เพื่อไทย แนะ ‘นายกฯ’ ใช้เอเปค เปิดประตูศก.ก่อนไทยตกเวทีโลก อย่าใช้งบเพื่อพีอาร์ ประยุทธ์
https://www.matichon.co.th/politics/news_3661594
“ลิณธิภรณ์” จี้ “ประยุทธ์” เร่งแก้ปัญหายาเสพติด-บ่อนพนันก่อนสังคมไทยเสื่อมพัง แนะ 3 ทางออกแก้ก่อนสาย
เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) น.ส.
ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รองเลขาธิการพรรค พท. กล่าวว่า มีความกังวลเป็นอย่างมากว่าขณะนี้สังคมไทยกำลังเสื่อมโทรมอย่างหนัก นอกจากจะเผชิญปัญหาการพนันเกลื่อนกลาด ยังมียาเสพติดเกลื่อนเมืองกลายเป็นสิ่งที่พบเห็นได้ในชีวิตประจำวัน จนลุกลามกลายเป็นปัญหาระดับประเทศ ข่าวการบุกจับผับลับย่านเจริญราษฎร์ พบยาเสพติดจำนวนมากหรือเมื่อปลายเดือนมิถุนายน 2565 ที่ผ่านมา มีการจับกุมบ่อนพนันใต้ดินย่านรัชดาภิเษก มีนักพนันชาวไทยและต่างชาติถูกจับกุมจำนวนมาก และนับตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2565 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมคดีบ่อนพนันไปแล้วถึง 497 คดี และอีกหลายบ่อนที่ถูกเปิดโปง จนประชาชนตั้งคำถามว่า 1 เขต 1 บ่อนการพนันใช่หรือไม่
น.ส.
ลิณธิภรณ์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ เมื่อดูจากข้อมูลของศูนย์วิจัยเพื่อการพัฒนาสังคมและธุรกิจ (SAB) ที่ได้ศึกษาสถานการณ์การพนันในประเทศไทย ปี 2564 จากกลุ่มตัวอย่างเกือบ 7,000 คนพบว่า คนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไปเล่นพนันกว่า 59.6% หรืออยู่ที่ 32 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปี 2562 ถึง 6.3% ในจำนวนนี้เป็นเด็กและเยาวชนอายุ 15-25 ปี ถึง 4.3 ล้านคน วงเงินหมุนเวียนในบ่อนพนันรวมกว่า 93,321 ล้านบาท ขณะที่การพนันออนไลน์ในปี 2564 ก็สูงขึ้นจากปี 2562 ถึงเท่าตัวหรือเพิ่มขึ้น 135.8% เงินหมุนเวียนในการพนันออนไลน์พุ่งสูงถึง 107,078 ล้านบาท สูงขึ้นถึง 4 เท่าตัว หรือ 431.3% จากปี 2562
น.ส.
ลิณธิภรณ์ กล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นสัญญาณเตือนว่าการป้องกันและปราบปรามการพนันและยาเสพติด นับวันจะยิ่งตกต่ำดำดิ่งและอาจเป็นการยากที่จะแก้ไขได้โดยเร็ว ทั้งที่ตลอด 8 ปี พล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ประกาศจัดการอย่างเด็ดขาดกับธุรกิจผิดกฎหมายทุกรูปแบบ แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับตรงกันข้ามทุกวันนี้ยังเกิดเหตุสลดซ้ำๆ แต่ละวัน ทั้งคนเมายา หลอนยา พ่อฆ่าลูก ลูกฆ่าบุพการี ทำร้ายทุบตีเพราะขาดสติจากการเสพยาไม่เว้นแต่ละวัน สิ่งเหล่านี้ไม่ควรเกิดขึ้นในสังคมไทย ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ควรเร่งดำเนินการแก้ไขโดยมีข้อเสนอแนะ ดังนี้ 1.สนับสนุนให้ปฏิรูปตำรวจ ให้กลายเป็นองค์กรที่โปร่งใส รวมถึงข้อเสนอของการผลักดันการแก้ปัญหาผ่านร่างกฎหมายฉบับ
ต่างๆ เพราะปัญหาบ่อนการพนัน การพนันออนไลน์ หรือส่วยการพนันมีความเชื่อมโยงทั้งในองค์กรของการกำกับและบังคับใช้กฎหมาย
น.ส.
