สุนัขพันธุ์ผสมขนาดเล็ก ชื่อหนูปุ๊ก เสียชีวิตไปแบบกะทันหัน ทั้งที่ร่างกายแข็งแรงมาก พ่อเป็นคนเอามาตอนอายุสักสี่ห้าเดือน ผูกพันกับผมมาก แม่จะดูแลเรื่องอาหารการกิน ส่วนผมจะพาน้องนั่งมอเตอร์ไซค์เที่ยว คือเขาชอบการนั่งรถเล่นมาก ก็จะพาเขานั่งตักบนรถมอเตอร์ไซค์พาเขาไปข้างนอกประจำ ลืมบอกไปครับ น้องอายุ 13 ย่าง 14 ปี แข้งขายังคล่องแคล่วว่องไว เขาจะเป็นหมาที่คล้ายแมวคือกระโดดเป็นว่าเล่น วิ่งเร็ว เวลาพาไปข้างนอกถ้าเป็นที่พลุ่กพล่านก็จะอุ้มเขาเพื่อความปลอดภัย แต่ถ้าเป็นที่โล่งๆ สนามหญ้าอะไรก็จะปล่อยเขาเดินอิสระไม่ได้ใส่สายจูง เขาก็จะวิ่งปรู๊ดปร๊าดไปทั่ว ซึ่งผมเองไม่สะดวกใส่สายจูงหมาแล้วเดินตามเนื่องจากขาไม่ดี เดินตามที่หมาลากแบบไม่รู้ทิศทางจะพาลล้มเอาง่ายๆ แต่ช่วงปีที่ผ่านมาขาหลังซ้ายต้องมีอาการเดินกะเผลกนิดๆ พาไปหาหมอก็วินิจฉัยว่าอายุเริ่มเยอะพวกไขข้อเริ่มเสื่อม ก็ให้ยามาทาน แต่ถ้าเขาเจอจุดหมาอะไรที่สนใจก็จะวิ่งปรู๊ดแบบลืมเจ็บขาตามเดิม ตาเริ่มมีฝ้าบางๆ
วันที่น้องจากไปกะทันหัน ผมพาน้องไปน้องกินกาแฟร้านประจำ เป็นร้านกาแฟบ้านๆ ไม่ใช่คาเฟ่ ข้างร้านจะเป็นถนนส่วนบุคคลไม่พลุกพล่าน ระหว่างกินกาแฟผมก็จะให้น้องเดินชมนั่นทีนี้นี่แถวๆตรงนี้ ส่วนผมก็กินกาแฟไป พอเขาเดินจนเบื่อก็จะมาพักหมอบข้างๆ ที่ผมนั่ง นอนหมอบจนเบื่อก็ออกไปต่อ ซึ่งจะเป็นกิจวัตรที่ทำกับร้านประจำนี้มาได้เกือบห้าปีแล้ว ตอนที่เกิดเป็นระหว่างนั่งกินกาแฟพลางอ่านเว็บไปก็ได้ยินน้องร้องแบบตกใจเสียงหลง ผมก็สะดุ้งว่าเกิดอะไรขึ้น สายตาก็เห็นน้องเดินกะโหลดมาก็ตกใจสุดขีดว่ารถชนหรือเปล่า พลางถามเด็กที่เล่นอยู่บริเวณนั้นว่าเห็นรถชนหมาหรือหมาตัวอื่นไล่กัดเขาไหม เด็กก็ตอบว่าไม่เห็น(ปรกติถนนนี้จะว่าง นานๆจะมีรถขับเอื่อยเข้ามาเพราะเป็นถนนเล็กๆ และแคบในซอย ผมก็ประคองน้องขึ้นมาดูว่ามีบาดแผลหรือรอยฟกช้ำอะไรบ้างไหม ซึ่งไม่มีรอยหรือแผลฟกช้ำอะไรเลยทั้งตัวทั้งบาระหว่างนั้นน้องมีอาการตัวอ่อนไม่เกร็ง อ้าปากค้าง ร้องเบาๆ ผมก็ค่อนข้างลนลานทำอะไรไม่ถูกแต่ก็รวบรวมสติเพื่อช่วยเขา คิดว่าเขาอาจชักหรือเป็นลม ก็เปิดกูเกิ้ลดูหาวิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้นจากอาการที่เป็นอยู่ ก็เป็นพวกให้นอนในท่าสบาย หายใจสะดวก บีบมือเท้าเขาเพื่อให้เลือดไหลเวียน ปลอบเขาให้เขาผ่อนคลาย นิ้วก็พยายามกดหน้าอกเขาเป็นจังหวะเพื่อปั๊มหัวใจไปด้วย (ยอมรับว่าทำไม่เป็น) ทำอยู่สักสองนาทีเห็นอาการไม่ดีขึ้นจึงโทรหาคลินิกสัตวแพทย์ที่รู้จักบอกว่าเดี๋ยวจะพาหมามีอาการช็อคกะทันหันไป แล้วก็พาอุ้มขี่มอเตอร์ไซค์ไป (ขึ่มือเดียว อีกมือประคองเขานอนบนตัก ใช้เวลาราวๆ 5 นาที ถึงคลีนิคหมอแล้วแกกะตรวจชีพจร