อยากทราบว่า ทำไมคนไทยจำนวนมากถึงเข้าใจผิดว่าเกาหลีใต้ มาเลเซีย สิงคโปร์แซงไทย ทั้งๆ ที่ประเทศเหล่านี้เจริญกว่าไทยมาตั้งแต่ก่อนได้รับเอกราช ดังที่มีหลายท่านได้มาอธิบายไปในหลายกระทู้มาแล้ว
อย่างที่กล่าวไปคือมีคนเคยมาอธิบายไปในหลายกระทู้มาแล้วเรื่องไทยไม่เคยเหนือกว่าเกาหลีใต้ มาเลเซีย สิงคโปร์ รวมทั้ง จขกท. เองด้วย โดยในวันนี้ จขกท. จะนำเสนอข้อมูลเพิ่มเติมครับ
ในส่วนของมาเลเซียและสิงคโปร์นั้น อ้างอิงจากหนังสือ "คนไทยในกองทัพนาซี" โดยพันเอกวิชา ฐิตวัฒน์ ระบุตอนเดินทางจากหัวลำโพงโดยรถไฟไปสิงคโปร์เพื่อเดินทางโดยเรือไปยุโรปในปี 2482/1939 เมื่อข้ามพรมแดนเข้ามาในมลายาที่อลอสตาร์ ได้ข้ามไปเที่ยวปีนัง ท่านว่า "มีความเจริญไล่เลี่ยกับเมืองเรา" และเมื่อมาถึงกัวลาลัมเปอร์ ท่านว่า "พลเมืองเหล่านี้ซึ่งความจริงก็หาได้มีวัฒนธรรมล้ำหน้าชาวไทยไม่ แต่กลับมีภาวะการครองชีพภายใต้การสาธารณูปโภคที่น่าอิจฉา เช่น น้ำ ไฟ มีบริบูรณ์ ถนนหนทางและตลาดสะอาดสะอ้าน" จากกัวลาลัมเปอร์ไปสิงคโปร์ ท่านว่า "รถโดยสารเปลี่ยนเป็นรถที่มีคุณภาพพิเศษ ความกระเทือนแทบจะไม่มีเลย เขียนจดหมายบนโต๊ะได้อย่างสบาย กระจกหน้าต่างทุกบานปิดสนิท ในรถมีเครื่องทำอากาศเย็นเหมือนอยู่ในเฉลิมกรุง เป็นรถแบบ air-conditioned" ที่สิงคโปร์ ท่านว่า "ถนนหนทางของเขาสะอาดสะอ้านน่าดู มีรถยนต์มารถน้ำถนนเสมอๆ" จะเห็นได้ว่าทั้งมลายาและสิงคโปร์เจริญทางวัตถุมาก่อนสยาม สมัยก่อนสยามก็เคยส่งนักเรียนไปเรียนที่ปีนัง มะละกา และสิงคโปร์ ในยุคที่มหาวิทยาลัยในสยามยังมีน้อย ผู้คนที่มีฐานะโดยเฉพาะทางใต้ถ้าไม่ส่งบุตรหลานไปศึกษาต่อยุโรป ก็มักส่งไปสามเมืองนี้ คนเชื้อสายจีนจำนวนหนึ่งก็เป็นเครือญาติกับคนจีนช่องแคบหรือเปอนารากันในแถบนี้ด้วย ความเจริญที่กล่าวไปจะว่าไทยถูกแซงคงไม่ถูกนัก
ในส่วนของเกาหลีใต้ ครั้งหนึ่งอาจารย์ของผู้เขียนเคยเล่าว่า อดีตประธานาธิบดีของเกาหลีใต้ท่านหนึ่งเคยมาทำงานที่ไทย และได้ชอบพอกับผู้หญิงไทย ทว่าก็ไม่ได้แต่งงานกัน ต่อมาเมื่อหาข้อมูลพบว่าท่านนั้นคือนายลี มยองบัค โดยก่อนที่ท่านจะได้เข้าสู่สายการเมือง ได้ทำงานกับบริษัทฮุนได ในปี 1965/2508 เมื่ออายุได้ราว 24 ปี (เกิด 1941/2484) ทางบริษัทประมูลได้สัมปทานก่อสร้างถนนสายหนึ่ง ซึ่งเป็นสัมปทานก่อสร้างในต่างประเทศชิ้นแรกของเกาหลีใต้ มูลค่า 5.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ค่าเงินสมัยนั้น) เป็นถนนสายหนึ่งในประเทศไทย ระหว่างจังหวัดปัตตานีไปจังหวัดนราธิวาส ท่านได้เดินทางมาควบคุมดูแลการก่อสร้างจนแล้วเสร็จในเดือนมีนาคม ปี 1968/2511 ปัจจุบันถนนสายนี้ชาวบ้านเรียกว่า "ถนนเกาหลี" จะเห็นได้ว่า แม้ในยุคไม่กี่สิบปีหลังจากสงครามเกาหลี และเกาหลีใต้ในทศวรรษที่ 1960 เพิ่งเริ่มพัฒนาอุตสาหกรรมหนัก ก็สามารถประมูลสร้างถนนในต่างประเทศได้แล้ว