ปีที่ 18 ในรัชสมัยของพระเจ้าซ้องฮุ่ยจงฮ่องเต้
บนเส้นทางระหว่างเมืองลกเอี้ยงและเมืองเอี้ยงเพ้ง ยังมีโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง
โรงเตี๊ยมที่เก่าคร่ำคร่าคาดว่าน่าจะมีอายุนานหลายสิบปี
ป้ายชื่อของโรงเตี๊ยมนั้นผุพังจนอ่านไม่ออก แต่หากจะพูดถึงโรงเตี๊ยมบนเส้นทางนอกเมืองลกเอี้ยง ย่อมไม่อาจผิดพลาดได้ เพราะในรัศมีสิบลี้ มีโรงเตี๊ยมนี้เพียงแห่งเดียว
นอกจากนี้แล้ว โรงเตี๊ยมแห่งนี้ยังมีความพิเศษอีกประการหนึ่ง คือ มีเสิอดำน้อยตัวหนึ่ง
เสือดำน้อย คือ ผู้รับใช้ประจำโรงเตี๊ยม ไม่ทราบว่ามันชื่อแซ่ใด แต่มีฝีมืออยู่ท่าสองท่า โดยเฉพาะกระบวนท่าประจำตัวของมัน
'เฮ็กโฮ้วเทาซิม'(เสือดำขโมยหัวใจ)
กระบวนท่าชกหมัดขวาตรงเข้าใส่ทรวงอกด้านซ้ายที่ตำแหน่งหัวใจคู่ต่อสู้
คาดว่ามันได้รับการสั่งสอนกระบวนท่านี้จากยอดคน
หมัด'เสือดำขโมยหัวใจ'ของมันจึงได้รวดเร็ว แม่นยำ ทรงพลัง และสวยงามยิ่ง
จนมันสามารถใช้แสดงเพื่อแลกเศษเงินเล็กๆน้อยๆจากลูกค้า จึงได้ถูกเรียกว่า เซียวเฮ็กโฮ้ว(เสือดำน้อย)
ในช่วงสายของวัน ปรากฏดรุณีผู้หนึ่ง เดินเข้ามาในโรงเตี๊ยม ตามมาด้วยบุรุษอีกสองคน
ดรุณีนางนั้นเลือกโต๊ะว่างตัวหนึ่งเพื่อนั่งลง บุรุษอีกสองคนที่ตามติดมา ก็นั่งลงที่โต๊ะตัวเดียวกับนาง ทำให้ดรุณีมีใบหน้าเคร่งเครียดลง กล่าวว่า
"ข้าพเจ้ากับพวกท่านหาได้รู้จักกัน พวกท่านตามติดข้าพเจ้ามาตั้งแต่เช้า ไม่ทราบว่าพวกท่านต้องการอะไร"
บุรุษผู้หนึ่งยิ้มพลางกล่าวว่า
"ข้าพเจ้าเรียกว่า ซู่ไต้ง้วน ผู้นี้คือศิษย์น้องของข้าพเจ้า โค้วเจี่ยง พวกเราคือกระเรียนคู่แห่งเตียมชัง ไม่ทราบโกวเนี้ยเคยได้ยินผ่านหูบ้างหรือไม่"
"เตียมชัง ไม่มีความหมายใดกับข้าพเจ้า ข้าพเจ้ามิต้องการสนทนากับพวกท่าน ยังมีที่นั่งมากมาย เชิญพวกท่านที่อื่นเถอะ"
ซู่ไต้ง้วนยังคงยิ้มได้ กล่าวว่า
"ข้าพเจ้าเพียงต้องการยืนยันสถานะ ว่าพวกเราเป็นศิษย์สำนักมาตรฐาน มิใช่คนต่ำช้าจากที่ใด ข้าพเจ้าขอบังอาจเชื้อเชิญตัวเอง ไม่ทราบว่า แม่นางจะพอให้เกียรตินั่งร่วมโต๊ะสนทนากันสักเล็กน้อยได้หรือไม่"
ดรุณีนั้นแค่นเสียงเฮอะ
"หากต้องการร่วมโต๊ะกับข้าพเจ้า ต้องดูว่าพวกท่านมีความสามารถใด"
"พวกเราต้องมีความสามารถใดหรือ"
ขณะนั้น เสือดำน้อย ผู้รับใช้ผู้พิเศษ ได้เดินเข้ามาถามว่า
"พวกท่านต้องการอะไรหรือไม่"
ดรุณีนางนั้นจึงพลันยิ้มแย้ม กล่าวกับซู่ไต้ง้วนว่า
"ข้าพเจ้าต้องการให้ท่านตบหน้าข้าพเจ้า ดูว่าท่านจะมีเรี่ยวแรงแค่ไหน"
ใบหน้าของซู่ไต้ง้วนแข็งค้าง ถามย้ำว่า
"ท่านต้องการให้ข้าพเจ้าตบหน้าท่าน?"
