ริษยารักข้ามภพ เวอร์ชั่นพระนางภูตมาแล้วค่ะ ปรับเปลี่ยนโครงเรื่องและเนื้อหาปลีกย่อยแตกต่างออกไป ลองอ่านและติชมกันมานะคะ
ภูตพระนาง
ตอนที่ 1
เวียงพรหมเป็นนครที่มีการกล่าวขานทั้งทางด้านความสวยงามอลังการ จนถูกขนานนามว่าเป็นเมืองพรหม และทางด้านความแข็งแกร่งของป้อมปราการกำแพงเมือง ตลอดจนขุนทหารที่แกล้วกล้า โดยเฉพาะขุนทหารใหญ่นามว่าภูมินตรา ซึ่งอันที่จริงเขามิใช่สายเลือดโดยแท้ของนครแห่งพรหม แต่อพยพมาจากเมืองภูคำ ซึ่งเป็นเมืองหนึ่งที่ถูกรุกรานโดยกษัตริย์สิงหะแห่งสิงหนนคร กษัตริย์จอมโหดที่ชอบทำสงครามกับเมืองต่าง ๆ ในแคว้นนี้เป็นอาจิณ จนกระทั่งเมืองภูคำที่เป็นเมืองพี่เมืองน้องกันกับเวียงพรหม ต้องประสบชะตากรรมถูกตีเมืองแตก กษัตริย์เมืองภูคำนามว่าเจ้าหลวงศรีเทพ จึงพาแม่ทัพนายกองพร้อมด้วยราชธิดาที่นามว่าสุดาวรรณ หนีมาพึ่งบารมีของเจ้าฟ้าสุริยันแห่งเมืองพรหม
แต่มิใช่แค่สองอย่างเท่านี้เองหรอก ที่ทำให้เวียงพรหมถูกชื่นชมว่าเป็นดั่งเมืองเทพ หากเมืองนี้ยังมีราชธิดาองค์ใหญ่ที่มีชื่อลือกันว่าสิริโฉมงดงามราวกับเป็นนางฟ้ามาจุติ แม้นบุรุษไหนได้สบตาด้วยกับนาง ก็แทบจะมอดม้วยวางวายลงด้วยฤทธิ์เสน่หา เป็นที่ปรารถนาของบรรดาเจ้าเมืองต่าง ๆ อยู่เสมอมา เธอมีนามว่าเจ้านางปทุมวดี ซึ่งตัวเธอจะสนใจใครก็หาไม่ องค์เจ้าฟ้าเองก็ไม่มีทีท่าว่าจะยกธิดาให้กับเจ้าผู้ครองนครคนไหน เนื่องจากบุตรสาวคนนี้มีความพิเศษ เชี่ยวชาญทางด้านไสยเวทย์และยาสมุนไพร จนถึงขนาดเจ้าฟ้าให้เป็นหมอคาถาประจำหอหลวง แต่เธอก็มีความลับที่เก็บงำไว้มาโดยตลอด นั่นคือเธอแอบพะวงหลงใหลในตัวของแม่ทัพภูมินตรา จากความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวและเชี่ยวชาญในการรบ ประกอบกับรูปร่างหน้าตาอันสง่างามของแม่ทัพหนุ่มเอง
ถึงเธอจะเป็นผู้ที่สนิทเสน่หาของเจ้าฟ้าสุริยัน ประสงค์สิ่งใดก็ย่อมได้ในสิ่งนั้น แต่ก็มิใช่จะได้ทุกสิ่งสมประสงค์ทุกคราไป เพราะภูมินตราเองก็มิได้อพยพเข้าเมืองมาแค่ตัวเปล่า คู่หมั้นของเขาก็เข้ามาอยู่ด้วยพร้อมกัน หญิงผู้นั้นก็คือเจ้านางสุดาวรรณนั่นเอง
เจ้าฟ้าต้อนรับครอบครัวของเจ้าหลวงศรีเทพอย่างสมเกียรติ เพราะเจ้าหลวงมิใช่ใครอื่น คือน้องเขยของพระองค์เอง แต่บัดนี้มเหสีของเจ้าหลวงได้ถูกทหารข้าศึกสังหารไปเสียแล้ว พร้อมกับโอรสทั้งสองของพระองค์ รวมถึงบิดามารดาของภูมินตราอีกด้วย คราวที่กษัตริย์สิงหนยาตราทัพมาโจมตีเมืองภูคำในกลางดึกของค่ำคืนอันหฤโหด