ในขณะที่ไทยสมัยเดียวกันเพิ่งเริ่มมีแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับแรก เพิ่งเริ่มอุตสาหกรรมเบาเพื่อทดแทนการนำเข้า จะเห็นได้ว่าไทยไม่เคยอยู่เหนือเกาหลีใต้เลย จะว่าเขาแซงคงไม่ถูกนัก ไหนจะเรื่องกีฬา (ถ้ามีโอกาสและเวลาว่างจากงานจะขยายความต่อไป) ที่เกาหลีใต้เริ่มแข่งฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกครั้งแรกปี 1950 ช่วงสงครามเกาหลี และเข้ารอบได้ในปี 1954 หลังสงครามเกาหลีได้ไม่นาน เป็นทีมของชาติเอกราชทีมแรกจากเอเชีย (ทีมแรกจากเอเชียคือดัตช์อีสต์อินดีสในปี 1938 ต่อมาปี 1949 ได้รับเอกราชในนามอินโดนีเซีย) ไทยเข้าร่วมแข่งขันฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกครั้งแรกในปี 1974 เกาหลีใต้เข้าร่วมโอลิมปิกครั้งแรกในปี 1948 หลังได้เอกราชไม่นาน ไทยเข้าร่วมโอลิมปิกครั้งแรก 1952 เกาหลีใต้ได้เหรียญแรกและเหรียญทองแรกก่อนไทย แสดงว่าต้องมีพื้นฐานความพร้อมมาระดับหนึ่งแล้ว พอสงครามสงบมาต่อยอดเลยไปได้ไกล
เลยสงสัยว่าทำไมคนจำนวนมากถึงบอกว่าไทยถูกแซง และที่กล่าวมามีวัตถุประสงค์ที่จะนำเสนอข้อมูลที่รอบด้านครับ และ จขกท. ไม่ได้หมายความว่าอยากให้เมืองไทยเป็นอย่างที่เป็นตลอดไป ที่ต้องการจะบอกคือไทยเราก็พัฒนามาได้เรื่อยๆ ไม่ได้ถูกใครแซงอย่างที่เข้าใจผิดกัน เร็วบ้างช้าบ้าง ถ้าแก้ไขบางอย่างได้ ก็จะไปได้ไกลขึ้นและเร็วขึ้น
รบกวนช่วยตอบด้วยครับ ขอบคุณครับ หากมีส่วนใดที่เข้าใจผิดหรือผิดพลาดไปก็ขออภัยด้วยครับ
ทำไมคนไทยจำนวนมากเข้าใจผิดว่าเกาหลีใต้ มาเลเซีย สิงคโปร์แซงไทย
อย่างที่กล่าวไปคือมีคนเคยมาอธิบายไปในหลายกระทู้มาแล้วเรื่องไทยไม่เคยเหนือกว่าเกาหลีใต้ มาเลเซีย สิงคโปร์ รวมทั้ง จขกท. เองด้วย โดยในวันนี้ จขกท. จะนำเสนอข้อมูลเพิ่มเติมครับ
ในส่วนของมาเลเซียและสิงคโปร์นั้น อ้างอิงจากหนังสือ "คนไทยในกองทัพนาซี" โดยพันเอกวิชา ฐิตวัฒน์ ระบุตอนเดินทางจากหัวลำโพงโดยรถไฟไปสิงคโปร์เพื่อเดินทางโดยเรือไปยุโรปในปี 2482/1939 เมื่อข้ามพรมแดนเข้ามาในมลายาที่อลอสตาร์ ได้ข้ามไปเที่ยวปีนัง ท่านว่า "มีความเจริญไล่เลี่ยกับเมืองเรา" และเมื่อมาถึงกัวลาลัมเปอร์ ท่านว่า "พลเมืองเหล่านี้ซึ่งความจริงก็หาได้มีวัฒนธรรมล้ำหน้าชาวไทยไม่ แต่กลับมีภาวะการครองชีพภายใต้การสาธารณูปโภคที่น่าอิจฉา เช่น น้ำ ไฟ มีบริบูรณ์ ถนนหนทางและตลาดสะอาดสะอ้าน" จากกัวลาลัมเปอร์ไปสิงคโปร์ ท่านว่า "รถโดยสารเปลี่ยนเป็นรถที่มีคุณภาพพิเศษ ความกระเทือนแทบจะไม่มีเลย เขียนจดหมายบนโต๊ะได้อย่างสบาย กระจกหน้าต่างทุกบานปิดสนิท ในรถมีเครื่องทำอากาศเย็นเหมือนอยู่ในเฉลิมกรุง เป็นรถแบบ air-conditioned" ที่สิงคโปร์ ท่านว่า "ถนนหนทางของเขาสะอาดสะอ้านน่าดู มีรถยนต์มารถน้ำถนนเสมอๆ" จะเห็นได้ว่าทั้งมลายาและสิงคโปร์เจริญทางวัตถุมาก่อนสยาม สมัยก่อนสยามก็เคยส่งนักเรียนไปเรียนที่ปีนัง มะละกา และสิงคโปร์ ในยุคที่มหาวิทยาลัยในสยามยังมีน้อย ผู้คนที่มีฐานะโดยเฉพาะทางใต้ถ้าไม่ส่งบุตรหลานไปศึกษาต่อยุโรป ก็มักส่งไปสามเมืองนี้ คนเชื้อสายจีนจำนวนหนึ่งก็เป็นเครือญาติกับคนจีนช่องแคบหรือเปอนารากันในแถบนี้ด้วย ความเจริญที่กล่าวไปจะว่าไทยถูกแซงคงไม่ถูกนัก