รอยยิ้มของดรุณีน้อยยังคงอยู่บนใบหน้า ขณะที่นางพยักหน้า
ซู่ไต้ง้วนถึงกับลงมือจริงๆ ใช้ออกด้วยวิชาประจำสำนัก
'ฮุ้นเพียวเจี้ย' (ฝ่ามือเมฆพริ้ว)
เตียมชังเป็นเทิอกเขาที่มีความสลับซับซ้อน เมฆบนยอดเขาเตียมชังก็สลับซับซ้อน
ฝ่ามือเมฆพริ้วที่บัญญัติขึ้นจากการเคลื่อนไหวของเมฆบนยอดเขาเตียมชังจึงได้สลับซับซ้อน เพียงพริบตาบังเกิดภาพฝ่ามือมายาพร่าพราย
เสียง ฉาด ดังสดใส
ฝ่ามือของซุ่ไต้ง้วนตบถูกใบหน้าของดรุณีน้อยจนหน้าหัน
หากมิใช่ซู่ไต้ง้วนออมกำลังไว้ ใช้ออกเพียงสองส่วน เกรงว่าจะตบนางจนฟันหลุดร่วง ถึงตอนนั้น นางคงไม่อาจเป็นสตรีที่งดงามได้แล้ว
ซู่ไต้ง้วนไม่คาดคิด ดรุณีผู้นี้มีวาจากล้าแข็งแต่หาได้มีมือที่กล้าแข็งไม่ ยิ่งใบหน้าของนาง ยิ่งไม่ได้กล้าแข็ง
หลังจากถูกตบ ดรุณีนั้นชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนหันกลับมาและยิ้มแย้มอย่างหยาดเยิ้ม ทั้งที่แก้มนั้นแดงไปแถบหนึ่ง กล่าวว่า
"ท่านทำได้เพียงเท่านี้หรือ หากท่านไร้เรี่ยวแรงเช่นนี้ ยังคงไสหัวท่านไปให้แก่ข้าพเจ้า"
ซู่ไต้ง้วนและโค้วเจี่ยงสะท้านใจวาบ สบตากัน ล้วนครุ่นคิดขึ้น
'ที่แท้ นางเป็นโรคจิตชมชอบความเจ็บปวด ผู้อื่นยิ่งทำร้ายนาง นางยิ่งมีความสุข'
ซุ่ไต้ง้วนจึงกล่าวว่า
"ท่านลองรับฝ่ามือนี้ของข้าพเจ้าก่อน ดูว่าจะทำให้ท่านพอใจได้หรือไม่"
พลางง้างมือเตรียมจะฟาดใส่ใบหน้าของดรุณีน้อยอีกครั้ง แต่ซู่ไต้ง้วนกลับถูกหยุดไว้โดยมือของเสือดำน้อยที่ยืนรออยู่ด้านข้างอย่างเรียบร้อย
ซุ่ไต้ง้วนเหลือบตามองเสือดำน้อย
"เจ้าทำอะไร"
เสือดำน้อยกล่าวว่า
"อย่าได้ทำร้ายนาง"
โค้วเจี่ยงแค่นเสียง
"บ่าวทาส ไม่เจียมตัว"
โค้วเจี่ยงโบกหลังมือใส่เสือดำน้อยด้วยกระบวนท่าฝ่ามือเมฆพริ้วเช่นเดียวกัน หมายจะตบเสือดำน้อยให้กระเด็นเพื่อเป็นการสั่งสอน
แต่เสือดำน้อยได้ตอบโต้กลับมาด้วยกระบวนท่าประจำตัว
'เสือดำขโมยหัวใจ'
หมัดที่รวดเร็ว แม่นยำ ทรงพลัง และสวยงามยิ่ง
