🚨คำเตือน บทความนี้สปอยล์แหลก🚨
Black Panther: Wakanda Forever
เมื่อน้องสาวต้องออกจากใต้เงาพี่ชาย
But while I'm gone
Everything's gonna be alright
So no, woman, no cry
I say, oh little, oh little, darling, don't shed no tears
เคยมีความคิดว่า “ทำไมโลกใจร้ายกับกูจังวะ กูไปทำอะไรให้ยัง? จะเอายังไงกับกูห๊ะอีปลาซาร์ดีน!” บ้างไหม? เชื่อว่าหลายคนเคยคิดแบบนี้ในช่วงชีวิตเผชิญมรสุมถาโถมใส่ประหนึ่งปีชง ทำอะไรก็ไม่ขึ้นขนาดปลูกถั่วงอกยังตาย
ตัวละครชูรีเองก็คงรู้สึกแบบนี้อยู่เหมือนกัน...
ชูรี ผู้เกิดมาในครอบครัวผู้นำประเทศ มีพร้อมทุกสิ่งอย่าง ทั้งทรัพยากร อำนาจ มันสมอง และสติปัญญาเหนือกว่าใคร
ชูรี ผู้เป็นน้องสาวของทีชัลล่า กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่เต็มไปด้วยวิสัยทัศน์ เที่ยงธรรม กล้าหาญ และเป็นที่รักของทุกคน
ครอบครัวของเธออบอุ่นรักใคร่ และในฐานะน้องน้อยเธอเปรียบดั่งแก้วตาดวงใจของทุกคน
เธอไม่เคยต้องพบประสบปัญหาใหญ่ ไม่ว่าอะไรก็ใช้สติปัญญาแก้ไขได้ มีพี่ชายคอยปกป้องคุ้มครอง แม้กระทั่งพี่ชายจากไปอย่างไม่มีวันกลับ เธอก็ยังมีแม่ที่คอยโอบอุ้มประคับประคองเธอให้ยังลุกขึ้นเดินไปต่อในทางของเธอ
แต่เมื่อวันหนึ่งคนรอบตัวที่ว่าหายไป สิ่งที่เธอต้องเผชิญนอกจากความสูญเสียที่ไม่ต้องการ คือการรับภาระที่ไม่เคยอยากได้ นั่นคือการขึ้นเป็นผู้นำ สวมบทบาท Black Panther คนต่อไปในวากานด้าและในจักรวาล MCU
ดู Black Panther: Wakanda Forever ไปสองรอบถ้วน (และจะมีรอบถัดๆ ไปอีกแน่นอน) ทำให้รู้สึกได้ว่านี่คือหนังครอบครัวอย่างแท้จริง เต็มไปด้วยความรัก อาลัยอาวรณ์ และการพยายามก้าวข้ามความสูญเสียครั้งสำคัญที่ส่งผลกระทบอันใหญ่หลวงต่อทุกคน ผ่านตัวละครที่ชื่อว่า
ชูรี
หลังหนังฉายได้อ่านเจอความเห็นส่วนมากบอกว่าชูรีจืดจาง ตัวละครนั้นตัวละครนี้แบกหนังไว้ แต่ในความคิดเห็นส่วนตัวกลับคิดว่านี่คือหนังของชูรี(และความในใจของผกก.ไรอัน)อย่างแท้จริง หนังไม่ได้เกาะตัวแชดวิก โบสแมนเลยแม้แต่น้อย แต่บอกว่าพวกเขาพยายามทำใจรับมือกับการจากไปนี้ยังไง