ลิณธิภรณ์ กล่าวต่อว่า 2.ลงโทษผู้กระทำผิด ผู้มีอิทธิพล และเจ้าหน้าที่ที่ปล่อยให้การพนันผิดกฎหมายยังดำเนินการอยู่อย่างจริงจัง ด้วยความเป็นธรรม ต้องไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมายไม่ว่าจะมียศหรือตำแหน่งใด 3.กฎหมายการพนันต้องแก้ไขให้เท่าทันกับการพนันที่มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบ โดยเฉพาะการพนันออนไลน์ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และกระทรวงดีอี ต้องเข้ามาควบคุมหรือปิดเว็บไซต์พนันออนไลน์ที่ผิดกฎหมายเหล่านี้ เพื่อป้องกันเด็กและเยาวชนที่อาจตกเป็นเหยื่อเพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของพิษภัยจากเล่นการพนัน ซึ่งรัฐบาลที่ดีมีหน้าที่สร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม และจำกัดสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม หยุดยาเสพติด บ่อนพนันออนไลน์ ต้องเริ่มจากความจริงใจ จริงจัง ในฐานะผู้นำของพล.อ.
ประยุทธ์ การแก้ปัญหา การปราบปรามต้องต่อเนื่อง เอาจริงเอาจัง เพราะสิ่งเหล่านี้คือบ่อนทำลายประเทศที่เห็นจากการจับกุมนั้นเป็นแค่เพียงยอดภูเขาน้ำแข็งที่โผล่พ้นน้ำเท่านั้น
“จักรพล” แนะ “บิ๊กตู่” ใช้เอเปคเปิดประตูศก.ก่อนไทยตกเวทีโลก อัด อย่าใช้งบเพื่อประชาสัมพันธ์ “ประยุทธ์”
ขณะที่ นาย
จักรพล ตั้งสุทธิธรรม ส.ส.เชียงใหม่ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ในโอกาสที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจในเอเชียแปซิฟิก หรือเอเปค 2022 ถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะประเทศไทยมีความคาดหวังว่าควรจะใช้โอกาสนี้ในการโชว์ศักยภาพของประเทศในทุกๆ ด้าน ซึ่งพล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ควรใช้โอกาสนี้สร้างประโยชน์ให้กับคนไทยและประเทศไทยเพียงแต่ว่าประเทศที่จะเข้าร่วมการประชุมมองการประชุมครั้งนี้อย่างไร และมีหลายประเทศยืนยันว่าจะมาร่วมประชุม แต่ที่มานั้นเป็นใคร เป็นผู้นำที่มีอำนาจตัดสินใจมาเอง หรือส่งผู้นำระดับรองๆ มาแทน เช่น กรณีที่นาย
โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาไม่มา ด้วยเหตุผลใดกันแน่ รวมทั้งวาระการประชุมที่จะมีการหารือกันในระหว่างประชุมมีอะไรที่เป็นประโยชน์บ้าง ทั้งนี้ คาดว่าในที่ประชุมจะมีการหารือปรับเปลี่ยนรูปแบบการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมไทยไปสู่รูปแบบใหม่ ที่เรียกว่า BCG Economy Model จะเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตแบบก้าวกระโดด นำพาประเทศไทยก้าวข้ามกับดักประเทศและมีการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคมที่ยั่งยืน สามารถที่จะต่อยอดและการพัฒนาได้หรือไม่
“จากการประชุมสุดยอดผู้นำ G20 ที่จาร์กาตา ประเทศอินโดนีเซีย นอกจากนี้ ยังได้เป็นตัวแทนของประเทศไทย ในการประชุม APPF หรือการประชุมรัฐสภาภาคพื้นเอเชียและแปซิฟิก ต้องยอมรับว่าผลจากการประชุมพบว่าประเทศไทยจะตกกรอบเวทีโลกอยู่แล้ว ผู้นำโลกมองผู้นำไทยในสายตาที่เปลี่ยนไป ทั้งการยอมรับ การเชื่อถือ การเพิ่มศักยภาพในการเจรจา เพราะภาพของผู้นำประเทศไทย ในสายตาประชาคมโลกลดลงไปมาก ซึ่งน่าเสียใจแทนที่จะใช้โอกาสนี้ในการสร้างศักยภาพของประเทศไทยในเวทีโลก แต่พล.อ.ประยุทธ์กลับใช้เวทีนี้เป็นฟางเส้นสุดท้ายในการกำหนด ทิศทางการเมืองในอนาคตของตัวเอง สะท้อนว่าไม่ได้ให้ความสำคัญกับเวทีนี้แต่เป็นเพียงการเดิมพันอนาคตทางการเมืองของพล.อ.ประยุทธ์ ดังนั้น จึงปิดโอกาสของประเทศไทยแต่นำเวทีเอเปคมาปกป้องตัวเอง ทั้งที่ทุกประเทศจะใช้เวทีนี้ต่อยอดทางเศรษฐกิจ รัฐบาลทุ่มงบประมาณมหาศาลในการจัดประชุมแต่สุดท้ายคือการประชาสัมพันธ์ให้กับพล.อ.ประยุทธ์ เท่านั้นเอง ขอเตือนไปยังรัฐบาลว่าประชาชนคาดหวังว่าประเทศไทยจะสามารถเปิดประตู เศรษฐกิจโลกไม่ตกเวทีเหมือนที่ผ่านมา ควรใช้เวทีนี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดและคุ้มค่ากับงบประมาณที่จ่ายไป” นาย
จักรพล กล่าว
“ตรีชฎา” ฉะ “บิ๊กตู่” ถูกโดดเดี่ยว หลัง “บิ๊กป้อม-บิ๊กป๊อก” ถอยขายที่ดินให้ต่างชาติ เตือน ลิ่วล้อเปิดหูเปิดตาฟังคนอื่นบ้าง จะได้ไม่พลาดโดยเฉพาะคนในรัฐบาล
ด้านนางสาว
ตรีชฎา ศรีธาดา รองโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกระแสข่าว พล.อ.
ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ลงนามถอนร่างกฎกระทรวงขายที่ดินให้คนต่างชาติออกตามที่ พล.อ.
อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เสนอมาว่า ตนหวังว่าในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันนี้ มีเพียงคำตอบเดียวที่ ครม.จะให้กับประชาชนคือ ยกเลิกแนวคิดนี้ไปเสียซึ่งจะถือว่ารัฐบาลพล.อ.
ประยุทธ์ ได้ทำประโยชน์กับประเทศบ้างแล้ว แต่ทั้งหมดก็ได้สะท้อนให้เห็นว่าที่ผ่านมารัฐบาลเร่งรีบดำเนินการ ไม่ผ่านกระบวนการศึกษารายละเอียดถึงผลดี ผลเสียอย่างดีพอ จนอาจเดินเข้าสู่ตัดสินใจบกพร่องผิดพลาดอย่างร้ายแรง จนทำให้สังคมปรามาสว่าเป็นแนวคิดขายชาติ นอกจากนี้ อยากเตือนสติบรรดากองเชียร์ลิ่วล้อที่หลับหูหลับตาเชียร์แบบไม่รู้เรื่อง กลุ่มคนเหล่านี้ควรเปิดหู เปิดตา เปิดใจ รับฟังข้อมูลจากผู้อื่นบ้าง จะได้ไม่พลาดอีก โดยเฉพาะคนที่มีตำแหน่งในรัฐบาลที่เคยออกมาเชียร์กฎกระทรวงนี้ว่าช่วยกระตุ้นการลงทุน และยังโจมตีว่ากฎกระทรวงการขายที่ดินต่างชาติฉบับปี 2545 เข้มงวดเกินไป ทั้งที่ในช่วงนั้นรัฐบาลภายใต้การนำโดยพรรคไทยรักไทยคิดอย่างรอบคอบละเอียดถี่ถ้วนดีแล้ว โดยมีเป้าหมายว่าต้องยังคงไว้ซึ่งการรักษาชาติ รักษาแผ่นดินไทยเอาไว้
น.ส.
ตรีชฎา กล่าวต่อว่า รัฐบาลพล.อ.
ประยุทธ์บริหารประเทศเป็นแบบรัฐบาลผสม แต่ทำงานแบบตัวใครตัวมัน ไม่รับผิดชอบร่วมกัน ทั้งที่รัฐธรรมนูญ
กำหนดไว้ชัดเจน มิหนำซ้ำยังทะเลาะและห้ำหั่นกันเองระหว่างพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) และพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กรณีปัญหากัญชาเสรี โดยไม่ได้เกรงใจประชาชนแม้แต่น้อย สิ่งที่เกิดขึ้นอาการของพล.อ.
ประยุทธ์ ที่จะเดินหน้ากฎกระทรวงขายที่ดินให้ต่างชาติ แต่พล.อ.
ประวิตรและพล.อ.
อนุพงษ์ จะชะลอ ยิ่งเป็นการประจานพล.อ.
ประยุทธ์ว่ากำลังถูกโดดเดี่ยว ซ้ำยังไม่มีน้ำยาในการสร้างความปรองดองแม้แต่ในครม.เอง
“รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์อย่าคิดว่าถ้าพลาดแล้ว ล้มเลิกแล้วจะจบ คำขอโทษประชาชนสักคำไม่มี กรณีถ้าเกิดขึ้นจริงจะถือเป็นบทเรียนราคาแพงของรัฐบาลที่กระทบกระเทือนหัวใจคนไทยอย่างรุนแรง คำปรามาสที่สังคมมอบให้ว่าขายชาติ ขายแผ่นดิน คงต้องตกเป็นของรัฐบาลแน่” น.ส.