เมื่อหนีมาได้ ทั้งหมดจึงพากันระหกระเหินมาจนถึงกำแพงเมืองเวียงพรหม ในค่ำคืนของอีกคืนหนึ่ง แล้วจึงให้คนเข้าไปส่งข่าวต่อองค์เจ้าฟ้า ซึ่งขณะนั้นหญิงผู้งามพิลาสออกมายืนรอรับเจ้าอา เคียงข้างอยู่กับบิดาบนระเบียงหน้าหอหลวง
เมื่อแรกผ่านเข้ากำแพงหอหลวงมา ภูมินตราบนหลังอาชาสีหมอกอยู่ในสภาพมีเหงื่อไหลไคลย้อยเต็มใบหน้า เส้นผมหยักศกที่ปราศจากผ้าเคียนศีรษะ ยาวรุ่ยร่ายลงคลุมบ่า แต่นั่นกลับทำให้ใบหน้าของแม่ทัพหนุ่มดูคร้ามดุสมชายชาตินักรบยิ่งขึ้น อาภรณ์ที่สวมใส่อยู่ขาดวิ่น เห็นรอยแผลจากคมอาวุธหลายรอย
เขาเหวี่ยงกายลงจากหลังม้า ย่างเท้าตรงมาคุกเข่าลงทำการคารวะต่อผู้เป็นใหญ่ในนคร ภาพงามสง่าของบุรุษผู้กล้า ประทับลงในความรู้สึกของหญิงที่ยืนมองทันที แต่ภาพลำดับถัดมากลับเข้าไปทำร้ายความรู้สึกที่มีของเธออย่างรุนแรง เมื่อวิสูตรเกวียนเทียมวัวเล่มหนึ่งถูกเปิดออก และสตรีสูงศักดิ์ผู้หนึ่งปรากฏกายขึ้น
บุรุษผู้องอาจไม่ใยดีต่อแผลบาดเจ็บของตนเอง มุ่งประคองร่างบางลงมาจากหลังเกวียน เจ้านางสุดาวรรณมีสีหน้าที่ซีดเผือด นัยน์กลมโตเบิกกว้าง กายสั่นระริกอยู่ในโอบประคองของคู่หมั้น ภูมินตราใส่ใจในทุกย่างก้าวของนาง แว่วคำปลอบประโลมอ่อนโยนลอยมากระทบโสต
“ค่อย ๆ ลงมาเถิด มีพี่อยู่กับเจ้านี่แล้ว เจ้าไม่ต้องกลัวเกรงอันใด”
ภาพคู่รักกอดประคองกันอย่างห่วงใย ก่อให้เกิดความอิจฉาขึ้นในใจ ประกายริษยาจึงเปล่งออกมาจากนัยน์ตาคู่งามอย่างสุดจะปิดกั้น
ข้าชังน้ำหน้านางผู้นี้นัก เจ้านางสุดาวรรณ!
(มีต่อ)
ภูตพระนาง ตอนที่ 1
แต่มิใช่แค่สองอย่างเท่านี้เองหรอก ที่ทำให้เวียงพรหมถูกชื่นชมว่าเป็นดั่งเมืองเทพ หากเมืองนี้ยังมีราชธิดาองค์ใหญ่ที่มีชื่อลือกันว่าสิริโฉมงดงามราวกับเป็นนางฟ้ามาจุติ แม้นบุรุษไหนได้สบตาด้วยกับนาง ก็แทบจะมอดม้วยวางวายลงด้วยฤทธิ์เสน่หา เป็นที่ปรารถนาของบรรดาเจ้าเมืองต่าง ๆ อยู่เสมอมา เธอมีนามว่าเจ้านางปทุมวดี ซึ่งตัวเธอจะสนใจใครก็หาไม่ องค์เจ้าฟ้าเองก็ไม่มีทีท่าว่าจะยกธิดาให้กับเจ้าผู้ครองนครคนไหน เนื่องจากบุตรสาวคนนี้มีความพิเศษ เชี่ยวชาญทางด้านไสยเวทย์และยาสมุนไพร จนถึงขนาดเจ้าฟ้าให้เป็นหมอคาถาประจำหอหลวง แต่เธอก็มีความลับที่เก็บงำไว้มาโดยตลอด นั่นคือเธอแอบพะวงหลงใหลในตัวของแม่ทัพภูมินตรา จากความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวและเชี่ยวชาญในการรบ ประกอบกับรูปร่างหน้าตาอันสง่างามของแม่ทัพหนุ่มเอง
