สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 10
จริงๆ มันง่ายมากครับ ถ้าคุณเข้าใจหลักการ และวิธีการของมัน .. ผมเล่าการหัดขับรถเกียร์ธรรมดาของผมให้ฟังนะ
ผมเริ่มหัดขับรถครั้งแรก ตั้งแต่อายุ 14 อยู่ ม.2 ตอนนั้น เป็นการหัดกลับรถของพ่อในซอย หน้าบ้าน (บ้านเป็นตึกแถว อยู่ในซอยตัน
หน้าตึกเป็นลานจอดรถกว้างๆ ประมาณนึง ไม่ได้กว้างสุดลูกหูลูกตา แต่ก็ไม่ได้แคบจนอันตรายในการหัดกลับรถด้วยตัวเอง)
รถพ่อผมยุคนั้น (พ.ศ.2528) Toyota Corona เกียร์ธรรมดาๆ นี่แหละ ผมแค่ทำความเข้าใจว่า ..
1. เครื่องยนต์ เป็นตัวสร้างพลังงาน - สร้างกำลังในการขับเคลื่อนรถ
2. คลัทช์ เป็นตัวตัดต่อกำลัง ระหว่างเครื่อง กับเกียร์ที่ขับไปถึงล้อ
3. เกียร์ เป็นตัวจับคู่อัตราทด (เกียร์ต่ำ อัตราทดมาก ได้แรงขับเคลื่อนรถมาก เอาไว้ออกตัว+ขึ้นทางชัน แต่จะได้ความเร็วต่ำๆ
พอเกียร์สูง ทดน้อย จะได้แรงขับน้อยลง แต่ได้ความเร็วสูงแทน)
ฉนั้น วิธีการขับไม่ให้เครื่องดับ มันง่ายมากครับ
1. เร่งเครื่องให้รอบสูงไว้ก่อน (2500-3000 รอบ/นาทีไปเลยก็ได้) เพื่อให้เครื่องมีแรงมากพอ ไม่ดับง่ายๆ
--> ใช้เท้าขวา คุมรอบเครื่อง/การเร่งเครื่อง
2. ตอนปล่อยคลัทช์ด้วยเท้าซ้าย ค่อยๆ ปล่อย อย่าปล่อยเร็ว เพื่อให้เครื่องยนต์มันสามารถปั่นล้อให้รถค่อยๆ ขยับตัวเลื่อนออกไป
--> ใช้เท้าซ้าย คุมการตัด-การต่อกำลังจากเครื่องไปสู่ล้อ
จะเห็นได้ว่า มันแยกหน้าที่กันชัดเจน
3. ถ้ามีแววว่า รอบเครื่องตกต่ำลงมาจนใกล้จะดับ คุณกดเท้าซ้ายลงไปอีกที เพื่อไม่ให้เครื่องฉุดรถ จนรอบตกจนดับ
แล้วรอบเครื่องจะเด้งกลับมาสูงอีกครั้ง เครื่องจะยังไม่ดับ แต่รถจะเริ่มขยับตัวออกวิ่งไปได้บ้างแล้ว ก็กลับไปทำข้อ 1+2 ใหม่
4. ต้องหัดบ่อยๆ ครับ แรกๆ จะไม่คล่อง ไม่ชำนาญ ไม่เนียน รถจะกระตุกๆ บ้าง ก็ช่างมัน เพราะไม่ได้ไปสอบอวดใคร เน้นแค่ว่า
" ออกตัวรถได้โดยที่เครื่องไม่ดับ และไม่ไปชนใคร "
5. ส่วนเรื่องการขึ้นสะพาน / ที่จอดรถ เวลาไปจอดกลางเนินแล้วต้องออกตัวใหม่ หัดการดึงเบรคมือ
หยุดรถกลางเนินเพิ่มครับ แล้วพอจะออกตัว
- คุณใช้เท้าขวาเร่งเครื่องเพิ่มเป็น 4000 รอบ/นาทีไปเลย
- คุณใช้เท้าซ้ายถอนคลัทช์ให้เนียนๆ ค่อยๆ ให้รถขยับเดินหน้า โดยที่ไม่ต้องกังวลว่า รถจะถอยหลัง เพราะคุณดึงเบรคมือไว้แล้ว
- พอรถเริ่มเดินหน้า (ช่วงแรกมันจะออกตัวไม่ค่อยไป เพราะเบรคมือมันก็ฉุดรถไว้) ก็เอามือซ้าย ปลดเบรคมือลง รถก็จะเคลื่อนตัวออกไปได้
==> จะเห็นได้ชัดว่า " แบ่งหน้าที่กันทำ เท้าขวา เท้าซ้าย มือซ้าย ทำคนละอย่าง ไม่เกะกะซึ่งกันและกัน "