ตรีชฎา กล่าว
‘ทัศนัย-อาจารย์-น.ศ.’ วิจิตรศิลป์ มช. โดนตร.ออกหมายเรียก ปมบุกตัดโซ่ทวงหอศิลป์ ‘อดีตคณบดี’ แจ้งความ
https://www.matichon.co.th/politics/news_3661660
‘ทัศนัย-อาจารย์-น.ศ.’ วิจิตรศิลป์ มช. โดนตร.ออกหมายเรียก ปมบุกตัดโซ่ทวงหอศิลป์ ปี64 ‘อดีตคณบดี’ แจ้งความ
สืบเนื่องกรณี อาจารย์และนักศึกษาคณะวิจิตร ม.เชียงใหม่ ใช้คีมตัดโซ่ที่คล้องและล็อกกุญแจประตูเข้า-ออก หอศิลปวัฒนธรรม มช. เพื่อเข้าไปแสดงศิลปนิพนธ์งานจบของนักศึกษา Media Art and Design เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2564 เนื่องจากผู้บริหาร มช. ขัดขวางไม่ให้นักศึกษาใช้หอศิลป์แสดงงานดังที่เคยทำกันทุกปี โดยอ้างว่างานศิลปะของนักศึกษามีเนื้อหาทางการเมือง นั้น
เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานว่า นาย
ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ และ ผศ.
ทัศนัย เศรษฐเสรี อาจารย์ภาควิชาสื่อศิลปะและการออกแบบสื่อ (Media Art and Design) คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้รับหมายเรียกผู้ต้องหาครั้งที่ 2 จากสถานีตำรวจภูธรภูพิงคราชนิเวศน์ เมื่อวันที่ 2 พ.ย. ที่ผ่านมา ในคดีที่มี รศ.
อัศวิณีย์ หวานจริง (นิรันต์) อดีตคณบดีคณะวิจิตรศิลป์ เป็นผู้กล่าวหา ผศ.
ทัศนัย กับพวก ในข้อกล่าวหาร่วมกันเข้าไปในอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่นฯ
เข้ารับทราบข้อหาบุกรุก หอศิลป์ มช. ในวันพรุ่งนี้ เวลา 13.00 น. ณ สถานีตำรวจภูธรภูพิงคราชนิเวศน์ จากการกรณี
ซึ่งต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ให้ข้อมูลอีกว่า นอกจากอาจารย์ทั้ง 2 คนแล้ว ยังมี นาย
ยศสุนทร รัตตประดิษฐ์ นักศึกษาสาขาวิชาสื่อศิลปะและการออกแบบสื่อ คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีนี้ร่วมอีกด้วย โดยหมายกำหนดให้ทั้งหมดเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อรับทราบข้อกล่าวหา ในวันที่ 10 พฤศจิกายนนี้ เวลา 13.00 น. โดยทั้ง 3 เตรียมจะเข้ารับทราบข้อหาพร้อมกันในวันเวลาดังกล่าว
สำหรับ สาเหตุในคดีดังกล่าว มาจากเหตุการณ์ที่กลุ่มอาจารย์และนักศึกษาสาขาวิชา Media Art and Design พยายามเข้าไปใช้พื้นที่ของหอศิลปวัฒนธรรมของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพื่อจัดแสดงงานศิลปะประจำปีของสาขาวิชา ซึ่งก่อนหน้านั้นนักศึกษาได้มีความพยายามขออนุญาตใช้สถานที่จากผู้ดูแลและผู้บริหารของหอศิลป์ตามระเบียบ แต่ทางผู้บริหารหอศิลป์ไม่มีคำสั่งอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้ใช้พื้นที่ดังกล่าว
จนกระทั่งวันที่ 15 ต.ค.2564 เป็นวันที่ถึงกำหนดการที่จะต้องแสดงงานศิลปะของนักศึกษาและต้องมีขั้นตอนการเตรียมติดตั้งผลงานด้วย กลุ่มนักศึกษาสาขาวิชา Media Art and Design จึงได้มีการรวมตัวเพื่อลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน จากเหตุการณ์ปิดกั้นไม่ให้ใช้พื้นที่หอศิลป์ดังกล่าว ซึ่งอาจก่อให้เกิดเสียหายต่อการแสดงผลงานศิลปะและการศึกษาของนักศึกษาที่เกี่ยวข้อง พร้อมกับประกาศเข้าใช้หอศิลปวัฒนธรรมของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ในวันรุ่งขึ้น เพื่อป้องกันความเสียหายต่อการแสดงงานศิลปะของนักศึกษา