ฝ่ามือของโค้วเจี่ยงยังไม่ทันบรรลุถึง หมัดของเสือดำน้อยบรรลุถึงก่อน ชกจนโค้วเจี่ยงกระเด็นออกไปสองวาก่อนจะนอนแน่นิ่งไม่ไหวติง
ซุ่ไต้ง้วนเบะปากอย่างเหยียดหยาม ที่เห็นโค้วเจี่ยงประมาทมิได้ลงมือเต็มที่จนพ่ายแพ้ในกระบวนท่าเดียว
มันจึงเหวี่ยงสันมือเล็งเข้าใส่ลำคอของเสือดำน้อย ด้วยวิชาฝ่ามือเมฆพริ้ว ในเคล็ดตัดฟัน
ครั้งนี้มันใช้กำลังทั้งสิบส่วน กระบวนท่ารวดเร็วและทรงพลังกว่าเดิมจนไม่อาจเปรียบได้
เสือดำน้อยตระหง่านดั่งขุนเขา ยังคงใช้กระบวนท่าประจำตัว
'เสือดำขโมยหัวใจ'
หมัดที่รวดเร็วยิ่ง ฝ่ามือของซู่ไต้ง้วนยังไม่ทันบรรลุถึง หมัดของเสือดำน้อยกลับบรลุถึงก่อน
หมัดที่แม่นยำยิ่ง กระแทกเข้าใส่ทรวงอกด้านซ้ายที่ตำแหน่งของหัวใจอย่างถนัดถนี่
หมัดที่ทรงพลังยิ่ง ส่งให้ซู่ไต้ง้วนหงายร่างฟาดพื้น ใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีเขียวคล้ำ
หมัดที่สวยงามยิ่ง จนไม่จำเป็นต้องมีคำบรรยายใดๆอีกต่อไป
เพัยงสองหมัดที่ชกใส่โต้วเจี่ยงและซู่ไต้ง้วนก็บ่งบอกความเหลื่อมล้ำต่ำสูงชัดเจน
เช่นนี้แล้ว มีเพัยงคนตาบอดจึงไม่ทราบว่าเสือดำน้อยเก็บงำฝีมือที่แท้จริงไว้ตลอดมา
ดรุณีน้อยกุมแก้มเดินไปยังร่างที่ไม่ได้สติของซู่ไต้ง้วน แล้วเตะใส่ใบหน้าขงมันไปอีกเท้าหนึ่ง
เสือดำน้อยกล่าวว่า
"เจ้าทำอะไร"
"ผู้ใดเรียกให้มันตบข้าพเจ้า"
"ข้าได้ยินว่าเจ้าร้องขอมันเองไม่ใช่หรือ"
"ข้าพเจ้าเห็นท่านอยู่ที่นี้ ไหนเลยจะทราบว่าท่านจะปล่อยให้มันตบข้าพเจ้าได้จริงๆ ข้าพเจ้าจะฟ้องบิดา ว่า ลักกอ (พี่ชายคนที่หก)ปล่อยให้คนรังแกข้าพเจ้า"
จากคำสนทนา แสดงว่าที่แท้เสิอดำน้อยเป็นพี่ชายดรุณีน้อยผู้นี้
ไม่แปลกใจแล้วที่นางท้าให้ซู่ไต้ง้วนตบนาง เป็นเพราะนางคิดว่าเสือดำน้อยจะปกป้องนางได้นั่นเอง
เมื่อได้ยินดรุณีน้อยเอ่ยถึงบิดา ทำให้เสือดำน้อยตาเหลือก
"บิดามาแล้วหรือ ท่านอยู่ที่ใด"
ดรุณีน้อยกลับอ้ำอึ้ง
"เรื่องนี้..เรื่องนี้.."
