จากหัวข้อเลย ก็แค่อยากแชร์ประสบการณ์ที่เคยทำงานที่นี่มา
จากเดิมที่เคยมีงาน หัวหน้า ลูกน้อง ที่ดี เสมือนเป็นครอบครัวเพื่อนพี่น้อง
อยู่ทำงานด้วยกันมา5 ปี แต่ด้วยอายุ 30 เลยต้องการความก้าวหน้าและเงิน
เพราะต้องรับผิดชอบมากขึ้น จึงสมัครงานหางานใหม่ และได้มีโอกาสสัมภาษณ์งานอยู่หลายที่
และได้รับโอกาสจากบริษัทอิเล็กทรอนิกส์ชื่อดัง เป็นบริษัทต่างชาติ
กว่าจะได้คือ ผ่านหลายด่าน HR/ Manager/ Head
สัมภาษณ์รวม 3 รอบ กว่าจะตกลงเซ็นสัญญาเข้าทำงาน
คิดว่าจะต้องได้อะไรดีๆ มีชีวิตที่โอเค เพราะเงินเดือนที่ให้ สวัสดิการ โอที โบนัส ถือว่าไม่ขี้เหร่เลย
เข้ามาทำงานวันแรกสิ่งที่สัมผัสได้คือระบบ ขั้นตอนต่างๆมากมาย ก็ต้องเรียนรู้ ปรับตัวกันไป
สภาพแวดล้อม สถานที่ทำงาน ถือว่า โปร่ง โล่ง ออฟฟิศสว่างเหมาะกับการทำงาน
มีร้านค้า มีร้านอาหารเยอะ (ฝั่งปทุม) แต่ชลบุรีก็น้อยกว่าโรงอาหารของกินน้อย (ฟิลนิคม)
เราไม่รู้เรียกว่าโชคดีรึป่าวเพราะได้ทำงาน 2 ที่ ทั้งปทุมและชลบุรี เลยมีเรื่องมาแชร์ได้
การทำงาน......ที่นี่จะสื่อสาร ออกเมล์ หรือใดๆ จะเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด
เพราะลูกค้าจะอยู่ต่างประเทศ อย่างที่บอก ภาษาอังกฤษ เราไม่แข็งเหมือนคนอื่นๆเท่าไหร่
ความกดดันที่เจอคือเรื่องภาษา หน้าที่ของเราจะต้อง support ทั้งลูกค้า และประสานงานกับ
Production Buyer คลัง Traffic export และลูกน้องในไลน์
เอาจริงการทำงานมันก็คล้ายๆกันหมด ต้องมารู้จักคนใหม่ๆ คอยประสานงานกับทีม
แต่ด้วย BU ที่เราอยู่ คนในทีม ออกแนวแบ่งพักแบ่งพวก ใครอยู่ได้ก็อยู่ การแข่งขันสูง
"ถ้ามีปัญหาคือเธอรับผิดชอบนะ ฉันถือว่าสอนแล้ว"
"ถ้าฉันปล่อย เธอต้องรับผิดชอบแล้วนะ"
เลยทำให้ไม่มีเพื่อน หรือไม่มีพวกเพราะไม่รู้ใครเป็นพวกใครบ้าง
ความกดดันที่ 2 คือเราไม่ตรง spec ของคนที่สอนงาน ด้วยหลายๆอย่าง เค้ามองว่าเรา
ไม่เหมาะสม ไม่ได้ภาษา ไม่มีประสบการณ์ด้านอิเล็กทรอนิกส์ สมองช้า บลาๆ
ทำให้เรารู้สึกไม่แฮปปี้เลย เครียด กดดัน ลนลาน ผิดหวังไปหมด
แล้วกรณีนี้ทำให้เรื่องไปถึงหัวหน้างาน ซึ่งเค้าเป็นคนให้โอกาสเราเหมือนกันนะ
เค้าสอนการทำงาน สอนการใช้ชีวิต เป้าหมายการทำงาน และหลายๆอย่าง
แต่หัวหน้าก็คาดหวังให้ลูกน้องทำงานได้ เดินเป็น ถึงแม้จะเดินช้า
แต่ความที่เค้าจะค่อนข้างดุ และออกแนวใช้อำนาจ งานของเค้าและลูกค้าคือมาก่อน
มันเป็นความกดดันที่ 3 ของเราไปโดยปริยาย
เราทำงานกับที่นี่อยู่รวม 4 เดือน สิ่งที่ตามมาคือ
- เป็นแพนิค
- สิวขึ้นเยอะมาก ต้องรักษาอยู่หลายเดือน ปัจจุบันก็ยังไม่หาย
- เครียด อารมณ์เหวี่ยง
- เกิดคำถามกับตัวเองตลอดเวลาว่า ออกจากที่เก่าทำไม ไม่น่าเลย บลาๆ
- รู้สึกผิดหวังกับตัวเองมากๆ และต้องเรียนภาษาเพิ่ม
ก็เลยตัดสินใจอย่างที่หัวกระทู้แหละค่ะ
ซึ่งปัจจุบันก็ได้งานใหม่แล้ว ถือว่าโชคดีที่ไม่ต้องตกงานนาน