ถึงเธอจะเป็นผู้ที่สนิทเสน่หาของเจ้าฟ้าสุริยัน ประสงค์สิ่งใดก็ย่อมได้ในสิ่งนั้น แต่ก็มิใช่จะได้ทุกสิ่งสมประสงค์ทุกคราไป เพราะภูมินตราเองก็มิได้อพยพเข้าเมืองมาแค่ตัวเปล่า คู่หมั้นของเขาก็เข้ามาอยู่ด้วยพร้อมกัน หญิงผู้นั้นก็คือเจ้านางสุดาวรรณนั่นเอง
เจ้าฟ้าต้อนรับครอบครัวของเจ้าหลวงศรีเทพอย่างสมเกียรติ เพราะเจ้าหลวงมิใช่ใครอื่น คือน้องเขยของพระองค์เอง แต่บัดนี้มเหสีของเจ้าหลวงได้ถูกทหารข้าศึกสังหารไปเสียแล้ว พร้อมกับโอรสทั้งสองของพระองค์ รวมถึงบิดามารดาของภูมินตราอีกด้วย คราวที่กษัตริย์สิงหนยาตราทัพมาโจมตีเมืองภูคำในกลางดึกของค่ำคืนอันหฤโหด
เมื่อหนีมาได้ ทั้งหมดจึงพากันระหกระเหินมาจนถึงกำแพงเมืองเวียงพรหม ในค่ำคืนของอีกคืนหนึ่ง แล้วจึงให้คนเข้าไปส่งข่าวต่อองค์เจ้าฟ้า ซึ่งขณะนั้นหญิงผู้งามพิลาสออกมายืนรอรับเจ้าอา เคียงข้างอยู่กับบิดาบนระเบียงหน้าหอหลวง
เมื่อแรกผ่านเข้ากำแพงหอหลวงมา ภูมินตราบนหลังอาชาสีหมอกอยู่ในสภาพมีเหงื่อไหลไคลย้อยเต็มใบหน้า เส้นผมหยักศกที่ปราศจากผ้าเคียนศีรษะ ยาวรุ่ยร่ายลงคลุมบ่า แต่นั่นกลับทำให้ใบหน้าของแม่ทัพหนุ่มดูคร้ามดุสมชายชาตินักรบยิ่งขึ้น อาภรณ์ที่สวมใส่อยู่ขาดวิ่น เห็นรอยแผลจากคมอาวุธหลายรอย
เขาเหวี่ยงกายลงจากหลังม้า ย่างเท้าตรงมาคุกเข่าลงทำการคารวะต่อผู้เป็นใหญ่ในนคร ภาพงามสง่าของบุรุษผู้กล้า ประทับลงในความรู้สึกของหญิงที่ยืนมองทันที แต่ภาพลำดับถัดมากลับเข้าไปทำร้ายความรู้สึกที่มีของเธออย่างรุนแรง เมื่อวิสูตรเกวียนเทียมวัวเล่มหนึ่งถูกเปิดออก และสตรีสูงศักดิ์ผู้หนึ่งปรากฏกายขึ้น
บุรุษผู้องอาจไม่ใยดีต่อแผลบาดเจ็บของตนเอง มุ่งประคองร่างบางลงมาจากหลังเกวียน เจ้านางสุดาวรรณมีสีหน้าที่ซีดเผือด นัยน์กลมโตเบิกกว้าง กายสั่นระริกอยู่ในโอบประคองของคู่หมั้น ภูมินตราใส่ใจในทุกย่างก้าวของนาง แว่วคำปลอบประโลมอ่อนโยนลอยมากระทบโสต
“ค่อย ๆ ลงมาเถิด มีพี่อยู่กับเจ้านี่แล้ว เจ้าไม่ต้องกลัวเกรงอันใด”
ภาพคู่รักกอดประคองกันอย่างห่วงใย ก่อให้เกิดความอิจฉาขึ้นในใจ ประกายริษยาจึงเปล่งออกมาจากนัยน์ตาคู่งามอย่างสุดจะปิดกั้น
ข้าชังน้ำหน้านางผู้นี้นัก เจ้านางสุดาวรรณ!
(มีต่อ)