เสือดำน้อยกล่าวว่า
"ซาม่วย(น้องสาวคนที่สาม) บิดามากับท่านหรือไม่"
พลางคร่ากุมแขนของดรุณีน้อยไว้
ดรุณีน้อยร้องว่า
"ท่านจับข้าพเจ้าทำอะไร"
"เจ้าออกมาคนเดียวได้อย่างไร ข้าจะพาเจ้าส่งกลับถึงบ้าน"
"ลักกอ" ดรุณีน้อยกล่าวด้วยเสียงออดอ้อน
"บิดาจะบังคับข้าพเจ้าแต่งงาน ข้าพเจ้าจึงต้องหนีออกมา"
เสือดำน้อยกล่าวอย่างจริงจัง
"หากบิดาต้องการให้เจ้าตบแต่ง เจ้าก็สมควรเชื่อฟัง ข้าว่าบิดาท่านได้ไตร่ตรองอย่างเหมาะสมแล้ว"
ดรุณีน้อยหน้ามุ่ย กล่าวว่า
"หากท่านยังไม่ปล่อยมือ ข้าพเจ้าจะไม่เกรงใจต่อท่าน"
เสือดำน้อยหัวร่อพลางกล่าว
"เจ้าคิดทำอะไร"
แม้แขนข้างหนึ่งของนางจะถูกเสือดำน้อยคร่ากุมไว้ มืออีกข้างที่เป็นอิสระก็ได้แทงเข้าใส่ใบหน้าของเสือดำน้อยอย่างดุดัน
นิ้วมือทั้งห้าเป็นดั่งมีดสั้นห้าเล่มทิ่มแทงเข้าใส่ดวงตาและจุดสำคัญอื่นอีกสามจุดบนใบหน้า
กระบวนท่าที่ใช้ออกในระยะเพียงเอื้อมถึงเช่นนี้ คับขันอันตรายยิ่ง
เสือดำน้อยรีบตั้งสันมือขึ้นมาที่กลางจมูกในกระบวนท่า 'ชูไฟเผาฟ้า' ป้องกันดวงตาไว้
กระบวนท่าของดรุณณีน้อยใช้ออกไม่ทันสุด เท้าของนางก็เตะใส่หว่างขาของเสือดำน้อยไปพร้อมกัน
ท่าแทงนิ้วนั้นเป็นไปเพียงเพื่อบดบังสายตา ท่าเท้านี้จึงเป้นท่าสังหารที่แท้จริง
เสือดำน้อยเป็นผู้ใด กระบวนท่าตามหลังนี้ย่อมถูกมันระแวงสงสัยอยู่ก่อนแล้ว เมื่อเท้านี้ของนางเตะออกมา เสือดำน้อยพลันชักขากลับเบี่ยงตัวเอียงข้างหลบหลีกเท้าของนางอย่างง่ายดาย
แต่เท้าของนางที่เตะออกมาตามสภาวะ กลับพลิกมุมโค้งเปลี่ยนทิศทางอย่างพิสดาร ปลายเท้ายังคงสามารถดีดใส่เป้าที่หว่างขาของเสือดำน้อยอย่างแม่นยำ
เสือดำน้อยคลายมือจากการคร่ากุมดรุณีน้อย เพื่อมากุมเป้าตัวเอง ทรุดกายอย่างแช่มช้า จึงคุกเข่าลง
มันค่อยๆแค่นเสียงทีละคำ
"สยบ..บุรุษ..เพศ"
ดรุณีน้อยกล่าวว่า
"ที่แท้ท่านก็รู้จักกระบวนท่านี้"
กระบวนท่า'สยบบุรุษเพศ' ที่เสือดำน้อยเคยได้ยินมา ว่าบิดามันดัดแปลงจาก 'เท้าเตะดาวตก' โดยให้ท่าเท้านี้มุ่งเป้าเตะใส่หว่างขาเท่านั้น เพียงสอนให้แก่ธิดาเพื่อใช้ป้องกันตัว มิได้สอนให้แก่บุตร เสือดำน้อยไม่เคยคาดคิดว่าม่วยม่วย(น้องสาว)จะลงมือกับมันอย่างอำมหิตเช่นนี้
"ข้าจะฟ้องบิดา ว่าเจ้าใช้สยบบุรุษเพศกับเรา"
ดรุณีน้อยหัวร่อแล้วกล่าว
"หากท่านพบบิดา จะกล่าวอย่างไรก็แล้วแต่ท่านเถอะ ข้าพเจ้าไม่อยู่แล้ว"
กล่าวจบก็รีบโลดแล่นจากไป โดยที่เสือดำน้อยยังคงคุกเข่ากุมหว่างขา ทำได้เพียงเบิกตามองนางจากไปเท่านั้น
....