อย่างที่เกริ่นไปตอนต้นว่าชูรีเป็นน้องน้อยของทุกคน ตัวละครของเธอจึงไม่เคยมีความคิดในการสืบสานตำแหน่ง Black Panther อยู่ในหัว เธอมีพี่ชายรับหน้าที่นี้อยู่แล้ว เธอแทบไม่เคยออกภาคสนามเลยด้วยซ้ำ (ในภาคแรกจะเห็นว่าชูรีเคยถูกห้ามจากผู้เป็นพี่ชายไม่ให้ตามออกไปทำภารกิจที่ปูซาน และแม้ในภาคนี้พี่ไม่อยู่แล้วแต่คนเป็นแม่ก็ยังไม่เห็นด้วยกับการให้เธอออกไปผจญโลกภายนอก) ชูรีจึงเปรียบได้ดั่งแมวน้อยในปราสาทไวเบรเนียม เพราะทุกคนรู้ว่าต่อให้ชูรีเก่งสามารถแค่ไหนนั่นก็หมายถึงแค่ในแลปอันเป็น safe zone ของเธอ มีทางเดินเป็นของเธอเองที่ไม่ใช่การเดินตามรอยพี่ชาย อาวุธของเธอคือสมอง และชูรีเองก็พอใจกับการอยู่ใต้เงาอันกว้างใหญ่ของพี่ชายผู้เป็นต้นแบบเสมอมา
จนเมื่อวันหนึ่งเงาที่เคยปกป้องคุ้มครองหายไป แสงจึงสาดส่องมาที่เธอโดยไม่ต้องการ
ในเรื่องจะเห็นว่าชูรีไม่มีความพยายามที่จะยอมรับความสูญเสียนี้ เธอคิดว่ารับมือกับมันได้ พยายามเข้มแข็งขึ้นในแบบของตัวเอง โดยใช้วิทยาศาสตร์ที่เธอยึดมั่นถือมั่นในการยึดเหนี่ยวตัวเองไว้ เพราะนี่คือทางของเธอไม่ใช่ทางของพี่ชาย (ส่วนหนึ่งคิดว่าเป็นการปฏิเสธความจริงเพื่อปกป้องตัวเองจากความคิดที่ว่าเสียพี่ชายไปเพราะตัวเธอเก่งไม่พอที่จะสร้างสมุนไพรรูปหัวใจได้)
ทุกคนรู้ว่าไม่มีใครสามารถแทนที่แชดวิกในฐานะ Black Panther ได้ โปรดิวเซอร์ ผู้กำกับ นักแสดง และทีมงานเบื้องหลังยิ่งรู้ดีกว่าคนดูอย่างเราๆ อย่างน้อยก็ในช่วงเวลาสี่ห้าปีหลังจากสูญเสียแชดวิกไปอย่างไม่มีวันกลับ แต่จักรวาล MCU ยังต้องเดินหน้าต่อไป ประชาชนในวากานด้าต้องใช้ชีวิตต่อไป และเมื่อภัยร้ายบุกถึงในบ้าน วากานด้าก็จำเป็นต้องมี Black Panther เทพผู้พิทักษ์คนใหม่
แต่ Black Panther คนใหม่อยากเป็น Black Panther หรือเปล่า?
ทุกคนคงได้เห็นในหนังแล้วว่าชูรีไม่มีความอยากเป็น Black Panther แม้แต่น้อย รวมไปถึงความคิดที่ว่าต่อให้ไม่มี Black Panther ก็ไม่เป็นไร เธอสามารถพอจะปกป้องทุกสิ่งทุกอย่างได้ด้วยมันสมองของเธอ จนกระทั่งอีปลาซาร์ดีนตัวนั้นโผล่มา... (ฮา)
การปรากฏตัวของพี่ปลาซาร์ดีน เอ๊ย เนมอร์ คือจุดสำคัญที่บีบบังคับให้ชูรี หนังเรื่องนี้ และทุกคนต้อง move on จากแชดวิก
เป็นอีกครั้งที่มาร์เวลสร้างตัวละครได้มีเสน่ห์ แม้จะเป็นตัวร้ายน่าข่วนหลังจับถอนขนแค่ไหนก็อดหลงรักไม่ได้ เพราะพี่ปลาแกร้ายแบบมีเหตุผล อุตส่าห์หนีมาแอบในน้ำเป็นร้อยๆ ปี แต่เพราะพวกมนุ้ดนี่แหละไม่เคยพอใจ กวาดชิงทรัพยากรไปเรื่อย พี่ก็ต้องปกป้องลูกบ้านของพี่ น้องแมวเห็นไหมว่าโลกมันบังคับให้พี่ต้องร้าย!