JJNY : เพื่อไทยแนะใช้เอเปค|‘ทัศนัย-อาจารย์-น.ศ.’ โดนหมายเรียก|ค้านใช้งบ ซื้อลิขสิทธิ์ฟุตบอล|เบนซินกระอัก ไม่ถึง 7 วัน
https://www.matichon.co.th/politics/news_3661594
“ลิณธิภรณ์” จี้ “ประยุทธ์” เร่งแก้ปัญหายาเสพติด-บ่อนพนันก่อนสังคมไทยเสื่อมพัง แนะ 3 ทางออกแก้ก่อนสาย
เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รองเลขาธิการพรรค พท. กล่าวว่า มีความกังวลเป็นอย่างมากว่าขณะนี้สังคมไทยกำลังเสื่อมโทรมอย่างหนัก นอกจากจะเผชิญปัญหาการพนันเกลื่อนกลาด ยังมียาเสพติดเกลื่อนเมืองกลายเป็นสิ่งที่พบเห็นได้ในชีวิตประจำวัน จนลุกลามกลายเป็นปัญหาระดับประเทศ ข่าวการบุกจับผับลับย่านเจริญราษฎร์ พบยาเสพติดจำนวนมากหรือเมื่อปลายเดือนมิถุนายน 2565 ที่ผ่านมา มีการจับกุมบ่อนพนันใต้ดินย่านรัชดาภิเษก มีนักพนันชาวไทยและต่างชาติถูกจับกุมจำนวนมาก และนับตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2565 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมคดีบ่อนพนันไปแล้วถึง 497 คดี และอีกหลายบ่อนที่ถูกเปิดโปง จนประชาชนตั้งคำถามว่า 1 เขต 1 บ่อนการพนันใช่หรือไม่
น.ส.ลิณธิภรณ์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ เมื่อดูจากข้อมูลของศูนย์วิจัยเพื่อการพัฒนาสังคมและธุรกิจ (SAB) ที่ได้ศึกษาสถานการณ์การพนันในประเทศไทย ปี 2564 จากกลุ่มตัวอย่างเกือบ 7,000 คนพบว่า คนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไปเล่นพนันกว่า 59.6% หรืออยู่ที่ 32 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปี 2562 ถึง 6.3% ในจำนวนนี้เป็นเด็กและเยาวชนอายุ 15-25 ปี ถึง 4.3 ล้านคน วงเงินหมุนเวียนในบ่อนพนันรวมกว่า 93,321 ล้านบาท ขณะที่การพนันออนไลน์ในปี 2564 ก็สูงขึ้นจากปี 2562 ถึงเท่าตัวหรือเพิ่มขึ้น 135.8% เงินหมุนเวียนในการพนันออนไลน์พุ่งสูงถึง 107,078 ล้านบาท สูงขึ้นถึง 4 เท่าตัว หรือ 431.3% จากปี 2562
น.ส.ลิณธิภรณ์ กล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นสัญญาณเตือนว่าการป้องกันและปราบปรามการพนันและยาเสพติด นับวันจะยิ่งตกต่ำดำดิ่งและอาจเป็นการยากที่จะแก้ไขได้โดยเร็ว ทั้งที่ตลอด 8 ปี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ประกาศจัดการอย่างเด็ดขาดกับธุรกิจผิดกฎหมายทุกรูปแบบ แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับตรงกันข้ามทุกวันนี้ยังเกิดเหตุสลดซ้ำๆ แต่ละวัน ทั้งคนเมายา หลอนยา พ่อฆ่าลูก ลูกฆ่าบุพการี ทำร้ายทุบตีเพราะขาดสติจากการเสพยาไม่เว้นแต่ละวัน สิ่งเหล่านี้ไม่ควรเกิดขึ้นในสังคมไทย ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ควรเร่งดำเนินการแก้ไขโดยมีข้อเสนอแนะ ดังนี้ 1.สนับสนุนให้ปฏิรูปตำรวจ ให้กลายเป็นองค์กรที่โปร่งใส รวมถึงข้อเสนอของการผลักดันการแก้ปัญหาผ่านร่างกฎหมายฉบับ
ต่างๆ เพราะปัญหาบ่อนการพนัน การพนันออนไลน์ หรือส่วยการพนันมีความเชื่อมโยงทั้งในองค์กรของการกำกับและบังคับใช้กฎหมาย