เซียมซาเนี้ย
บนเส้นทางระหว่างเมืองลกเอี้ยงและเมืองเอี้ยงเพ้ง ยังมีโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง
โรงเตี๊ยมที่เก่าคร่ำคร่าคาดว่าน่าจะมีอายุนานหลายสิบปี
ป้ายชื่อของโรงเตี๊ยมนั้นผุพังจนอ่านไม่ออก แต่หากจะพูดถึงโรงเตี๊ยมบนเส้นทางนอกเมืองลกเอี้ยง ย่อมไม่อาจผิดพลาดได้ เพราะในรัศมีสิบลี้ มีโรงเตี๊ยมนี้เพียงแห่งเดียว
นอกจากนี้แล้ว โรงเตี๊ยมแห่งนี้ยังมีความพิเศษอีกประการหนึ่ง คือ มีเสิอดำน้อยตัวหนึ่ง
เสือดำน้อย คือ ผู้รับใช้ประจำโรงเตี๊ยม ไม่ทราบว่ามันชื่อแซ่ใด แต่มีฝีมืออยู่ท่าสองท่า โดยเฉพาะกระบวนท่าประจำตัวของมัน
'เฮ็กโฮ้วเทาซิม'(เสือดำขโมยหัวใจ)
กระบวนท่าชกหมัดขวาตรงเข้าใส่ทรวงอกด้านซ้ายที่ตำแหน่งหัวใจคู่ต่อสู้
คาดว่ามันได้รับการสั่งสอนกระบวนท่านี้จากยอดคน
หมัด'เสือดำขโมยหัวใจ'ของมันจึงได้รวดเร็ว แม่นยำ ทรงพลัง และสวยงามยิ่ง
จนมันสามารถใช้แสดงเพื่อแลกเศษเงินเล็กๆน้อยๆจากลูกค้า จึงได้ถูกเรียกว่า เซียวเฮ็กโฮ้ว(เสือดำน้อย)
ในช่วงสายของวัน ปรากฏดรุณีผู้หนึ่ง เดินเข้ามาในโรงเตี๊ยม ตามมาด้วยบุรุษอีกสองคน
ดรุณีนางนั้นเลือกโต๊ะว่างตัวหนึ่งเพื่อนั่งลง บุรุษอีกสองคนที่ตามติดมา ก็นั่งลงที่โต๊ะตัวเดียวกับนาง ทำให้ดรุณีมีใบหน้าเคร่งเครียดลง กล่าวว่า
"ข้าพเจ้ากับพวกท่านหาได้รู้จักกัน พวกท่านตามติดข้าพเจ้ามาตั้งแต่เช้า ไม่ทราบว่าพวกท่านต้องการอะไร"
บุรุษผู้หนึ่งยิ้มพลางกล่าวว่า
"ข้าพเจ้าเรียกว่า ซู่ไต้ง้วน ผู้นี้คือศิษย์น้องของข้าพเจ้า โค้วเจี่ยง พวกเราคือกระเรียนคู่แห่งเตียมชัง ไม่ทราบโกวเนี้ยเคยได้ยินผ่านหูบ้างหรือไม่"
"เตียมชัง ไม่มีความหมายใดกับข้าพเจ้า ข้าพเจ้ามิต้องการสนทนากับพวกท่าน ยังมีที่นั่งมากมาย เชิญพวกท่านที่อื่นเถอะ"
ซู่ไต้ง้วนยังคงยิ้มได้ กล่าวว่า
"ข้าพเจ้าเพียงต้องการยืนยันสถานะ ว่าพวกเราเป็นศิษย์สำนักมาตรฐาน มิใช่คนต่ำช้าจากที่ใด ข้าพเจ้าขอบังอาจเชื้อเชิญตัวเอง ไม่ทราบว่า แม่นางจะพอให้เกียรตินั่งร่วมโต๊ะสนทนากันสักเล็กน้อยได้หรือไม่"
ดรุณีนั้นแค่นเสียงเฮอะ
"หากต้องการร่วมโต๊ะกับข้าพเจ้า ต้องดูว่าพวกท่านมีความสามารถใด"
"พวกเราต้องมีความสามารถใดหรือ"
ขณะนั้น เสือดำน้อย ผู้รับใช้ผู้พิเศษ ได้เดินเข้ามาถามว่า
"พวกท่านต้องการอะไรหรือไม่"
ดรุณีนางนั้นจึงพลันยิ้มแย้ม กล่าวกับซู่ไต้ง้วนว่า
"ข้าพเจ้าต้องการให้ท่านตบหน้าข้าพเจ้า ดูว่าท่านจะมีเรี่ยวแรงแค่ไหน"
ใบหน้าของซู่ไต้ง้วนแข็งค้าง ถามย้ำว่า
"ท่านต้องการให้ข้าพเจ้าตบหน้าท่าน?"