ก็หาไม่เจอแปจึงทำการปั๊มหัวใจก็ไม่ตอบสนอง หมอจึงบอกว่าน้องเสียแล้ว ผมช๊อคมากก็ถามหมอว่ามือร่องรอยบาดแผลรถชนหรือถูกทำร้ายหรือเปล่า แกตรวจดูโดยละเอียดบอกไม่บาดแผลอะไร หน้าท้องก็ไม่มีรอยฟกช้ำ พลางหมอก็ถามผมว่าหมาอายุเท่าไหร่ ผมก็บอก 13 ย่าง 14 ไม่แน่ใจเพราะตอนที่พ่อพามาน้องก็อายุหลายเดือนแล้วเหมือนกัน (คือพ่อผมก็ไม่จำอายุน้องมาเลย) หมอบอกว่าตามอายุแล้วเขาอาจมีโรคประจำตัวพวกหัวใจรั่ว หัวใจเต้นผิดจังหวะ ตับหรือไตวายที่ทำให้เกิดอาการช๊อคขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ได้ พลางแกก็ปลอบผมว่าเขาอายุมากแล้วคงถึงวันที่เขาหมดอายุขัย ผมร้องไห้โฮซบกับคอน้องเลยเพราะไม่คิดว่าเขาจะป่วยเพราะถึงวันนั้นเขาก็ยังกระฉับกระเฉงวิ่งไปนูนมานี่ตามใจแต่ไม่มากเท่าตอนอายุน้อย จากนั้นผมก็พาร่างน้องกลับบ้านเพื่อจัดแจงฝังในตอนเย็น หลังจากนั้นผมก็เริ่มจิตใจห่อเหี่ยวจิตตก คิดถึงเขา คึดถึงเรื่องราวที่ผ่านมา พลางคิดโทษตัวเองที่อาจช่วยเขาไม่ถูกวิธีหรือไม่ทันเวลาจนไปถึงวิธีการเลี้ยงที่ค่อนข้างปล่อย คือที่บ้านจะเป็นแบบมีบริเวณ รั้วรอบ อยู่ในซอยตันแทบจะไม่มีรถผ่าน ประตูหน้าบ้านก็จะแง้มไว้ตลอดเวลาเพื่อหมาเฝ้าบ้านอีก 4 ตัวจะได้เข้าๆออกๆ ยืดเส้นยืดสายตามประสาหมาบ้านตามต่างจังหวัด น้องเขาก็จะพลางออกไปข้างนอกเวลาเขาเบื่ออยู่บริเวณ ซึ่งยอมรับว่าที่บ้านผมที่ผ่านมาจะเลี้ยงสัตว์เลี้ยงแบบปล่อย ไม่ได้เลี้ยงแบบระบบปิด อย่างที่นิยมทำทุกวันนี้ เลยคิดว่าอาจทำให้เขาไปสัมผัส ไปกินอะไรมาจนเกิดโรคอะไรแอบแฝง ก็ทุกข์ใจเรื่องการจากไปของเขาจนวันนี้เป็นวันที่สามแล้ว เรื่องที่ผมอยากเล่าเพื่อระบายก็มีเพียงเท่านี้ครับ ท่านใดอยากแสดงความเห็น ให้กำลังใจ หรือตำหนิ ผมยินดีรับฟังครับ ได้บอกเล่าออกมาก็ทำให้ผมคลายความทุกข์ลงไปพอสมควร😭
สุนัขตาย รู้สึกผิดว่าตัวเองช่วยเขาอาจไม่เต็มที่หรือไม่ทันเวลา ขอพื้นที่ระบายความในใจครับ
วันที่น้องจากไปกะทันหัน ผมพาน้องไปน้องกินกาแฟร้านประจำ เป็นร้านกาแฟบ้านๆ ไม่ใช่คาเฟ่ ข้างร้านจะเป็นถนนส่วนบุคคลไม่พลุกพล่าน ระหว่างกินกาแฟผมก็จะให้น้องเดินชมนั่นทีนี้นี่แถวๆตรงนี้ ส่วนผมก็กินกาแฟไป พอเขาเดินจนเบื่อก็จะมาพักหมอบข้างๆ ที่ผมนั่ง นอนหมอบจนเบื่อก็ออกไปต่อ ซึ่งจะเป็นกิจวัตรที่ทำกับร้านประจำนี้มาได้เกือบห้าปีแล้ว ตอนที่เกิดเป็นระหว่างนั่งกินกาแฟพลางอ่านเว็บไปก็ได้ยินน้องร้องแบบตกใจเสียงหลง ผมก็สะดุ้งว่าเกิดอะไรขึ้น สายตาก็เห็นน้องเดินกะโหลดมาก็ตกใจสุดขีดว่ารถชนหรือเปล่า พลางถามเด็กที่เล่นอยู่บริเวณนั้นว่าเห็นรถชนหมาหรือหมาตัวอื่นไล่กัดเขาไหม เด็กก็ตอบว่าไม่เห็น(ปรกติถนนนี้จะว่าง นานๆจะมีรถขับเอื่อยเข้ามาเพราะเป็นถนนเล็กๆ และแคบในซอย