น.ส.ลิณธิภรณ์ กล่าวต่อว่า 2.ลงโทษผู้กระทำผิด ผู้มีอิทธิพล และเจ้าหน้าที่ที่ปล่อยให้การพนันผิดกฎหมายยังดำเนินการอยู่อย่างจริงจัง ด้วยความเป็นธรรม ต้องไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมายไม่ว่าจะมียศหรือตำแหน่งใด 3.กฎหมายการพนันต้องแก้ไขให้เท่าทันกับการพนันที่มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบ โดยเฉพาะการพนันออนไลน์ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และกระทรวงดีอี ต้องเข้ามาควบคุมหรือปิดเว็บไซต์พนันออนไลน์ที่ผิดกฎหมายเหล่านี้ เพื่อป้องกันเด็กและเยาวชนที่อาจตกเป็นเหยื่อเพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของพิษภัยจากเล่นการพนัน ซึ่งรัฐบาลที่ดีมีหน้าที่สร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม และจำกัดสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม หยุดยาเสพติด บ่อนพนันออนไลน์ ต้องเริ่มจากความจริงใจ จริงจัง ในฐานะผู้นำของพล.อ.ประยุทธ์ การแก้ปัญหา การปราบปรามต้องต่อเนื่อง เอาจริงเอาจัง เพราะสิ่งเหล่านี้คือบ่อนทำลายประเทศที่เห็นจากการจับกุมนั้นเป็นแค่เพียงยอดภูเขาน้ำแข็งที่โผล่พ้นน้ำเท่านั้น
“จักรพล” แนะ “บิ๊กตู่” ใช้เอเปคเปิดประตูศก.ก่อนไทยตกเวทีโลก อัด อย่าใช้งบเพื่อประชาสัมพันธ์ “ประยุทธ์”
ขณะที่ นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม ส.ส.เชียงใหม่ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ในโอกาสที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจในเอเชียแปซิฟิก หรือเอเปค 2022 ถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะประเทศไทยมีความคาดหวังว่าควรจะใช้โอกาสนี้ในการโชว์ศักยภาพของประเทศในทุกๆ ด้าน ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ควรใช้โอกาสนี้สร้างประโยชน์ให้กับคนไทยและประเทศไทยเพียงแต่ว่าประเทศที่จะเข้าร่วมการประชุมมองการประชุมครั้งนี้อย่างไร และมีหลายประเทศยืนยันว่าจะมาร่วมประชุม แต่ที่มานั้นเป็นใคร เป็นผู้นำที่มีอำนาจตัดสินใจมาเอง หรือส่งผู้นำระดับรองๆ มาแทน เช่น กรณีที่นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาไม่มา ด้วยเหตุผลใดกันแน่ รวมทั้งวาระการประชุมที่จะมีการหารือกันในระหว่างประชุมมีอะไรที่เป็นประโยชน์บ้าง ทั้งนี้ คาดว่าในที่ประชุมจะมีการหารือปรับเปลี่ยนรูปแบบการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมไทยไปสู่รูปแบบใหม่ ที่เรียกว่า BCG Economy Model จะเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตแบบก้าวกระโดด นำพาประเทศไทยก้าวข้ามกับดักประเทศและมีการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคมที่ยั่งยืน สามารถที่จะต่อยอดและการพัฒนาได้หรือไม่
“จากการประชุมสุดยอดผู้นำ G20 ที่จาร์กาตา ประเทศอินโดนีเซีย นอกจากนี้ ยังได้เป็นตัวแทนของประเทศไทย ในการประชุม APPF หรือการประชุมรัฐสภาภาคพื้นเอเชียและแปซิฟิก ต้องยอมรับว่าผลจากการประชุมพบว่าประเทศไทยจะตกกรอบเวทีโลกอยู่แล้ว ผู้นำโลกมองผู้นำไทยในสายตาที่เปลี่ยนไป ทั้งการยอมรับ การเชื่อถือ การเพิ่มศักยภาพในการเจรจา เพราะภาพของผู้นำประเทศไทย ในสายตาประชาคมโลกลดลงไปมาก ซึ่งน่าเสียใจแทนที่จะใช้โอกาสนี้ในการสร้างศักยภาพของประเทศไทยในเวทีโลก แต่พล.อ.ประยุทธ์กลับใช้เวทีนี้เป็นฟางเส้นสุดท้ายในการกำหนด ทิศทางการเมืองในอนาคตของตัวเอง สะท้อนว่าไม่ได้ให้ความสำคัญกับเวทีนี้แต่เป็นเพียงการเดิมพันอนาคตทางการเมืองของพล.