ฉันเพิ่งลาออกจาก Fabrinet
จากเดิมที่เคยมีงาน หัวหน้า ลูกน้อง ที่ดี เสมือนเป็นครอบครัวเพื่อนพี่น้อง
อยู่ทำงานด้วยกันมา5 ปี แต่ด้วยอายุ 30 เลยต้องการความก้าวหน้าและเงิน
เพราะต้องรับผิดชอบมากขึ้น จึงสมัครงานหางานใหม่ และได้มีโอกาสสัมภาษณ์งานอยู่หลายที่
และได้รับโอกาสจากบริษัทอิเล็กทรอนิกส์ชื่อดัง เป็นบริษัทต่างชาติ
กว่าจะได้คือ ผ่านหลายด่าน HR/ Manager/ Head
สัมภาษณ์รวม 3 รอบ กว่าจะตกลงเซ็นสัญญาเข้าทำงาน
คิดว่าจะต้องได้อะไรดีๆ มีชีวิตที่โอเค เพราะเงินเดือนที่ให้ สวัสดิการ โอที โบนัส ถือว่าไม่ขี้เหร่เลย
เข้ามาทำงานวันแรกสิ่งที่สัมผัสได้คือระบบ ขั้นตอนต่างๆมากมาย ก็ต้องเรียนรู้ ปรับตัวกันไป
สภาพแวดล้อม สถานที่ทำงาน ถือว่า โปร่ง โล่ง ออฟฟิศสว่างเหมาะกับการทำงาน
มีร้านค้า มีร้านอาหารเยอะ (ฝั่งปทุม) แต่ชลบุรีก็น้อยกว่าโรงอาหารของกินน้อย (ฟิลนิคม)
เราไม่รู้เรียกว่าโชคดีรึป่าวเพราะได้ทำงาน 2 ที่ ทั้งปทุมและชลบุรี เลยมีเรื่องมาแชร์ได้
การทำงาน......ที่นี่จะสื่อสาร ออกเมล์ หรือใดๆ จะเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด
เพราะลูกค้าจะอยู่ต่างประเทศ อย่างที่บอก ภาษาอังกฤษ เราไม่แข็งเหมือนคนอื่นๆเท่าไหร่
ความกดดันที่เจอคือเรื่องภาษา หน้าที่ของเราจะต้อง support ทั้งลูกค้า และประสานงานกับ
Production Buyer คลัง Traffic export และลูกน้องในไลน์
เอาจริงการทำงานมันก็คล้ายๆกันหมด ต้องมารู้จักคนใหม่ๆ คอยประสานงานกับทีม
แต่ด้วย BU ที่เราอยู่ คนในทีม ออกแนวแบ่งพักแบ่งพวก ใครอยู่ได้ก็อยู่ การแข่งขันสูง
"ถ้ามีปัญหาคือเธอรับผิดชอบนะ ฉันถือว่าสอนแล้ว"
"ถ้าฉันปล่อย เธอต้องรับผิดชอบแล้วนะ"
เลยทำให้ไม่มีเพื่อน หรือไม่มีพวกเพราะไม่รู้ใครเป็นพวกใครบ้าง
ความกดดันที่ 2 คือเราไม่ตรง spec ของคนที่สอนงาน ด้วยหลายๆอย่าง เค้ามองว่าเรา
ไม่เหมาะสม ไม่ได้ภาษา ไม่มีประสบการณ์ด้านอิเล็กทรอนิกส์ สมองช้า บลาๆ
ทำให้เรารู้สึกไม่แฮปปี้เลย เครียด กดดัน ลนลาน ผิดหวังไปหมด
แล้วกรณีนี้ทำให้เรื่องไปถึงหัวหน้างาน ซึ่งเค้าเป็นคนให้โอกาสเราเหมือนกันนะ
เค้าสอนการทำงาน สอนการใช้ชีวิต เป้าหมายการทำงาน และหลายๆอย่าง
แต่หัวหน้าก็คาดหวังให้ลูกน้องทำงานได้ เดินเป็น ถึงแม้จะเดินช้า
แต่ความที่เค้าจะค่อนข้างดุ และออกแนวใช้อำนาจ งานของเค้าและลูกค้าคือมาก่อน
มันเป็นความกดดันที่ 3 ของเราไปโดยปริยาย
เราทำงานกับที่นี่อยู่รวม 4 เดือน สิ่งที่ตามมาคือ
- เป็นแพนิค
- สิวขึ้นเยอะมาก ต้องรักษาอยู่หลายเดือน ปัจจุบันก็ยังไม่หาย
- เครียด อารมณ์เหวี่ยง
- เกิดคำถามกับตัวเองตลอดเวลาว่า ออกจากที่เก่าทำไม ไม่น่าเลย บลาๆ
- รู้สึกผิดหวังกับตัวเองมากๆ และต้องเรียนภาษาเพิ่ม
ก็เลยตัดสินใจอย่างที่หัวกระทู้แหละค่ะ
ซึ่งปัจจุบันก็ได้งานใหม่แล้ว ถือว่าโชคดีที่ไม่ต้องตกงานนาน