkroad ครับ โชว์จะมีอยู่วันละ 2 รอบเช่นเดียวกัน เส้นทางที่ผมไป เรือล่องทั้งหมด 4 วัน 3 คืน โชว์ Silkroad จะมีการจัดแสดงในคืนแรก 2 รอบ และคืนสุดท้าย 2 รอบ ซึ่งการจะเข้าไปดูโชว์นี้ได้ต้องทำการจองไว้ก่อน ซึ่งโชว์ทุกรอบนั้นถูกจองเต็มก่อนที่เรือจะออกจากท่าครับ แต่ไม่ต้องกลัวไปนะ หากเราทำการจองไม่ทัน เรายังสามารถไปเข้าคิวเพื่อที่จะเข้าไปดูโชว์ได้ แต่จะเข้าได้หลังจากโชว์เริ่มแล้ว 5 นาที และคิวที่รอยาวมาก ผมก็เป็นคนหนึ่งนะที่จองโชว์นี้ไม่ทัน จึงไปต่อคิวรอเพื่อจะเข้าชม เมื่อได้ชมจบแล้ว ไม่ผิดหวังเลยครับ การแสดงดีมาก เพลงไพเราะมากฟังเพลินเลยครับ จึงเป็นโชว์ที่ควรจองให้ทันจะได้ไม่ต้องไปต่อคิวและได้ที่นั่งดีๆกันนะครับ
ก่อนนอนก็ไปฝากท้องที่ห้องพิซซ่า
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้