ผมก็ประคองน้องขึ้นมาดูว่ามีบาดแผลหรือรอยฟกช้ำอะไรบ้างไหม ซึ่งไม่มีรอยหรือแผลฟกช้ำอะไรเลยทั้งตัวทั้งบาระหว่างนั้นน้องมีอาการตัวอ่อนไม่เกร็ง อ้าปากค้าง ร้องเบาๆ ผมก็ค่อนข้างลนลานทำอะไรไม่ถูกแต่ก็รวบรวมสติเพื่อช่วยเขา คิดว่าเขาอาจชักหรือเป็นลม ก็เปิดกูเกิ้ลดูหาวิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้นจากอาการที่เป็นอยู่ ก็เป็นพวกให้นอนในท่าสบาย หายใจสะดวก บีบมือเท้าเขาเพื่อให้เลือดไหลเวียน ปลอบเขาให้เขาผ่อนคลาย นิ้วก็พยายามกดหน้าอกเขาเป็นจังหวะเพื่อปั๊มหัวใจไปด้วย (ยอมรับว่าทำไม่เป็น) ทำอยู่สักสองนาทีเห็นอาการไม่ดีขึ้นจึงโทรหาคลินิกสัตวแพทย์ที่รู้จักบอกว่าเดี๋ยวจะพาหมามีอาการช็อคกะทันหันไป แล้วก็พาอุ้มขี่มอเตอร์ไซค์ไป (ขึ่มือเดียว อีกมือประคองเขานอนบนตัก ใช้เวลาราวๆ 5 นาที ถึงคลีนิคหมอแล้วแกกะตรวจชีพจร ก็หาไม่เจอแปจึงทำการปั๊มหัวใจก็ไม่ตอบสนอง หมอจึงบอกว่าน้องเสียแล้ว ผมช๊อคมากก็ถามหมอว่ามือร่องรอยบาดแผลรถชนหรือถูกทำร้ายหรือเปล่า แกตรวจดูโดยละเอียดบอกไม่บาดแผลอะไร หน้าท้องก็ไม่มีรอยฟกช้ำ พลางหมอก็ถามผมว่าหมาอายุเท่าไหร่ ผมก็บอก 13 ย่าง 14 ไม่แน่ใจเพราะตอนที่พ่อพามาน้องก็อายุหลายเดือนแล้วเหมือนกัน (คือพ่อผมก็ไม่จำอายุน้องมาเลย) หมอบอกว่าตามอายุแล้วเขาอาจมีโรคประจำตัวพวกหัวใจรั่ว หัวใจเต้นผิดจังหวะ ตับหรือไตวายที่ทำให้เกิดอาการช๊อคขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ได้ พลางแกก็ปลอบผมว่าเขาอายุมากแล้วคงถึงวันที่เขาหมดอายุขัย ผมร้องไห้โฮซบกับคอน้องเลยเพราะไม่คิดว่าเขาจะป่วยเพราะถึงวันนั้นเขาก็ยังกระฉับกระเฉงวิ่งไปนูนมานี่ตามใจแต่ไม่มากเท่าตอนอายุน้อย จากนั้นผมก็พาร่างน้องกลับบ้านเพื่อจัดแจงฝังในตอนเย็น หลังจากนั้นผมก็เริ่มจิตใจห่อเหี่ยวจิตตก คิดถึงเขา คึดถึงเรื่องราวที่ผ่านมา พลางคิดโทษตัวเองที่อาจช่วยเขาไม่ถูกวิธีหรือไม่ทันเวลาจนไปถึงวิธีการเลี้ยงที่ค่อนข้างปล่อย คือที่บ้านจะเป็นแบบมีบริเวณ รั้วรอบ อยู่ในซอยตันแทบจะไม่มีรถผ่าน ประตูหน้าบ้านก็จะแง้มไว้ตลอดเวลาเพื่อหมาเฝ้าบ้านอีก 4 ตัวจะได้เข้าๆออกๆ ยืดเส้นยืดสายตามประสาหมาบ้านตามต่างจังหวัด น้องเขาก็จะพลางออกไปข้างนอกเวลาเขาเบื่ออยู่บริเวณ ซึ่งยอมรับว่าที่บ้านผมที่ผ่านมาจะเลี้ยงสัตว์เลี้ยงแบบปล่อย ไม่ได้เลี้ยงแบบระบบปิด อย่างที่นิยมทำทุกวันนี้ เลยคิดว่าอาจทำให้เขาไปสัมผัส ไปกินอะไรมาจนเกิดโรคอะไรแอบแฝง ก็ทุกข์ใจเรื่องการจากไปของเขาจนวันนี้เป็นวันที่สามแล้ว เรื่องที่ผมอยากเล่าเพื่อระบายก็มีเพียงเท่านี้ครับ ท่านใดอยากแสดงความเห็น ให้กำลังใจ หรือตำหนิ ผมยินดีรับฟังครับ ได้บอกเล่าออกมาก็ทำให้ผมคลายความทุกข์ลงไปพอสมควร😭