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้สารภาพตามตรงว่าชอบเคมีเคใจพี่เนมอร์น้องหญิงชูรีในเรื่องมาก ตอนดูรอบแรกถึงกับนึกถึงละครไทย พล็อตจับเขามาเป็นตัวประกัน พออยู่ด้วยกันเห็นเบื้องลึกเบื้องหลังกันแล้วตกหลุมรักกัน มอบกำไลแม่ให้แทนของหมั้- แค่ก ของแทนใจเนี่ย หนังรักแนวตบจูบชัดๆ จนแทงกันยับตอนหลังนี่แหละ...มันจะเอาตรงไหนไปรักกันได้อีกวะ *ชิปเปอร์กุมหัว*
ซึ่งอีกพี่ปลามันร้ายจริง ทั้งน่ากลัวทั้งน่าเกรงขาม ชาวทาโลคานก็โคตรเก่ง เก่งชนิดที่มอบบทเรียนอันโหดร้ายให้ชูรีชนิดจำไม่มีวันลืม สอนชูรีให้รู้จักความโกรธแค้น และบีบบังคับให้เธอเดินทางบนเส้นทางที่ไม่อยากก้าวเท้าเข้าไป คือการเป็น Black Panther
ดังสุภาษิตว่า “เวรย่อมระงับด้วยการตบอินั่น
เลย” ความแค้นที่เนมอร์สร้างขึ้นก็ผลักดันให้ชูรียอมเป็น Black Panther เพื่อจะได้จับพี่ปลามาปิ้งให้สาสมกับที่ทำกับ ควีนรามอนด้า ครอบครัวและร่มเงาหนึ่งเดียวที่เหลืออยู่
จึงไม่ค่อยแปลกใจกับฉากโลกหลังความตายที่เธอไม่ได้ไปลานบรรพชน ได้พบกับบุคคลอันเป็นที่รักทั้งหลาย แต่กลับได้พบญาติผู้พี่อย่างคิลมองเกอร์แทน เพราะทั้งคู่ล้วนมีความขบถต่างจากชาววากานด้าทั่วไปที่ยังยึดมั่นเชื่อถือในจิตวิญญาณและตำนานโบราณที่เล่าสืบต่อกันมา (แล้วในหนังก็มีฉากชาววากานด้าแซะตัวเองเรื่อง propaganda อันนี้ด้วยนะ 555)
แต่เมล็ดพันธุ์เดียวกันเมื่อปลูกในดินต่างกันย่อมให้ผลต่างกัน
ชูรีไม่มีวันเหมือนเอนจาดาก้า เพราะเธอเติบโตมาในครอบครัวของกษัตริย์ มีแบบอย่างที่ดีอย่างทีชัลล่า มีแม่ที่คอยประคับประคองเธอให้เดินทางในที่ถูกที่ควร ต่อให้เธอจมอยู่ท่ามกลางทะเลเพลิง ต่อให้ต้องกล้ำกลืนฝืนทนแบกรับภาระหน้าที่ที่ไม่เคยต้องการ แม้จะไม่เหลือใคร จิตใจยังไม่พร้อม ในช่วงคาบเกี่ยวของความเป็นความตายตัดสินชะตาอนาคตข้างหน้า ชูรีก็ยังเห็นแก่ส่วนรวมมากกว่าส่วนตนเพราะเธอรู้ว่าเธอมีทุกสิ่งที่คนอื่นไม่มี เธอมีอำนาจทำในสิ่งที่คนอื่นทำไม่ได้ และนี่คือลักษณะของผู้นำนักปกครองที่ดี...
ภายในเวลาสั้นๆ ชูรีถูกบีบให้โตขึ้นเพื่อเดินแทนที่พี่ชายบนเส้นทางสายนี้ ในฟากของคนดูเองก็ต้องยอมรับว่าถูกบีบบังคับให้เจอกับ Black Panther คนใหม่ทั้งที่ไม่พร้อมจะเห็นใครมาแทนที่แชดวิกเหมือนกัน แต่ในเมื่อมันทำอะไรก็มีแต่ต้องยอมรับและเดินหน้าต่อไป เราจึงได้เจอกับ Black Panther ที่ผอมเพรียวเหมือนแมว ไร้ความน่าเกรงขาม ต่อสู้ไม่เก่งแต่ฉลาดเป็นกรด และคาดหวังไว้กับอนาคตข้างหน้าอย่างที่หนังบอกกับเราในฉาก mid credit
Lift me up
Hold me down
Keep me close
Safe and sound
.
.
.