รอยยิ้มของดรุณีน้อยยังคงอยู่บนใบหน้า ขณะที่นางพยักหน้า
ซู่ไต้ง้วนถึงกับลงมือจริงๆ ใช้ออกด้วยวิชาประจำสำนัก
'ฮุ้นเพียวเจี้ย' (ฝ่ามือเมฆพริ้ว)
เตียมชังเป็นเทิอกเขาที่มีความสลับซับซ้อน เมฆบนยอดเขาเตียมชังก็สลับซับซ้อน
ฝ่ามือเมฆพริ้วที่บัญญัติขึ้นจากการเคลื่อนไหวของเมฆบนยอดเขาเตียมชังจึงได้สลับซับซ้อน เพียงพริบตาบังเกิดภาพฝ่ามือมายาพร่าพราย
เสียง ฉาด ดังสดใส
ฝ่ามือของซุ่ไต้ง้วนตบถูกใบหน้าของดรุณีน้อยจนหน้าหัน
หากมิใช่ซู่ไต้ง้วนออมกำลังไว้ ใช้ออกเพียงสองส่วน เกรงว่าจะตบนางจนฟันหลุดร่วง ถึงตอนนั้น นางคงไม่อาจเป็นสตรีที่งดงามได้แล้ว
ซู่ไต้ง้วนไม่คาดคิด ดรุณีผู้นี้มีวาจากล้าแข็งแต่หาได้มีมือที่กล้าแข็งไม่ ยิ่งใบหน้าของนาง ยิ่งไม่ได้กล้าแข็ง
หลังจากถูกตบ ดรุณีนั้นชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนหันกลับมาและยิ้มแย้มอย่างหยาดเยิ้ม ทั้งที่แก้มนั้นแดงไปแถบหนึ่ง กล่าวว่า
"ท่านทำได้เพียงเท่านี้หรือ หากท่านไร้เรี่ยวแรงเช่นนี้ ยังคงไสหัวท่านไปให้แก่ข้าพเจ้า"
ซู่ไต้ง้วนและโค้วเจี่ยงสะท้านใจวาบ สบตากัน ล้วนครุ่นคิดขึ้น
'ที่แท้ นางเป็นโรคจิตชมชอบความเจ็บปวด ผู้อื่นยิ่งทำร้ายนาง นางยิ่งมีความสุข'
ซุ่ไต้ง้วนจึงกล่าวว่า
"ท่านลองรับฝ่ามือนี้ของข้าพเจ้าก่อน ดูว่าจะทำให้ท่านพอใจได้หรือไม่"
พลางง้างมือเตรียมจะฟาดใส่ใบหน้าของดรุณีน้อยอีกครั้ง แต่ซู่ไต้ง้วนกลับถูกหยุดไว้โดยมือของเสือดำน้อยที่ยืนรออยู่ด้านข้างอย่างเรียบร้อย
ซุ่ไต้ง้วนเหลือบตามองเสือดำน้อย
"เจ้าทำอะไร"
เสือดำน้อยกล่าวว่า
"อย่าได้ทำร้ายนาง"
โค้วเจี่ยงแค่นเสียง
"บ่าวทาส ไม่เจียมตัว"
โค้วเจี่ยงโบกหลังมือใส่เสือดำน้อยด้วยกระบวนท่าฝ่ามือเมฆพริ้วเช่นเดียวกัน หมายจะตบเสือดำน้อยให้กระเด็นเพื่อเป็นการสั่งสอน
แต่เสือดำน้อยได้ตอบโต้กลับมาด้วยกระบวนท่าประจำตัว
'เสือดำขโมยหัวใจ'
หมัดที่รวดเร็ว แม่นยำ ทรงพลัง และสวยงามยิ่ง