อ.ประยุทธ์ ดังนั้น จึงปิดโอกาสของประเทศไทยแต่นำเวทีเอเปคมาปกป้องตัวเอง ทั้งที่ทุกประเทศจะใช้เวทีนี้ต่อยอดทางเศรษฐกิจ รัฐบาลทุ่มงบประมาณมหาศาลในการจัดประชุมแต่สุดท้ายคือการประชาสัมพันธ์ให้กับพล.อ.ประยุทธ์ เท่านั้นเอง ขอเตือนไปยังรัฐบาลว่าประชาชนคาดหวังว่าประเทศไทยจะสามารถเปิดประตู เศรษฐกิจโลกไม่ตกเวทีเหมือนที่ผ่านมา ควรใช้เวทีนี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดและคุ้มค่ากับงบประมาณที่จ่ายไป” นายจักรพล กล่าว
“ตรีชฎา” ฉะ “บิ๊กตู่” ถูกโดดเดี่ยว หลัง “บิ๊กป้อม-บิ๊กป๊อก” ถอยขายที่ดินให้ต่างชาติ เตือน ลิ่วล้อเปิดหูเปิดตาฟังคนอื่นบ้าง จะได้ไม่พลาดโดยเฉพาะคนในรัฐบาล
ด้านนางสาวตรีชฎา ศรีธาดา รองโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกระแสข่าว พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ลงนามถอนร่างกฎกระทรวงขายที่ดินให้คนต่างชาติออกตามที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เสนอมาว่า ตนหวังว่าในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันนี้ มีเพียงคำตอบเดียวที่ ครม.จะให้กับประชาชนคือ ยกเลิกแนวคิดนี้ไปเสียซึ่งจะถือว่ารัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ได้ทำประโยชน์กับประเทศบ้างแล้ว แต่ทั้งหมดก็ได้สะท้อนให้เห็นว่าที่ผ่านมารัฐบาลเร่งรีบดำเนินการ ไม่ผ่านกระบวนการศึกษารายละเอียดถึงผลดี ผลเสียอย่างดีพอ จนอาจเดินเข้าสู่ตัดสินใจบกพร่องผิดพลาดอย่างร้ายแรง จนทำให้สังคมปรามาสว่าเป็นแนวคิดขายชาติ นอกจากนี้ อยากเตือนสติบรรดากองเชียร์ลิ่วล้อที่หลับหูหลับตาเชียร์แบบไม่รู้เรื่อง กลุ่มคนเหล่านี้ควรเปิดหู เปิดตา เปิดใจ รับฟังข้อมูลจากผู้อื่นบ้าง จะได้ไม่พลาดอีก โดยเฉพาะคนที่มีตำแหน่งในรัฐบาลที่เคยออกมาเชียร์กฎกระทรวงนี้ว่าช่วยกระตุ้นการลงทุน และยังโจมตีว่ากฎกระทรวงการขายที่ดินต่างชาติฉบับปี 2545 เข้มงวดเกินไป ทั้งที่ในช่วงนั้นรัฐบาลภายใต้การนำโดยพรรคไทยรักไทยคิดอย่างรอบคอบละเอียดถี่ถ้วนดีแล้ว โดยมีเป้าหมายว่าต้องยังคงไว้ซึ่งการรักษาชาติ รักษาแผ่นดินไทยเอาไว้
น.ส.ตรีชฎา กล่าวต่อว่า รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์บริหารประเทศเป็นแบบรัฐบาลผสม แต่ทำงานแบบตัวใครตัวมัน ไม่รับผิดชอบร่วมกัน ทั้งที่รัฐธรรมนูญ
กำหนดไว้ชัดเจน มิหนำซ้ำยังทะเลาะและห้ำหั่นกันเองระหว่างพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) และพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กรณีปัญหากัญชาเสรี โดยไม่ได้เกรงใจประชาชนแม้แต่น้อย สิ่งที่เกิดขึ้นอาการของพล.อ.ประยุทธ์ ที่จะเดินหน้ากฎกระทรวงขายที่ดินให้ต่างชาติ แต่พล.อ.ประวิตรและพล.อ.อนุพงษ์ จะชะลอ ยิ่งเป็นการประจานพล.อ.ประยุทธ์ว่ากำลังถูกโดดเดี่ยว ซ้ำยังไม่มีน้ำยาในการสร้างความปรองดองแม้แต่ในครม.เอง
“รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์อย่าคิดว่าถ้าพลาดแล้ว ล้มเลิกแล้วจะจบ คำขอโทษประชาชนสักคำไม่มี กรณีถ้าเกิดขึ้นจริงจะถือเป็นบทเรียนราคาแพงของรัฐบาลที่กระทบกระเทือนหัวใจคนไทยอย่างรุนแรง คำปรามาสที่สังคมมอบให้ว่าขายชาติ ขายแผ่นดิน คงต้องตกเป็นของรัฐบาลแน่” น.ส.ตรีชฎา กล่าว
