เล่าก่อนครับว่า ผมเกิดมาในครอบครัวที่พ่อแม่มีให้พร้อมทุกอย่างแล้ว ทั้งบ้าน รถ เงินทอง ปัจจุบันผมอายุ 49 ปีแล้ว เริ่มทำงานเก็บเงินมาตั้งแต่สมัยหนุ่มๆ ตั้งแต่เรียนจบใหม่ๆ และได้เริ่มทำธุรกิจต่อจากครอบครัว ทำมาได้ตลอด รายได้ดีมากๆ เดือนหนึ่งได้หลักแสนมาโดยตลอด แต่พอมาช่วงหลังๆ โลกเริ่มเปลี่ยนไป ธุรกิจที่ทำมาเริ่มไปต่อไม่ได้ ติดขัด จนคิดแล้วว่าคงอยู่ได้ไม่นาน น่าจะต้องเลิก แล้วไปทำงานอื่น เข้าเรื่องเลยคือ ในด้านชีวิตส่วนตัวผมมีภรรยาและได้แต่งงานกัน คบกันมาได้ 24 ปีแล้ว มีลูกด้วยกัน 2 คน เรียนจบแล้ว 1 คน อีกคนกำลังจะจบ ที่ผ่านมาผมดูแลภรรยาดีมาตลอด ตั้งแต่ช่วงแรกๆ ที่เราเริ่มรู้จักกัน ผมพาไปไหนมาไหน ไปกิน ไปเที่ยว ผมเสนอออกค่าใช้จ่ายให้ตลอด ไม่เคยให้เธอต้องหาร ต้องแชร์ ร้านอาหารเข้าทีโดนเป็นพัน เป็นหมื่น ก็ยอม เพราะมาแต่ละทีเธอมักจะพาเพื่อน พาญาติพี่น้องเธอมาด้วย เธออยากสร้างบ้านให้พ่อแม่ ผมสร้างให้ 4 ล้านกว่าบาท เธออยากได้รถยุโรป ราคาเกือบ 3 ล้าน ผมซื้อให้ เธออยากได้ที่ดินไว้เป็นทรัพย์สินของเธอ ผมทำให้ เธออยากได้บ้านใหม่ เพื่อเตรียมมีลูก ผมก็ทำให้ ลูกนี้ส่งเรียนเอกชนทุกคนตามคำเรียกร้องของเธอ สรุป ผมทำให้เธอทุกอย่าง แต่พอมาช่วง 2 ปีหลังที่ผ่านมา งานผมเริ่มแย่ลง  หลังๆ เธอชอบกลับบ้านต่างจังหวัด ไปทีอาทิตย์ละ 2-3 วัน จากทีเคยอยู่ด้วยกันตลอด เริ่มทิ้งให้ผมแก้ไขปัญหาต่างๆ คนเดียว และพอผมถามความคิดเห็นอะไรต่างๆ มักจะโมโหใส่ ขึ้นเสียงใส่ โกรธง่าย ทะเลาะกันแทบทุกเรื่อง ความคิดเห็นไม่ตรงกัน จากแต่ก่อนเธอไม่เคยทำแบบนี้กับผมเลย ปัจจุบันเงินเดือนทุกเดือน เดือนละ 50,000 ผมยังต้องโอนให้เธอใช้ทุกเดือน และต้องโอนให้พ่อแม่เธออีกเดือนละ 50,000/2 คน ทุกเดือน ถ้าช้าไป 1-2 วัน โดนพูดเหยียดสารพัด ว่าผู้ชายที่ดีจะไม่ปล่อยให้ผู้หญิงลำบาก  พักหลังๆ ช่วง 6-7 เดือนหลังมานี้ เธอกับครอบครัวเธอเริ่มตีตัวออกห่าง จากที่ปกติครอบครัวเธอจะไปมาหาสู่กับที่บ้านผมบ่อยๆ แบบนี้เป็นสัญญาณเตือนแล้วใช่ไหมครับ ว่าครอบครัวผมจะแตก มันเป็นสัจธรรมใช่ไหมครับ