Black Panther: Wakanda Forever จึงไม่ใช่หนังเพื่อนหญิงพลังหญิง แต่เป็นหนังของเด็กผู้หญิงในกรงทองคนหนึ่งที่สูญเสียสิ่งสำคัญในชีวิตไป ถูกบีบให้ออกมาจากร่มเงากว้างใหญ่ไพศาลของพี่ชาย ต้องเรียนรู้ที่จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ยอมเดินหน้าต่อไปแม้ไม่ใช่ทางที่เธอวาดฝันไว้เพื่อสืบทอดเจตนารมย์ของทุกคน และเลือกเก็บอดีตไว้เป็นความทรงจำงดงามในใจ
Black Panther: Wakanda Forever เมื่อน้องสาวต้องออกจากใต้เงาพี่ชาย 🚨SPOIL ALERT🚨
เคยมีความคิดว่า “ทำไมโลกใจร้ายกับกูจังวะ กูไปทำอะไรให้ยัง? จะเอายังไงกับกูห๊ะอีปลาซาร์ดีน!” บ้างไหม? เชื่อว่าหลายคนเคยคิดแบบนี้ในช่วงชีวิตเผชิญมรสุมถาโถมใส่ประหนึ่งปีชง ทำอะไรก็ไม่ขึ้นขนาดปลูกถั่วงอกยังตาย
ตัวละครชูรีเองก็คงรู้สึกแบบนี้อยู่เหมือนกัน...
ชูรี ผู้เกิดมาในครอบครัวผู้นำประเทศ มีพร้อมทุกสิ่งอย่าง ทั้งทรัพยากร อำนาจ มันสมอง และสติปัญญาเหนือกว่าใคร
ชูรี ผู้เป็นน้องสาวของทีชัลล่า กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่เต็มไปด้วยวิสัยทัศน์ เที่ยงธรรม กล้าหาญ และเป็นที่รักของทุกคน
ครอบครัวของเธออบอุ่นรักใคร่ และในฐานะน้องน้อยเธอเปรียบดั่งแก้วตาดวงใจของทุกคน
เธอไม่เคยต้องพบประสบปัญหาใหญ่ ไม่ว่าอะไรก็ใช้สติปัญญาแก้ไขได้ มีพี่ชายคอยปกป้องคุ้มครอง แม้กระทั่งพี่ชายจากไปอย่างไม่มีวันกลับ เธอก็ยังมีแม่ที่คอยโอบอุ้มประคับประคองเธอให้ยังลุกขึ้นเดินไปต่อในทางของเธอ
แต่เมื่อวันหนึ่งคนรอบตัวที่ว่าหายไป สิ่งที่เธอต้องเผชิญนอกจากความสูญเสียที่ไม่ต้องการ คือการรับภาระที่ไม่เคยอยากได้ นั่นคือการขึ้นเป็นผู้นำ สวมบทบาท Black Panther คนต่อไปในวากานด้าและในจักรวาล MCU
ดู Black Panther: Wakanda Forever ไปสองรอบถ้วน (และจะมีรอบถัดๆ ไปอีกแน่นอน) ทำให้รู้สึกได้ว่านี่คือหนังครอบครัวอย่างแท้จริง เต็มไปด้วยความรัก อาลัยอาวรณ์ และการพยายามก้าวข้ามความสูญเสียครั้งสำคัญที่ส่งผลกระทบอันใหญ่หลวงต่อทุกคน ผ่านตัวละครที่ชื่อว่า ชูรี
หลังหนังฉายได้อ่านเจอความเห็นส่วนมากบอกว่าชูรีจืดจาง ตัวละครนั้นตัวละครนี้แบกหนังไว้ แต่ในความคิดเห็นส่วนตัวกลับคิดว่านี่คือหนังของชูรี(และความในใจของผกก.ไรอัน)อย่างแท้จริง หนังไม่ได้เกาะตัวแชดวิก โบสแมนเลยแม้แต่น้อย แต่บอกว่าพวกเขาพยายามทำใจรับมือกับการจากไปนี้ยังไง