ในส่วนของเกาหลีใต้ ครั้งหนึ่งอาจารย์ของผู้เขียนเคยเล่าว่า อดีตประธานาธิบดีของเกาหลีใต้ท่านหนึ่งเคยมาทำงานที่ไทย และได้ชอบพอกับผู้หญิงไทย ทว่าก็ไม่ได้แต่งงานกัน ต่อมาเมื่อหาข้อมูลพบว่าท่านนั้นคือนายลี มยองบัค โดยก่อนที่ท่านจะได้เข้าสู่สายการเมือง ได้ทำงานกับบริษัทฮุนได ในปี 1965/2508 เมื่ออายุได้ราว 24 ปี (เกิด 1941/2484) ทางบริษัทประมูลได้สัมปทานก่อสร้างถนนสายหนึ่ง ซึ่งเป็นสัมปทานก่อสร้างในต่างประเทศชิ้นแรกของเกาหลีใต้ มูลค่า 5.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ค่าเงินสมัยนั้น) เป็นถนนสายหนึ่งในประเทศไทย ระหว่างจังหวัดปัตตานีไปจังหวัดนราธิวาส ท่านได้เดินทางมาควบคุมดูแลการก่อสร้างจนแล้วเสร็จในเดือนมีนาคม ปี 1968/2511 ปัจจุบันถนนสายนี้ชาวบ้านเรียกว่า "ถนนเกาหลี" จะเห็นได้ว่า แม้ในยุคไม่กี่สิบปีหลังจากสงครามเกาหลี และเกาหลีใต้ในทศวรรษที่ 1960 เพิ่งเริ่มพัฒนาอุตสาหกรรมหนัก ก็สามารถประมูลสร้างถนนในต่างประเทศได้แล้ว ในขณะที่ไทยสมัยเดียวกันเพิ่งเริ่มมีแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับแรก เพิ่งเริ่มอุตสาหกรรมเบาเพื่อทดแทนการนำเข้า จะเห็นได้ว่าไทยไม่เคยอยู่เหนือเกาหลีใต้เลย จะว่าเขาแซงคงไม่ถูกนัก ไหนจะเรื่องกีฬา (ถ้ามีโอกาสและเวลาว่างจากงานจะขยายความต่อไป) ที่เกาหลีใต้เริ่มแข่งฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกครั้งแรกปี 1950 ช่วงสงครามเกาหลี และเข้ารอบได้ในปี 1954 หลังสงครามเกาหลีได้ไม่นาน เป็นทีมของชาติเอกราชทีมแรกจากเอเชีย (ทีมแรกจากเอเชียคือดัตช์อีสต์อินดีสในปี 1938 ต่อมาปี 1949 ได้รับเอกราชในนามอินโดนีเซีย) ไทยเข้าร่วมแข่งขันฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกครั้งแรกในปี 1974 เกาหลีใต้เข้าร่วมโอลิมปิกครั้งแรกในปี 1948 หลังได้เอกราชไม่นาน ไทยเข้าร่วมโอลิมปิกครั้งแรก 1952 เกาหลีใต้ได้เหรียญแรกและเหรียญทองแรกก่อนไทย แสดงว่าต้องมีพื้นฐานความพร้อมมาระดับหนึ่งแล้ว พอสงครามสงบมาต่อยอดเลยไปได้ไกล
เลยสงสัยว่าทำไมคนจำนวนมากถึงบอกว่าไทยถูกแซง และที่กล่าวมามีวัตถุประสงค์ที่จะนำเสนอข้อมูลที่รอบด้านครับ และ จขกท. ไม่ได้หมายความว่าอยากให้เมืองไทยเป็นอย่างที่เป็นตลอดไป ที่ต้องการจะบอกคือไทยเราก็พัฒนามาได้เรื่อยๆ ไม่ได้ถูกใครแซงอย่างที่เข้าใจผิดกัน เร็วบ้างช้าบ้าง ถ้าแก้ไขบางอย่างได้ ก็จะไปได้ไกลขึ้นและเร็วขึ้น
รบกวนช่วยตอบด้วยครับ ขอบคุณครับ หากมีส่วนใดที่เข้าใจผิดหรือผิดพลาดไปก็ขออภัยด้วยครับ