ฝ่ามือของโค้วเจี่ยงยังไม่ทันบรรลุถึง หมัดของเสือดำน้อยบรรลุถึงก่อน ชกจนโค้วเจี่ยงกระเด็นออกไปสองวาก่อนจะนอนแน่นิ่งไม่ไหวติง
ซุ่ไต้ง้วนเบะปากอย่างเหยียดหยาม ที่เห็นโค้วเจี่ยงประมาทมิได้ลงมือเต็มที่จนพ่ายแพ้ในกระบวนท่าเดียว
มันจึงเหวี่ยงสันมือเล็งเข้าใส่ลำคอของเสือดำน้อย ด้วยวิชาฝ่ามือเมฆพริ้ว ในเคล็ดตัดฟัน
ครั้งนี้มันใช้กำลังทั้งสิบส่วน กระบวนท่ารวดเร็วและทรงพลังกว่าเดิมจนไม่อาจเปรียบได้
เสือดำน้อยตระหง่านดั่งขุนเขา ยังคงใช้กระบวนท่าประจำตัว
'เสือดำขโมยหัวใจ'
หมัดที่รวดเร็วยิ่ง ฝ่ามือของซู่ไต้ง้วนยังไม่ทันบรรลุถึง หมัดของเสือดำน้อยกลับบรลุถึงก่อน
หมัดที่แม่นยำยิ่ง กระแทกเข้าใส่ทรวงอกด้านซ้ายที่ตำแหน่งของหัวใจอย่างถนัดถนี่
หมัดที่ทรงพลังยิ่ง ส่งให้ซู่ไต้ง้วนหงายร่างฟาดพื้น ใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีเขียวคล้ำ
หมัดที่สวยงามยิ่ง จนไม่จำเป็นต้องมีคำบรรยายใดๆอีกต่อไป
เพัยงสองหมัดที่ชกใส่โต้วเจี่ยงและซู่ไต้ง้วนก็บ่งบอกความเหลื่อมล้ำต่ำสูงชัดเจน
เช่นนี้แล้ว มีเพัยงคนตาบอดจึงไม่ทราบว่าเสือดำน้อยเก็บงำฝีมือที่แท้จริงไว้ตลอดมา
ดรุณีน้อยกุมแก้มเดินไปยังร่างที่ไม่ได้สติของซู่ไต้ง้วน แล้วเตะใส่ใบหน้าขงมันไปอีกเท้าหนึ่ง
เสือดำน้อยกล่าวว่า
"เจ้าทำอะไร"
"ผู้ใดเรียกให้มันตบข้าพเจ้า"
"ข้าได้ยินว่าเจ้าร้องขอมันเองไม่ใช่หรือ"
"ข้าพเจ้าเห็นท่านอยู่ที่นี้ ไหนเลยจะทราบว่าท่านจะปล่อยให้มันตบข้าพเจ้าได้จริงๆ ข้าพเจ้าจะฟ้องบิดา ว่า ลักกอ (พี่ชายคนที่หก)ปล่อยให้คนรังแกข้าพเจ้า"
จากคำสนทนา แสดงว่าที่แท้เสิอดำน้อยเป็นพี่ชายดรุณีน้อยผู้นี้
ไม่แปลกใจแล้วที่นางท้าให้ซู่ไต้ง้วนตบนาง เป็นเพราะนางคิดว่าเสือดำน้อยจะปกป้องนางได้นั่นเอง
เมื่อได้ยินดรุณีน้อยเอ่ยถึงบิดา ทำให้เสือดำน้อยตาเหลือก
"บิดามาแล้วหรือ ท่านอยู่ที่ใด"
ดรุณีน้อยกลับอ้ำอึ้ง
"เรื่องนี้..เรื่องนี้.."