อย่างที่เกริ่นไปตอนต้นว่าชูรีเป็นน้องน้อยของทุกคน ตัวละครของเธอจึงไม่เคยมีความคิดในการสืบสานตำแหน่ง Black Panther อยู่ในหัว เธอมีพี่ชายรับหน้าที่นี้อยู่แล้ว เธอแทบไม่เคยออกภาคสนามเลยด้วยซ้ำ (ในภาคแรกจะเห็นว่าชูรีเคยถูกห้ามจากผู้เป็นพี่ชายไม่ให้ตามออกไปทำภารกิจที่ปูซาน และแม้ในภาคนี้พี่ไม่อยู่แล้วแต่คนเป็นแม่ก็ยังไม่เห็นด้วยกับการให้เธอออกไปผจญโลกภายนอก) ชูรีจึงเปรียบได้ดั่งแมวน้อยในปราสาทไวเบรเนียม เพราะทุกคนรู้ว่าต่อให้ชูรีเก่งสามารถแค่ไหนนั่นก็หมายถึงแค่ในแลปอันเป็น safe zone ของเธอ มีทางเดินเป็นของเธอเองที่ไม่ใช่การเดินตามรอยพี่ชาย อาวุธของเธอคือสมอง และชูรีเองก็พอใจกับการอยู่ใต้เงาอันกว้างใหญ่ของพี่ชายผู้เป็นต้นแบบเสมอมา
จนเมื่อวันหนึ่งเงาที่เคยปกป้องคุ้มครองหายไป แสงจึงสาดส่องมาที่เธอโดยไม่ต้องการ
ในเรื่องจะเห็นว่าชูรีไม่มีความพยายามที่จะยอมรับความสูญเสียนี้ เธอคิดว่ารับมือกับมันได้ พยายามเข้มแข็งขึ้นในแบบของตัวเอง โดยใช้วิทยาศาสตร์ที่เธอยึดมั่นถือมั่นในการยึดเหนี่ยวตัวเองไว้ เพราะนี่คือทางของเธอไม่ใช่ทางของพี่ชาย (ส่วนหนึ่งคิดว่าเป็นการปฏิเสธความจริงเพื่อปกป้องตัวเองจากความคิดที่ว่าเสียพี่ชายไปเพราะตัวเธอเก่งไม่พอที่จะสร้างสมุนไพรรูปหัวใจได้)
ทุกคนรู้ว่าไม่มีใครสามารถแทนที่แชดวิกในฐานะ Black Panther ได้ โปรดิวเซอร์ ผู้กำกับ นักแสดง และทีมงานเบื้องหลังยิ่งรู้ดีกว่าคนดูอย่างเราๆ อย่างน้อยก็ในช่วงเวลาสี่ห้าปีหลังจากสูญเสียแชดวิกไปอย่างไม่มีวันกลับ แต่จักรวาล MCU ยังต้องเดินหน้าต่อไป ประชาชนในวากานด้าต้องใช้ชีวิตต่อไป และเมื่อภัยร้ายบุกถึงในบ้าน วากานด้าก็จำเป็นต้องมี Black Panther เทพผู้พิทักษ์คนใหม่
แต่ Black Panther คนใหม่อยากเป็น Black Panther หรือเปล่า?
ทุกคนคงได้เห็นในหนังแล้วว่าชูรีไม่มีความอยากเป็น Black Panther แม้แต่น้อย รวมไปถึงความคิดที่ว่าต่อให้ไม่มี Black Panther ก็ไม่เป็นไร เธอสามารถพอจะปกป้องทุกสิ่งทุกอย่างได้ด้วยมันสมองของเธอ จนกระทั่งอีปลาซาร์ดีนตัวนั้นโผล่มา... (ฮา)
การปรากฏตัวของพี่ปลาซาร์ดีน เอ๊ย เนมอร์ คือจุดสำคัญที่บีบบังคับให้ชูรี หนังเรื่องนี้ และทุกคนต้อง move on จากแชดวิก
เป็นอีกครั้งที่มาร์เวลสร้างตัวละครได้มีเสน่ห์ แม้จะเป็นตัวร้ายน่าข่วนหลังจับถอนขนแค่ไหนก็อดหลงรักไม่ได้ เพราะพี่ปลาแกร้ายแบบมีเหตุผล อุตส่าห์หนีมาแอบในน้ำเป็นร้อยๆ ปี แต่เพราะพวกมนุ้ดนี่แหละไม่เคยพอใจ กวาดชิงทรัพยากรไปเรื่อย พี่ก็ต้องปกป้องลูกบ้านของพี่ น้องแมวเห็นไหมว่าโลกมันบังคับให้พี่ต้องร้าย!