6. ที่เหลือหลังจากนี้ ก็คือ " ฝึกหัดให้คล่องให้ชำนาญ - ต้องอาศัยชั่วโมงบิน " ครับ มันเป็นไปไม่ได้หรอกที่คนไม่เคยหัดขับรถ
อ่านวิธีการขับแต่ทฤษฎี แล้วจะสามารถมาขับรถเกียร์ธรรมดาครั้งแรกได้ ก็เนียนทุกเรื่อง ทุกอย่าง ไม่ดับ ไม่สะดุดอะไรเลย
แค่เนี้ยครับ เป็นกำลังใจให้ครับ
ปล. ผมหัดขับรถ โดยเป็นการกลับรถให้พ่อทุกเช้าแบบนั้น อยู่นาน 2 ปี จนตอนขึ้น ม.4 สอบเตรียมอุดมฯ พญาไทติด วันเปิดเทอม ม.4 วันแรก
พ่อให้ของขวัญผมด้วยการ ... " วันนี้ ขับรถออกถนนไปส่งตัวเองถึง รร.เลยไป " ผมดีใจมาก แต่ตอนขับวันนั้น ตื่นเต้น เหงื่อแตก ขาสั่นพั่บๆ
ตื่นเต้นอยู่นานร่วม 2 อาทิตย์ได้ ถึงหายตื่นเต้น .. แต่เรื่องการขับออกถนน ไม่มีปัญหาอะไรเลย เพราะหัดขับมานาน 2 ปี เลยสามารถกะระยะรอบคันได้หมดแล้ว
ปล.2 ก็รู้นะว่า มันไม่ดี ไม่ถูกที่อายุน้อย ไม่มีใบขับขี่ แต่ยังไปขับรถออกถนน .. ก็จริงแหละว่า ทำผิดกฎจราจร แต่ผมก็มั่นใจว่า วันแรกที่ผมขับออกถนน ผมสามารถขับรถได้ดีกว่า คนไทยมือใหม่ที่สอบใบขับขี่ผ่านไม่นาน อีกเยอะแยะครับ เพราะผมได้หัดขับเป็นแล้ว จากการกลับรถในซอยมานานร่วม 2 ปี
ผมเริ่มหัดขับรถครั้งแรก ตั้งแต่อายุ 14 อยู่ ม.2 ตอนนั้น เป็นการหัดกลับรถของพ่อในซอย หน้าบ้าน (บ้านเป็นตึกแถว อยู่ในซอยตัน
หน้าตึกเป็นลานจอดรถกว้างๆ ประมาณนึง ไม่ได้กว้างสุดลูกหูลูกตา แต่ก็ไม่ได้แคบจนอันตรายในการหัดกลับรถด้วยตัวเอง)
รถพ่อผมยุคนั้น (พ.ศ.2528) Toyota Corona เกียร์ธรรมดาๆ นี่แหละ ผมแค่ทำความเข้าใจว่า ..
1. เครื่องยนต์ เป็นตัวสร้างพลังงาน - สร้างกำลังในการขับเคลื่อนรถ
2. คลัทช์ เป็นตัวตัดต่อกำลัง ระหว่างเครื่อง กับเกียร์ที่ขับไปถึงล้อ
3. เกียร์ เป็นตัวจับคู่อัตราทด (เกียร์ต่ำ อัตราทดมาก ได้แรงขับเคลื่อนรถมาก เอาไว้ออกตัว+ขึ้นทางชัน แต่จะได้ความเร็วต่ำๆ
พอเกียร์สูง ทดน้อย จะได้แรงขับน้อยลง แต่ได้ความเร็วสูงแทน)
ฉนั้น วิธีการขับไม่ให้เครื่องดับ มันง่ายมากครับ
1. เร่งเครื่องให้รอบสูงไว้ก่อน (2500-3000 รอบ/นาทีไปเลยก็ได้) เพื่อให้เครื่องมีแรงมากพอ ไม่ดับง่ายๆ
--> ใช้เท้าขวา คุมรอบเครื่อง/การเร่งเครื่อง
2. ตอนปล่อยคลัทช์ด้วยเท้าซ้าย ค่อยๆ ปล่อย อย่าปล่อยเร็ว เพื่อให้เครื่องยนต์มันสามารถปั่นล้อให้รถค่อยๆ ขยับตัวเลื่อนออกไป
--> ใช้เท้าซ้าย คุมการตัด-การต่อกำลังจากเครื่องไปสู่ล้อ
จะเห็นได้ว่า มันแยกหน้าที่กันชัดเจน
3. ถ้ามีแววว่า รอบเครื่องตกต่ำลงมาจนใกล้จะดับ คุณกดเท้าซ้ายลงไปอีกที เพื่อไม่ให้เครื่องฉุดรถ จนรอบตกจนดับ