เสือดำน้อยกล่าวว่า
"ซาม่วย(น้องสาวคนที่สาม) บิดามากับท่านหรือไม่"
พลางคร่ากุมแขนของดรุณีน้อยไว้
ดรุณีน้อยร้องว่า
"ท่านจับข้าพเจ้าทำอะไร"
"เจ้าออกมาคนเดียวได้อย่างไร ข้าจะพาเจ้าส่งกลับถึงบ้าน"
"ลักกอ" ดรุณีน้อยกล่าวด้วยเสียงออดอ้อน
"บิดาจะบังคับข้าพเจ้าแต่งงาน ข้าพเจ้าจึงต้องหนีออกมา"
เสือดำน้อยกล่าวอย่างจริงจัง
"หากบิดาต้องการให้เจ้าตบแต่ง เจ้าก็สมควรเชื่อฟัง ข้าว่าบิดาท่านได้ไตร่ตรองอย่างเหมาะสมแล้ว"
ดรุณีน้อยหน้ามุ่ย กล่าวว่า
"หากท่านยังไม่ปล่อยมือ ข้าพเจ้าจะไม่เกรงใจต่อท่าน"
เสือดำน้อยหัวร่อพลางกล่าว
"เจ้าคิดทำอะไร"
แม้แขนข้างหนึ่งของนางจะถูกเสือดำน้อยคร่ากุมไว้ มืออีกข้างที่เป็นอิสระก็ได้แทงเข้าใส่ใบหน้าของเสือดำน้อยอย่างดุดัน
นิ้วมือทั้งห้าเป็นดั่งมีดสั้นห้าเล่มทิ่มแทงเข้าใส่ดวงตาและจุดสำคัญอื่นอีกสามจุดบนใบหน้า
กระบวนท่าที่ใช้ออกในระยะเพียงเอื้อมถึงเช่นนี้ คับขันอันตรายยิ่ง
เสือดำน้อยรีบตั้งสันมือขึ้นมาที่กลางจมูกในกระบวนท่า 'ชูไฟเผาฟ้า' ป้องกันดวงตาไว้
กระบวนท่าของดรุณณีน้อยใช้ออกไม่ทันสุด เท้าของนางก็เตะใส่หว่างขาของเสือดำน้อยไปพร้อมกัน
ท่าแทงนิ้วนั้นเป็นไปเพียงเพื่อบดบังสายตา ท่าเท้านี้จึงเป้นท่าสังหารที่แท้จริง
เสือดำน้อยเป็นผู้ใด กระบวนท่าตามหลังนี้ย่อมถูกมันระแวงสงสัยอยู่ก่อนแล้ว เมื่อเท้านี้ของนางเตะออกมา เสือดำน้อยพลันชักขากลับเบี่ยงตัวเอียงข้างหลบหลีกเท้าของนางอย่างง่ายดาย
แต่เท้าของนางที่เตะออกมาตามสภาวะ กลับพลิกมุมโค้งเปลี่ยนทิศทางอย่างพิสดาร ปลายเท้ายังคงสามารถดีดใส่เป้าที่หว่างขาของเสือดำน้อยอย่างแม่นยำ
เสือดำน้อยคลายมือจากการคร่ากุมดรุณีน้อย เพื่อมากุมเป้าตัวเอง ทรุดกายอย่างแช่มช้า จึงคุกเข่าลง
มันค่อยๆแค่นเสียงทีละคำ
"สยบ..บุรุษ..เพศ"
ดรุณีน้อยกล่าวว่า
"ที่แท้ท่านก็รู้จักกระบวนท่านี้"
กระบวนท่า'สยบบุรุษเพศ' ที่เสือดำน้อยเคยได้ยินมา ว่าบิดามันดัดแปลงจาก 'เท้าเตะดาวตก' โดยให้ท่าเท้านี้มุ่งเป้าเตะใส่หว่างขาเท่านั้น เพียงสอนให้แก่ธิดาเพื่อใช้ป้องกันตัว มิได้สอนให้แก่บุตร เสือดำน้อยไม่เคยคาดคิดว่าม่วยม่วย(น้องสาว)จะลงมือกับมันอย่างอำมหิตเช่นนี้
"ข้าจะฟ้องบิดา ว่าเจ้าใช้สยบบุรุษเพศกับเรา"
ดรุณีน้อยหัวร่อแล้วกล่าว
"หากท่านพบบิดา จะกล่าวอย่างไรก็แล้วแต่ท่านเถอะ ข้าพเจ้าไม่อยู่แล้ว"
กล่าวจบก็รีบโลดแล่นจากไป โดยที่เสือดำน้อยยังคงคุกเข่ากุมหว่างขา ทำได้เพียงเบิกตามองนางจากไปเท่านั้น
....