‘ทัศนัย-อาจารย์-น.ศ.’ วิจิตรศิลป์ มช. โดนตร.ออกหมายเรียก ปมบุกตัดโซ่ทวงหอศิลป์ ‘อดีตคณบดี’ แจ้งความ
https://www.matichon.co.th/politics/news_3661660
‘ทัศนัย-อาจารย์-น.ศ.’ วิจิตรศิลป์ มช. โดนตร.ออกหมายเรียก ปมบุกตัดโซ่ทวงหอศิลป์ ปี64 ‘อดีตคณบดี’ แจ้งความ
สืบเนื่องกรณี อาจารย์และนักศึกษาคณะวิจิตร ม.เชียงใหม่ ใช้คีมตัดโซ่ที่คล้องและล็อกกุญแจประตูเข้า-ออก หอศิลปวัฒนธรรม มช. เพื่อเข้าไปแสดงศิลปนิพนธ์งานจบของนักศึกษา Media Art and Design เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2564 เนื่องจากผู้บริหาร มช. ขัดขวางไม่ให้นักศึกษาใช้หอศิลป์แสดงงานดังที่เคยทำกันทุกปี โดยอ้างว่างานศิลปะของนักศึกษามีเนื้อหาทางการเมือง นั้น
เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานว่า นายศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ และ ผศ.ทัศนัย เศรษฐเสรี อาจารย์ภาควิชาสื่อศิลปะและการออกแบบสื่อ (Media Art and Design) คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้รับหมายเรียกผู้ต้องหาครั้งที่ 2 จากสถานีตำรวจภูธรภูพิงคราชนิเวศน์ เมื่อวันที่ 2 พ.ย. ที่ผ่านมา ในคดีที่มี รศ.อัศวิณีย์ หวานจริง (นิรันต์) อดีตคณบดีคณะวิจิตรศิลป์ เป็นผู้กล่าวหา ผศ.ทัศนัย กับพวก ในข้อกล่าวหาร่วมกันเข้าไปในอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่นฯ
เข้ารับทราบข้อหาบุกรุก หอศิลป์ มช. ในวันพรุ่งนี้ เวลา 13.00 น. ณ สถานีตำรวจภูธรภูพิงคราชนิเวศน์ จากการกรณี
ซึ่งต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ให้ข้อมูลอีกว่า นอกจากอาจารย์ทั้ง 2 คนแล้ว ยังมี นายยศสุนทร รัตตประดิษฐ์ นักศึกษาสาขาวิชาสื่อศิลปะและการออกแบบสื่อ คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีนี้ร่วมอีกด้วย โดยหมายกำหนดให้ทั้งหมดเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อรับทราบข้อกล่าวหา ในวันที่ 10 พฤศจิกายนนี้ เวลา 13.00 น. โดยทั้ง 3 เตรียมจะเข้ารับทราบข้อหาพร้อมกันในวันเวลาดังกล่าว
สำหรับ สาเหตุในคดีดังกล่าว มาจากเหตุการณ์ที่กลุ่มอาจารย์และนักศึกษาสาขาวิชา Media Art and Design พยายามเข้าไปใช้พื้นที่ของหอศิลปวัฒนธรรมของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพื่อจัดแสดงงานศิลปะประจำปีของสาขาวิชา ซึ่งก่อนหน้านั้นนักศึกษาได้มีความพยายามขออนุญาตใช้สถานที่จากผู้ดูแลและผู้บริหารของหอศิลป์ตามระเบียบ แต่ทางผู้บริหารหอศิลป์ไม่มีคำสั่งอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้ใช้พื้นที่ดังกล่าว
จนกระทั่งวันที่ 15 ต.ค.2564 เป็นวันที่ถึงกำหนดการที่จะต้องแสดงงานศิลปะของนักศึกษาและต้องมีขั้นตอนการเตรียมติดตั้งผลงานด้วย กลุ่มนักศึกษาสาขาวิชา Media Art and Design จึงได้มีการรวมตัวเพื่อลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน จากเหตุการณ์ปิดกั้นไม่ให้ใช้พื้นที่หอศิลป์ดังกล่าว ซึ่งอาจก่อให้เกิดเสียหายต่อการแสดงผลงานศิลปะและการศึกษาของนักศึกษาที่เกี่ยวข้อง พร้อมกับประกาศเข้าใช้หอศิลปวัฒนธรรมของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ในวันรุ่งขึ้น เพื่อป้องกันความเสียหายต่อการแสดงงานศิลปะของนักศึกษา