แล้วรอบเครื่องจะเด้งกลับมาสูงอีกครั้ง เครื่องจะยังไม่ดับ แต่รถจะเริ่มขยับตัวออกวิ่งไปได้บ้างแล้ว ก็กลับไปทำข้อ 1+2 ใหม่
4. ต้องหัดบ่อยๆ ครับ แรกๆ จะไม่คล่อง ไม่ชำนาญ ไม่เนียน รถจะกระตุกๆ บ้าง ก็ช่างมัน เพราะไม่ได้ไปสอบอวดใคร เน้นแค่ว่า
" ออกตัวรถได้โดยที่เครื่องไม่ดับ และไม่ไปชนใคร "
5. ส่วนเรื่องการขึ้นสะพาน / ที่จอดรถ เวลาไปจอดกลางเนินแล้วต้องออกตัวใหม่ หัดการดึงเบรคมือ
หยุดรถกลางเนินเพิ่มครับ แล้วพอจะออกตัว
- คุณใช้เท้าขวาเร่งเครื่องเพิ่มเป็น 4000 รอบ/นาทีไปเลย
- คุณใช้เท้าซ้ายถอนคลัทช์ให้เนียนๆ ค่อยๆ ให้รถขยับเดินหน้า โดยที่ไม่ต้องกังวลว่า รถจะถอยหลัง เพราะคุณดึงเบรคมือไว้แล้ว
- พอรถเริ่มเดินหน้า (ช่วงแรกมันจะออกตัวไม่ค่อยไป เพราะเบรคมือมันก็ฉุดรถไว้) ก็เอามือซ้าย ปลดเบรคมือลง รถก็จะเคลื่อนตัวออกไปได้
==> จะเห็นได้ชัดว่า " แบ่งหน้าที่กันทำ เท้าขวา เท้าซ้าย มือซ้าย ทำคนละอย่าง ไม่เกะกะซึ่งกันและกัน "
6. ที่เหลือหลังจากนี้ ก็คือ " ฝึกหัดให้คล่องให้ชำนาญ - ต้องอาศัยชั่วโมงบิน " ครับ มันเป็นไปไม่ได้หรอกที่คนไม่เคยหัดขับรถ
อ่านวิธีการขับแต่ทฤษฎี แล้วจะสามารถมาขับรถเกียร์ธรรมดาครั้งแรกได้ ก็เนียนทุกเรื่อง ทุกอย่าง ไม่ดับ ไม่สะดุดอะไรเลย
แค่เนี้ยครับ เป็นกำลังใจให้ครับ
ปล. ผมหัดขับรถ โดยเป็นการกลับรถให้พ่อทุกเช้าแบบนั้น อยู่นาน 2 ปี จนตอนขึ้น ม.4 สอบเตรียมอุดมฯ พญาไทติด วันเปิดเทอม ม.4 วันแรก
พ่อให้ของขวัญผมด้วยการ ... " วันนี้ ขับรถออกถนนไปส่งตัวเองถึง รร.เลยไป " ผมดีใจมาก แต่ตอนขับวันนั้น ตื่นเต้น เหงื่อแตก ขาสั่นพั่บๆ
ตื่นเต้นอยู่นานร่วม 2 อาทิตย์ได้ ถึงหายตื่นเต้น .. แต่เรื่องการขับออกถนน ไม่มีปัญหาอะไรเลย เพราะหัดขับมานาน 2 ปี เลยสามารถกะระยะรอบคันได้หมดแล้ว
ปล.2 ก็รู้นะว่า มันไม่ดี ไม่ถูกที่อายุน้อย ไม่มีใบขับขี่ แต่ยังไปขับรถออกถนน .. ก็จริงแหละว่า ทำผิดกฎจราจร แต่ผมก็มั่นใจว่า วันแรกที่ผมขับออกถนน ผมสามารถขับรถได้ดีกว่า คนไทยมือใหม่ที่สอบใบขับขี่ผ่านไม่นาน อีกเยอะแยะครับ เพราะผมได้หัดขับเป็นแล้ว จากการกลับรถในซอยมานานร่วม 2 ปี
แสดงความคิดเห็น
เหนื่อยใจ และท้อแท้กับการเริ่มต้นขับรถเกียร์ธรรมดามากๆ จนรู้สึกไม่อยากขับแล้ว
ผ่านด่านทางด่วนต้องชะลอรถ กลัวว่ารถจะดับมากๆๆๆ ยิ่งที่ทำงานเป็นอาคารจอดแล้วต้องวนขึ้นไปจอด บางทีก็ติดคาเนิน เครียดทุกครั้ง กลัวรถไหล กลัวรถดับ เหงื่อออกที่มือ หน้าเครียดมากๆ ทำยังไงให้มันผ่านเหตุการณ์แบบนี้ไปดีคะ?? แม่ก็บอกต้องฝึกหัด เรียนรู้กับมันไปเยอะๆ ขับเยอะๆเดี๋ยวก็ชิน ก็ไม่รู้เหมือนกันแม่แกขับโดยรถไม่ดับได้ยังไง เซียนมาก