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ซึ่งอีกพี่ปลามันร้ายจริง ทั้งน่ากลัวทั้งน่าเกรงขาม ชาวทาโลคานก็โคตรเก่ง เก่งชนิดที่มอบบทเรียนอันโหดร้ายให้ชูรีชนิดจำไม่มีวันลืม สอนชูรีให้รู้จักความโกรธแค้น และบีบบังคับให้เธอเดินทางบนเส้นทางที่ไม่อยากก้าวเท้าเข้าไป คือการเป็น Black Panther
ดังสุภาษิตว่า “เวรย่อมระงับด้วยการตบอินั่นเลย” ความแค้นที่เนมอร์สร้างขึ้นก็ผลักดันให้ชูรียอมเป็น Black Panther เพื่อจะได้จับพี่ปลามาปิ้งให้สาสมกับที่ทำกับ ควีนรามอนด้า ครอบครัวและร่มเงาหนึ่งเดียวที่เหลืออยู่
จึงไม่ค่อยแปลกใจกับฉากโลกหลังความตายที่เธอไม่ได้ไปลานบรรพชน ได้พบกับบุคคลอันเป็นที่รักทั้งหลาย แต่กลับได้พบญาติผู้พี่อย่างคิลมองเกอร์แทน เพราะทั้งคู่ล้วนมีความขบถต่างจากชาววากานด้าทั่วไปที่ยังยึดมั่นเชื่อถือในจิตวิญญาณและตำนานโบราณที่เล่าสืบต่อกันมา (แล้วในหนังก็มีฉากชาววากานด้าแซะตัวเองเรื่อง propaganda อันนี้ด้วยนะ 555)
แต่เมล็ดพันธุ์เดียวกันเมื่อปลูกในดินต่างกันย่อมให้ผลต่างกัน
ชูรีไม่มีวันเหมือนเอนจาดาก้า เพราะเธอเติบโตมาในครอบครัวของกษัตริย์ มีแบบอย่างที่ดีอย่างทีชัลล่า มีแม่ที่คอยประคับประคองเธอให้เดินทางในที่ถูกที่ควร ต่อให้เธอจมอยู่ท่ามกลางทะเลเพลิง ต่อให้ต้องกล้ำกลืนฝืนทนแบกรับภาระหน้าที่ที่ไม่เคยต้องการ แม้จะไม่เหลือใคร จิตใจยังไม่พร้อม ในช่วงคาบเกี่ยวของความเป็นความตายตัดสินชะตาอนาคตข้างหน้า ชูรีก็ยังเห็นแก่ส่วนรวมมากกว่าส่วนตนเพราะเธอรู้ว่าเธอมีทุกสิ่งที่คนอื่นไม่มี เธอมีอำนาจทำในสิ่งที่คนอื่นทำไม่ได้ และนี่คือลักษณะของผู้นำนักปกครองที่ดี...
ภายในเวลาสั้นๆ ชูรีถูกบีบให้โตขึ้นเพื่อเดินแทนที่พี่ชายบนเส้นทางสายนี้ ในฟากของคนดูเองก็ต้องยอมรับว่าถูกบีบบังคับให้เจอกับ Black Panther คนใหม่ทั้งที่ไม่พร้อมจะเห็นใครมาแทนที่แชดวิกเหมือนกัน แต่ในเมื่อมันทำอะไรก็มีแต่ต้องยอมรับและเดินหน้าต่อไป เราจึงได้เจอกับ Black Panther ที่ผอมเพรียวเหมือนแมว ไร้ความน่าเกรงขาม ต่อสู้ไม่เก่งแต่ฉลาดเป็นกรด และคาดหวังไว้กับอนาคตข้างหน้าอย่างที่หนังบอกกับเราในฉาก mid credit
Black Panther: Wakanda Forever จึงไม่ใช่หนังเพื่อนหญิงพลังหญิง แต่เป็นหนังของเด็กผู้หญิงในกรงทองคนหนึ่งที่สูญเสียสิ่งสำคัญในชีวิตไป ถูกบีบให้ออกมาจากร่มเงากว้างใหญ่ไพศาลของพี่ชาย ต้องเรียนรู้ที่จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ยอมเดินหน้าต่อไปแม้ไม่ใช่ทางที่เธอวาดฝันไว้เพื่อสืบทอดเจตนารมย์ของทุกคน และเลือกเก็บอดีตไว้เป็นความทรงจำงดงามในใจ